น หลังนำทัพ ซันเดอร์แลนด์ พุ่งชนความปราชัยให้แก่ว่าที่แชมป์พรีเมียร์ลีก 0 ประตูต่อ 1
ตลอด 8 เกมหลังสุดของการทำงาน ภายใต้ขุมกบาลของนายใหญ่ไอร์แลนด์เหนือ
ไม่สามารถนำทัพ "เดอะ แบล็คแคทส์" คว้าชัยได้แม้แต่นัดเดียว โดยเป็นความพ่ายแพ้ถึง 5 นัด
ก็เท่ากับว่าเก็บได้เพียงแค่ 3 แต้ม ตลอดเกือบ 3 เดือนที่ผ่านมา เฉลี่ยแล้วเดือนละแต้ม ก็สมควรด้วยประการทั้งปวงที่บอร์ดบริหาร "แมวดำ" จะออกแถลงการณ์แยกทางกับ โอนีล อย่างสุดซึ้ง
ข่าวแพร่สะพัดไปทั่วเกาะอังกฤษ สำหรับผู้ที่จะมาอาสากอบกู้วิกฤติเพื่อประชนคนรักแมว แห่งถิ่นสเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ ออกมาต่างๆ นานา บ้างก็ว่า มาร์ค ฮิวจ์ส ล่ะ สตีฟ แม็คคลาเลน บ้างล่ะ หรือจะเป็น โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอก็ว่ากันไป
แต่รายชื่อหนึ่งที่น่าสนใจ และมาแรงแซงทุกโค้ง คือ เปาโล ดิ คานิโอ อดีตขุนแข้งระดับพระกาฬของ เวสต์แฮมที่เพิ่งแยกทางกับ สวินดอน ทาวน์ ทีมหัวตาราง ลีกวัน ทีมที่เจ้าตัวฝากฝีไม้ลายมือคุมทัพด้วยการดึงขึ้นมาจากลีกทู นั่นเอง
ใครก็ดร้ายยย ... แควนๆ ซันเดอร์แลนด์ ขอแค่พาทีมอยู่รอดปลอดภัยในลีกสูงสุดได้ก็เท่านั้น เพราะเวลาเหลือน้อยนัดเต็มที อีกทั้งมีแต้มห่างจากโซนตกชั้นแค่คะแนนเดียวเองอะ
ส่วนผู้จากไปด้วยหัวใจที่บอบช้ำและกล้ำกลืน คงใช้เวลาหลบเลียแผลใจอยู่ซักพัก เชื่อว่าพะยี่ห้อ มาร์ติน โอนีลคงตกงานไม่นาน ทีมดังทั่วเครือจักรภพรุมจีบหัวกะไดไม่แห้งแน่
เสียงลือเสียงเล่าอ้างแว่วมาตามเส้นสายแห่งโซเชี่ยลว่า กุนซือวัย 61 ขวบ มีโอกาสไม่น้อยที่อาจจะหวนคืนรัง"จิ้งจอก" เลสเตอร์ ซิตี้ ของกลุ่มทุนชาวไทย ที่มี ไนเจล เพียร์สัน ที่อยู่ในสถานะขาสั่นๆ นั่งแท่นกุนซือ เพราะทำทีมไม่ชนะใครมา 6 เกมติด ส่อแววหลุดวงโคจรลุ้นขึ้นชั้นพรีเมียร์ลีก
ขณะที่เกมการแข่งขันที่เหมือนเป็นลางบอกเหตุอยู่กลายๆ ว่านี่อาจเป็นวันอำลาตำแหน่งอย่างเป็นทางการของ โอนีล เพราะต้องโคจรมาเจอกับ "ผีดูดเลือด" ที่กำลังหื่นกระหายต้องการแต้ม
แมนฯ ยูฯ ที่เดินทัพสู่ สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ ด้วยผู้เล่นชุดผสม เพราะมีโปรแกรมหนักในศึกเอฟเอ คัพ รอบก่อนรองฯ กับ เชลซี รออยู่ในอีกแค่ 2 วันให้หลัง
แต่ก็ยังมี โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ดาวซัลโวประจำทีม ที่เพิ่งกด 3 เม็ด ในสีเสื้อ "อัศวินสีส้ม" ช่วงโปรแกรมทีมชาติที่ผ่านมา นำทัพกับตำแหน่งหน้าสายันห์ เอ้ย !! หน้าเป้า
"ป๋าเฟอร์กี้" เลือกที่จะพัก เวย์น รูนี่ย์ รวมถึง ชิชาริโต้ เพื่อรักษาความสดไว้ตะบันกับ "สิงห์บลูส์" เต็มที่ และแม้กระทั่งปีกซ้ายลายมังกร เอ้ย !! ลายคราม อย่าง ไรอัน กิ๊กส์ ก็น่าจะอยู่ในข่ายที่จะได้รับพิจารณาในเกมต่อไปเช่นเดียวกัน
เกมที่ต้องบอกว่าอึดอัดพอสมควรทั้งผู้เล่นและผู้ชม ประตูเดียวที่เกิดขึ้นในเกมคือความโชคร้ายคู่ขาในแนวรับของจอห์น โอเช อดีตเด็กเก่าผู้จงรักฯ ที่กลับต้องมีชื่อเป็นผู้ทลายตาข่ายทีมตัวเอง
แม้กระทั่งคนกินเองชงเองอย่าง "อาร์วีพี" ถึงกับต้องออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมแทน ไตตัส บรัมเบิ้ล อย่าไปโทษกองหลังร่างบึ๊กเลย ประตูนั้นต้องเป็นเครดิตของพ้มมมมม ....
จากเกมที่เต็มไปด้วยแสงแดดแผดเผา (เล่นคู่แรกในวันเสาร์) โอกาสเจาะเข้าทำค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะทีมเจ้าสนามแทบที่จะไม่ได้สร้างความระแคะระคายเคืองให้กับง่ามทวาร ของ ดาบิด เด เคอา ได้แม้แต่น้อยตลอด 45 นาทีแรก
หรือจะหมดยุดของ มาร์ติน โอนีล แล้วก็เป็นด้ายยยย ... สเตฟาน เซสเซยง ฟอร์มหายเงียบเข้ากลีบเมฆ ขณะแฟนบอล "แมวดำ" ยังไม่เคยได้ฉลองประตูร่วมกับ แดนนี่ เกรแฮม เลยนับแต่ย้ามมาเมื่อช่วงต้นปี หรือจะเพราะการขาดหายไปทั้งฤดูกาลของศูนย์หน้าเบอร์ 1 ของทีมอย่าง สตีเว่น เฟล็ทเชอร์ ก็อาจจะพอมีส่วนอยู่บ้าง
แม้ว่า ซันเดอร์แลนด์ สามารถยกระดับเกมขึ้นมาต่อกรกับอาคันตุกะได้อย่างดีในช่วง 45 นาทีหลัง แต่ต้องยอมรับว่า แมนฯ ยูฯ ทีมนี้ (กับ ซันเดอร์แลนด์) เล่นเพื่อ 3 คะแนนโดยแท้จริง ไม่บุ่มบ่ามบุกซี้ซั้ว เน้นความรัดกุมเป็นหลัก
โดยที่ผ่านมาแม้ว่าทัพ "ปีศาจแดง" จะปฏิบัติตัวน่าเบื่อเช่นนี้กับคู่แข่งอยู่บ่อยครั้ง แล้วโดนทะลวงตาข่ายโดยใช่เหตุอยู่บ่อยหน แต่แน่นอน ไม่ใช่กับ ซันเดอร์แลนด์ ชุดที่กลายพันธุ์เป็นแมวเหมียวน้อยผู้น่าสงสารชุดนี้
ยูไนเต็ด ก็โกยหนี ซิตี้ ไปเป็น 15 คะแนนเช่นเดิม ส่วนทีม "แมวดำ" ภายใต้การนำทัพของ เปาโล ดิ คานิโอ(เพิ่งแต่งตั้งขณะปั่นงานพอดีเป๊ะ) ต้องหาจุดเปลี่ยนให้เจอในอีก 7 เกมที่เหลือเพื่อความอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกต่อไป
จำได้ว่าเคยเขียนถึง ซันเดอร์แลนด์ ประเด็นอาถรรพณ์ของ สตีเว่น เฟล็ทเชอร์ กองหน้าเลือดสกอตต์ ว่าอยู่ทีมไหนหัวหน้าตายเรียบ ตั้งแต่สมัยอยู่กับ เบิร์นลี่ย์ เรื่อยมากับ วูล์ฟแฮมตัน
บร๊ะเจ้า "เดอะ แบล็คแคทส์" กำลังเผชิญอาถรรพณ์นั้น หรือจะถึงเวลาแล้ว ที่จะต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่กับลีกแชมเปี้ยนชิพ ??