วันที่ 7 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเวทีปราศรัย “ผ่าความจริง หยุดกฎหมายล้างผิด คิดล้มรัฐธรรมนูญ หยุดเงินกู้ผลาญชาติ หยุดอำนาจฉ้อฉล” ของพรรคประชาธิปัตย์ จัดขึ้นบริเวณลานกีฬาใต้ทางด่วนอุรุพงษ์ ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 6 ส.ค.และปักหลักจนถึงเช้าวันที่ 7 ส.ค.นั้น ยังคงมีส.ส.และแกนนำพรรคสลับกันขึ้นปราศรัยและร้องเพลงอย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 05.30 น. ส.ส.และแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายสุเทพ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายถาวร เสนเนียม ทยอยมายังเวทีพร้อมกล่าวทักทายผู้ชุมนุมในพื้นที่ และนำอาหารมาแจกจ่ายให้ผู้ชุมนุม จากนั้นเวลา 07.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน เดินทางมาสมทบ โดยนายวัชระ เพชรทอง ประกาศบนเวทีให้ผู้ชุมนุมเตรียมความพร้อมทั้งผ้าเช็ดหน้าและน้ำดื่ม หากเจอเจ้าหน้าที่สกัดไม่ให้เข้าพื้นที่โดยใช้แก๊สน้ำตา ทราบว่าผบ.ตร.สั่งแก๊สน้ำตาเตรียมไว้กว่า 100 ลูกและจัดกำลังเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์สกัดไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าพื้นที่ นอกจากนี้ในช่วงกลางดึกมีการก่อกวนจากผู้ไม่หวังดี โดยนำตะปูเรือใบมาโปรยบริเวณจุดจอดรถในพื้ที่ชุมนุมทำให้รถยางแตกไปหลายคันและโยนหมามุ่ยลงใต้ทางด่วน ใส่ผู้ชุมนุม
เมื่อเวลา 07.00 น. นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ว่าจะเดินไปโดยสงบ ไม่ทำผิดกฎหมาย ถ้าเจอด่านของตำรวจที่ประกาศเขตพ.ร.บ.ความมั่นคง จะเจรจากับเจ้าหน้าหน้าที่ ถ้าเข้าไม่ได้ก็ไม่ฝ่าฝืน จะให้ประชาชนที่มากับเราไปฟังข่าวสารต่อที่บ้าน ซึ่งเกิดผลอย่างไรในสภาเราจะนัดหมายเพื่อมาชี้แจงต่อประชาชนเป็นระยะทั้งการต่อสู้ในวาระที่ 1 จนถึงวาระที่ 3
นายสุเทพ กล่าวว่า ยืนยันจะเน้นการต่อสู้ในสภาให้ดีที่สุดเพื่ออธิบายว่ากฎหมายฉบับนี้เป็นพิษภัยต่อชาติบ้านเมืองอย่างไร แต่หากผ่านวาระ 3 แล้วเราจะเชิญประชาชนมาร่วมกัน เพราะไม่มีความชอบธรรมที่จะเป็นรัฐบาลอีกต่อไป แต่ประชาชนไม่ต้องตกใจ เพราะการต่อสู้เพื่อล้มล้างรัฐบาลครั้งนี้เราทำถูกต้องตามหน้าที่พลเมืองดี ถูกต้องตามกฎหมาย จะไม่ทำเหมือนที่นปช.ทำ ยังไม่ถึงเวลาให้ส.ส.ลาออกเพื่อมาต่อสู้กับประชาชน แต่ถ้าผ่านวาระ 3 แล้วค่อยว่ากัน ยังสู้กันอีกหลายยก เมื่อถามว่าจะเคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มม็อบ อพส.หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เรามีอุดมการณ์เดียวกัน เป้าหมายเดียวกัน แต่วิธีต่อสู้ต่างกัน เราสู้ตามหน้าที่ส.ส.แต่สามารถร่วมกันได้
นายสุเทพ กล่าวว่า ส่วนที่ตนระบุบนเวทีจะแจ้งความดำเนินคดีกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯและรมว.กลาโหม นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม นั้นก็ฟ้องข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกาแนะนำว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีสถานะเป็นนักโทษชายที่หลบหนีคดีความที่ศาลพิพากษาแล้ว ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องต้องติดตามตัวมารับโทษ โดยจะทบทวนและดูข้อกฎหมายหลังจากหมดเรื่องร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมนี้แล้ว และจะไปร้องต่อผบช.น.เพราะเป็นพื้นที่เกิดเหตุ ยืนยันว่าเราจะสู้อีกหลายยก นี่แค่ยกแรกเท่านั้น ให้รอดูกันไป
ต่อมาเวลา 08.30 น. นายอภิสิทธิ์ นายชวนและแกนนำพรรค ขึ้นเวทีอีกครั้งเพื่อประกาศเตรียมพร้อมเคลื่อนขบวน โดยจะเริ่มออกจากใต้ทางด่วนอุรุพงษ์ ใช้เส้นทางถนนพระราม 6 เลี้ยวเข้าแยกถนนศรีอยุธยา แยกตึกชัย ถนนราชวิถี โดยกลุ่มแรกจะเป็นการ์ดสวมเสื้อสีดำขี่รถจักรยานยนต์ 100 คัน ตามด้วยรถปราศรัยเคลื่อนที่ 3 คัน กลุ่มส.ส.และผู้ชุมนุม โดยมีประชาชนมาร่วมประมาณ 1,500 คน
จากนั้นเวลา 09.20 น. ขบวนของพรรคประชาธิปัตย์เริ่มเคลื่อนออกจากเวทีตามเส้นทางดังกล่าว มีประชาชนเข้ามาสมทบเพิ่มขึ้นรวมประมาณ 2,500 คน โดยใช้เดิน 30 นาที มาถึงแยกพระราม 5 และปักหลักอยู่ห่างจากจุดที่ตำรวจตั้งด่านกลางสะพานแยกราชวิถีที่จะข้ามไปสวนสัตว์ดุสิต 500 เมตร ซึ่งเป็นด่านหวงห้ามพิเศษ ห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปอย่างเด็ดขาด ด่านดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมโล่ กระบองและแก๊สน้ำตา โดยมีแท่งแบริเออร์และรั้วลวดหนามตั้งไว้ถึง 2 ชั้น
โดยตำรวจเจรจากับ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โทรศัพท์ไปเจรจากับ นายสาทิตย์ ด้วยตัวเอง โดยจะเปิดให้ ส.ส. และผู้ติดตาม ส.ส.อีก 1 คน รวมทั้ง เจ้าหน้าที่รัฐสภาผ่านเข้าไปได้ ส่วนผู้ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้าพื้นที่เขต พ.ร.บ.ความมั่นคงอย่างเด็ดขาด
โดยนายสาทิตย์ เป็นตัวแทนเข้าเจรจากับพ.ต.อ.วิศาล พันธุ์มณี รองผบก.น.8 เพื่อขอให้เปิดทางให้ส.ส.และมวลชนเข้าไปทำหน้าที่ในสภา ใช้เวลาเจรจา 10 นาทีแต่ไม่เป็นผล
จากนั้นเวลา 11.00 น. นายชวน นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ขอเป็นผู้เจรจาเอง ปรากฎว่าขณะที่พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เดินเข้าไปหาแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ยืนรออยู่บริเวณพื้นที่หน้าวังสวนจิตลดา โดยเดินจากพื้นที่ตั้งด่านประมาณ 10 เมตร ก็ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมที่ไม่พอใจได้ฮือกันเข้ามา ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลต้องรีบเข้ามาคุ้มกัน จนเกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย
จากนั้นมีบางส่วนขว้างขวดน้ำใส่พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จนสถานการณ์ตรึงเครียด ทำให้ผบช.น.สั่งให้เจ้าหน้าที่กลับไปที่ตั้งส่งผลให้การเจรจารอบ 2 ล้มเหลว
ล่าสุด ส.ส.ปชป. ตัดสินใจเข้าสภาฯ แล้ว ส่วนมวลชนต่างแยกย้ายสลายตัวกลับเช่นกัน