amityville เรื่องจริง ผีทวงบ้าน

"ผม ยิงพ่อของผมก่อน แล้วข้ามไปยิงแม่ทอีกฝั่งของเตียง หลังจากนั้น ผมบอกอย่างสัตย์จริง ผมหยุดไม่ได้แม้อยากหยุดก็ตาม ผมวางปืนไม่ลง ผมรู้สึกเหมือนมีคนอื่นอยู่ในร่างผม บงการผม"

คำให้การของรอนนี่ เดอฟีโอ ระหว่างให้การในคดีฆาตกรรมปี 1974

หนัง The Amityville Horror ซึ่งเป็นการนำหนังสยองขวัญคลาสสิคปี 1979 กลับมาสร้างใหม่ และกำลังเข้าฉายในบ้านเราอยู่ขณะนี้ ดูจะได้รับความสนใจอยู่พอสมควรในแง่ที่หนังอ้างว่าสร้างจากเรื่องจริง แต่ความจริงแล้วเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดออกมานั้นมีความเป็นจริงแค่ไหน อะไรจริง อะไรแต่ง เรามาย้อนรอยดูเรื่องราวเหล่านั้นกันอีกครั้งครับ

   


   

 




 

 

ตัวบ้านที่เป็นที่มาของเรื่องราวสยอง ขวัญนี้ ตั้งอยู่ที่ 112 ถนนโอเชียน อเวนิว อมิตี้วิลล์ นิวยอร์ก เป็นบ้านทรงดัทช์ โคโลเนียล หน้าตาเหมือนในหนัง เหมือนโรงนาทรงสูงที่มีหน้าต่างสองบานคล้ายกับลูกตาขนาดใหญ่ ด้านหลังของบ้านมีมีบ้านริมน้ำ และสระว่ายน้ำ ภายในบ้านมีบันไดอยู่ทางขวาที่นำสู่ห้องนอนใหญ่ ซึ่งที่นั่นตำรวจได้พบร่างของนายโดนัลด์ และนางหลุยส์ เดอฟีโอ อายุ 43 และ 42 ปี ตามลำดับ คู่สามีภรรยาหัวหน้าครอบครัวที่เป็นที่นับถือและอาศัยอยู่บ้านหลังนี้มากว่า 10 ปี ทั้งคู่ถูกยิงขณะนอนหลับอยู่ด้วยปืนยาวยี่ห้อมาร์ลิน ขนาด .35 มม.

ฝั่ง ตรงข้ามของห้องเป็นห้องนอนใหญ่ที่สอง ซึ่งมีร่างของจอห์น เดอฟีโอ อายุ 9 ขวบ และ มาร์ค เดอฟีโอ อายุ 11 ขวบ ที่อยู่ในชุดนอน ทั้งคู่ถูกยิงเข้าที่กลางหลังในระยะประชิด ที่ห้องนอนชั้นล่างก็มีศพของแอลลิสัน เดอฟีโอ อายุ 13 ปี และดอว์น เดอฟีโอ อายุ 18 ปี ทั้งคู่อยู่ในสภาพเดียวกับศพอื่นๆ นั่นก็คือนอนหน้าคว่ำ และถูกยิงในกลางหลัง เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้น ณ เวลา 03.16 น. ในตอนเช้าของวันที่ 13 พฤศจิกายน 1974

   

 

 

 

 

ก่อนที่ครอบครัว เดอฟีโอจะย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ มีครอบครัวอื่นมาอาศัยก่อนแล้วร่วม 6 ครอบครัวด้วย บ้านเป็นบ้านเก่า ถูกสร้างตั้งแต่ปี 1924 โดยจอห์น โมนาแฮน ซึ่งภายหลังย้ายไปอยู่บ้านหลังเล็กกว่าที่อยู่ในละแวกใกล้ๆ จนในปี 1965 ครอบครัวเดอฟีโนก็ย้ายมาอาศัย ซึ่งเป็นครอบครัวที่เคร่งในศาสนาคาธอลิค ต้องการให้บ้านหลังนี้เป็นสัญญาณของการมองโลกในแง่ดีจนตั้งชื่อบ้านใหม่ว่า High Hopes แต่ 9 ปีต่อมา รอนนี่ เดอฟีโอ ลูกชายคนโตของบ้านก็ฆ่าพวกเขาทุกคน

รอนนี่เป็นอาชญากรที่มีคดีทำผิด เล็กน้อยติดตัว และก็ยังติดยาเสพติดอย่างหนัก ประเภทเฮโลอีน, ยาบ้า และยากล่อมประสาท ครั้งหนึ่งเคยเอาปืนจ่อพ่อและลั่นไก แต่ว่ากระสุนเกิดด้าน ในคืนวันที่ 13 พฤศจิกายน เจ้าตัวอ้างว่าได้ยินเสียงกระซิบและเสียงฝีเท้าในบ้าน และบอกว่าชายที่มีมือสีดำได้ยื่นปืนให้เขา เขาบอกอีกว่าเขาได้ยินเสียงคนพูดทั้งที่ไม่มีคนอยู่ตรงนั้น เขาจำเหตุการณ์ทั้งหมดไม่ได้ เพราะในหัวมีแต่เสียงดังเต็มไปหมด

ใน เดือนธันวาคม 1975 หลังจากเหตุการณ์นองเลือดดังกล่าว ครอบครัวลัทซ์ก็มาดูบ้านหลังนี้ และเพราะไม่รู้เรื่องราวฆาตกรรม พวกเขาก็หลงรักบ้านในทันที แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเชื่อใคร บ้างก็บอกว่าเป็นเรื่องราวสยองขวัญที่สุดที่เคยสร้างมา บ้างก็บอกว่าเป็นแผนสร้างเรื่องของครอบครัวที่มีปัญหาด้านการเงิน และหาทางที่จะรวยทางลัด กับความพยายามของทนายคนหนึ่งที่หาทางแก้ต่างให้ลูกความของเขาพ้นโทษ

 

 

 

 

 

 

เจย์ แอนสัน เจ้าของนิยายขายดีเรื่อง The Amityville Horror ที่ออกตีพิมพ์ในปี 1977 ซึ่งหนังฉบับปี 1979 ใช้อ้างอิง ได้บอกว่าการเขียนนิยายของเขาใช้จากเทปเสียงที่ส่งมาให้ และไม่เคยพบครอบครัวลัทซ์เลย บอกว่าครอบครัวลัทซ์ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านวันที่ 18 ธันวาคม 1975 หนึ่งเดือนต่อมา ในวันที่ 14 มกราคม 1976 ก็หอบผ้าหอบผ่อนและรูปถ่ายของลูกเท่านั้นออกจากบ้านหลังดังกล่าว และไม่กลับเข้าไปเหยียบอีกเลย

แม้ว่าแรกเริ่ม พวกเขาจะดูมีความสุขดีกับบ้าน แต่ไม่นานนักก็พบเรื่องราวประหลาดๆ จอร์จ ลัทซ์พบว่าตัวของเขาหนาวอยู่ตลอด แม้ว่าปรอทในบ้านจะขึ้นถึง 80 องศา นอกจากนี้ก็มีเมือกสีเขียวไหลออกจากรูกุญแจประตู และมีสารสีดำไหลเลอะเทอะห้องน้ำอยู่ตลอด ตัวห้องน้ำเองก็มีกลิ่นหอมแปลกๆ และกลิ่นเหม็นเน่า ขณะที่ลูกคนหนึ่งของบ้านก็สร้างเพื่อนในจินตนาการขึ้นมา เป็นสัตว์รูปร่างคล้ายหมูและมีตาลุกโพลง ส่วนจอร์จก็ได้ยินเสียงแปลกๆ จากห้องที่ว่างเปล่า ครั้งหนึ่งเคยได้ยินเสียงวงดุริยางต์ที่คนอื่นในบ้านก็ไม่มีใครได้ยิน มีการเชิญพระมาทำพิธีขับไล่ และพระก็บอกว่าได้ยินเสียงว่า "ออกไป" ของภูติผี ในที่สุด เช้าวันที่ 14 มกราคม 1976 ครอบครัวลัทซ์ก็ย้ายออกไป

หลาย อาทิตย์และหลายเดือนต่อมา บ้านหลังนี้ก็กลายเป็นแหล่งเที่ยวชมของนักลองของ รวมถึงรายการทีวีหลายรายการ มีการนำคนทรงเจ้าเข้าผีเข้ามาทำรายการในบ้าน บางรายการถึงกับถ่ายทำกันสดๆ ขณะเดียวกันนิตยสารที่ใหญ่ระดับประเทศอย่าง Good Housekeeping ก็ตีพิมพ์บทความว่า "อย่าเชื่อเรื่องบ้านผีสิงงั้นหรือ ตอนนี้คุณจะเชื่อแล้ว!"

หนึ่งปีต่อมา คนทรงชื่ออีเธล จอห์นสัน ไมเยอร์ กับนักเขียนที่หากินกับเรื่องราว Amityville Horror อีกคน ชื่อ ฮันส์ โฮลเซอร์ ( เจ้าของงานเขียนชุด The Amityville Curse, Murder in Amityville, Amityville II: The Possession และอื่นๆ) ก็พากันมาที่บ้านหลังนี้ ทำพิธีติดต่อกับวิญญาณและอ้างว่าพวกเขาได้ไขปริศนาถึงปัญหาของบ้านกระจ่าง แล้ว นั่นก็คือตัวบ้านสร้างขึ้นบนสุสานโบราณของอินเดียแดง ซึ่งเหมือนกับที่เรื่องราวสยองขวัญสมัยใหม่หลายเรื่องอ้างกัน โดยหารู้ไม่ว่าไม่มีที่ฝังศพของอินเดียแดงอยู่ในละแวกใกล้ๆ นั่นด้วยเลย ขณะที่ชาวอินเดียแดงจริงๆ ก็ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมถึงฝังศพไว้ใกล้แม่น้ำซึ่งขัดกับธรรมเนียมของชาว อินเดียแดง

 

 

 

 

 

 

 

 

 


แต่ก็มีอีกคำอธิบายหนึ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์สยองขวัญในบ้านหลังนี้ตามมา ซึ่งดูมีสีสันน้อยกว่า และไม่สยองขวัญเลย นั่นก็คือเงิน และการหาทางอุธรณ์ให้รอนนี่ เดอฟีโอ ในดคีฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาที่ทำให้เขาถูกตัดสินจำคุกในปี 1975

วิ ลเลียม วีเบอร์ ทนายของรอนนี่ในการพิจารณาคดีครั้งแรกออกมากล่าวว่าเขากับจอร์จ ลัทซ์ ได้แต่งเรื่องหลายอย่างขึ้นมาว่าเกิดขึ้นในบ้านหลังนั้น จุดประสงค์ในตอนนั้นก็คือเพื่อเขียนหนังสือที่จะส่งผลดีต่อการเงินของครอบ ครัวลัทซ์ที่กำลังย่ำแย่อยู่ ขณะที่เดียวกันก็จะได้มีมูลเหตุสักเล็กน้อยที่ใช้อ้างเพื่อขออุทธรณ์ในดคี ของรอนนี่

วีเบอร์ให้เหตุผลว่าข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับบ้านอาจนำ มาใช้ในการแก้ต่างได้ วีเบอร์เล่าให้ฟังว่าครอบครัวลัทซ์มาหาเขาหลังจากออกจากบ้านได้หนึ่งอาทิตย์ ถามว่าวีเบอร์ได้พบหลักฐานอะไรไหมระหว่างว่าความที่อาจช่วยเขาอธิบายความลึก ลับของบ้าน วีเบอร์บอกกับช่อง History Channel ในปี 1994 ว่าครอบครัวลัทซ์มีแผนตั้งแต่แรกที่จะสร้างความดังจากการเข้าไปอยู่ในบ้านเด อฟีโอ "ผมไม่เชื่อถึง 90 เปอร์เซ็นต์ที่พวกเขาพูด"

ส่วนจอร์จ ลัทซ์ก็ยอมรับว่าเขาทำเงินร่วม 2 แสน 5 หมื่น จากหนังสือเล่มแรก และได้ค่าลิขสิทธิ์จากหนังถึง 160,000 เหรียญ แต่ก็ปฏิเสธว่าวีเบอร์ไม่เคยให้ข้อมูลที่นำไปใช้ในการเขียนหนังสือของเจย์ แอนสัน เลย

"ตอนที่พบกันครั้งแรก เราคุยกันร่วม 5-6 ชั่วโมง ผ่านไวน์หลายขวด และตอนนั้นเองที่เราคุยเรื่องเมือกบนผนัง และเหตุการณ์ในห้องน้ำกับห้องสุขา ผมแนะนำปากฏการณ์บางอย่างที่ตีความได้ว่าเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่ผมรู้มาตลอดว่ามันเป็นแผนเชิงธุรกิจ" วีเบอร์แย้ง

เมื่อหนังออก ฉายในปี 1979 บ้านในอมิตี้วิลล์หลังนี้ไม่เพียงจะดูมีปัญหาเรื่องวิญญาณเท่านั้น ปัญหาที่ตามมาก็คือคดีฟ้องร้อง เจ้าของบ้านคนใหม่ได้ฟ้องครอบครัวลัทซ์และผู้ตีพิมพ์นิตยสาร Prentice-Hall ที่ก่อให้เกิดการบุกรุกพื้นที่จากบรรดาพวกนักลองของนับพันคนที่ชอบมาเที่ยว ดูบ้านผีสิง ขณะที่ลัทซ์ก็ฟ้องวีเบอร์ฐานหมิ่นประมาท และก็ถูกวีเบอร์ฟ้องกลับ คดีทั้งหมดตกลงกันได้นอกศาล

ผู้เขียนเจย์ แอนสัน ยอมรับในภายหลังกับ Newsweek ว่าเรื่องราวทั้งหมดในหนังสือไม่ใช่ความจริง บางข้อเท็จจริงได้ถูกแต่งขึ้นเพื่อความสนุกในการอ่าน แต่สำหรับจอร์จและเคธี่ ลัทซ์แล้ว ทั้งคู่ยืนกรานว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นความจริง

"เหตุผลที่เรื่องราว นี้คงอยู่มาได้กว่า 29 ปี ก็เพราะมันเป็นเรื่องจริง มันไม่ใช่เรื่องหลอกลวงแน่ๆ ผมอยากให้มันเป็นนะ แต่มันไม่ใช่" จอร์จ ลัทซ์บอก

 

  แ
Credit: http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2009/04/A7766174/A7766174.html
7 ส.ค. 56 เวลา 04:54 14,868 3 80
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...