ฟ้าผ่ากลาโหม โดดเดี่ยว "บิ๊กอ๊อด" Count down เปิดตัว "ขวัญชาติ" - ดรีมทีม "ปู" เทียบชั้น 4 ฉลาม ชิงเก้าอี้แม่ทัพเรือ กับชะตา "อมรเทพ"
บรรยากาศในกระทรวงกลาโหม ณ เวลานี้ ต้องเรียกว่า ยังคงเครียด มีฟ้าแลบแปล๊บๆ เป็นสัญญาณเตือนว่าจะมีกัมปนาทฟ้าผ่าเกิดขึ้น อันเป็นผลพวงมาจากคลิปเสียงสนทนา ณ เกาะฮ่องกง ที่หลุดออกมา
ที่ใครๆ ก็โยนมาให้เป็นความ "ผิดพลาด" และความ "ผิด" ของบิ๊กอ๊อด พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม ทั้งในแง่เทคนิคที่ทำให้เกิดคลิปเสียงนี้ขึ้นมา จนถึงคลิปหลุด ทั้งในแง่ของเนื้อหาในบทสนทนา
แรงกดดันให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ลาออกจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากภายนอก คือฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล และจากภายใน คือพวกเดียวกันเอง ที่หวังจะเสียบแทน
แม้ พล.อ.ยุทธศักดิ์จะพยายามอดทนสู้ และเข้มแข็ง และแม้จะมาทำงานทุกวัน แต่ก็ดูเนือยๆ เพราะในเวลานี้ทุกคนรู้แล้วว่า "กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในกลาโหม" เกิดขึ้นในอีกไม่ช้า
ที่แน่ๆ คือ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กำลังนับถอยหลังที่จะลาออกจากการเป็น รมช.กลาโหม
แต่ก็ไม่แน่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ควบเก้าอี้ "สนามไชย 1" จะคายเก้าอี้ รมว.กลาโหม ออกมาด้วยหรือไม่ หากว่าผู้ที่จะมาช่วยดูแลกองทัพ ดูแลกลาโหม นั้น ยื่นข้อเสนอที่จะเป็น รมว.กลาโหม ไม่ใช่แค่ รมช.กลาโหม
ตอนนี้คือรอดูกระแส และเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น เนื่องจากเพิ่งมีการปรับคณะรัฐมนตรี "ยิ่งลักษณ์ 5" ไปหมาดๆ เมื่อ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา
ดังนั้น โอกาสที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ จะต่อเวลายืดอายุตัวเอง คงมีแค่เมื่อมีการจัดโผโยกย้ายทหารปลายปีในเดือนกันยายนนี้เสร็จ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นผู้จัดโผเองเช่นที่เคยวาดหวังไว้แต่ก่อน
พล.อ.ยุทธศักดิ์ เองนั้น รู้ตัวดีว่าอยู่ในสถานะใด เพราะจากที่วางแผนตกลงกันว่าจะมาช่วยดูแลงานกลาโหมให้แทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่แม้จะควบ รมว.กลาโหม แต่ก็ไม่มีเวลามาดูแล และไม่มีความรู้ด้านการทหารและความมั่นคงเพียงพอที่จะตัดสินใจต่างๆ เรื่องกลาโหมได้เอง
แต่เมื่อมีปรากฏการณ์คลิปหลุดออกมาแล้วนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะ รมว.กลาโหม ก็ยังไม่ได้ลงนามมอบหมายอำนาจให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ทำการแทนในเรื่องใดๆ ตามที่เคยตกลงกันไว้เลย แต่ขอให้ช่วยแค่กลั่นกรองงานให้เท่านั้น
ด้วยเพราะเวลานี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไม่แฮปปี้กับความผิดและพลาดของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ก็ได้ส่ง พล.อ.ขวัญชาติ กล้าหาญ อดีตแม่ทัพภาค 4 มาเป็นเลขานุการ รมว.กลาโหม รับงานแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทั้งหมด
พล.อ.ขวัญชาติ ผู้นี้ มาพร้อมกับความเงียบ นุ่มนิ่ม เพื่อไม่ให้เกิดปฏิกิริยาใดๆ จากกองทัพ เขาเป็นเตรียมทหาร 8 ที่เคยเป็นที่ปรึกษา รมว.กลาโหม ในยุคที่ นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.กลาโหม มาแล้ว โดยเป็นสายเดียวกับบิ๊กอ๊อด พล.อ.อุดมชัย องคสิงห์ อดีตแม่ทัพภาค 3 ที่เป็นนายทหารในมุ้งภาคเหนือ
อีกทั้งการเป็น เดอะแก๊งก์ ของ พล.ต.อ.ชลอ ชูวงษ์ อดีตรอง ผบ.ตร. เพื่อน ตท.10 และ นรต.26 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเป็นเพื่อนพี่ชายของ พล.ต.อ.ชลอ จึงทำให้เขามานั่งเป็นเลขานุการ รมว.กลาโหม
ในดรีมทีมที่ทำงานให้นายกฯ ปู ในฐานะ รมว.กลาโหม นี้ ยังมีบิ๊กอ๊อด พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาค 4 ที่รอคิวที่จะมาเป็น รมช.กลาโหม เสียบแทน พล.อ.ยุทธศักดิ์ อีกด้วย
มีรายงานว่า ในการจัดทีมที่มาช่วยงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ รมว.กลาโหม นั้น ก็อยู่ในมือของดรีมทีมชุดนี้ ที่เป็นบรรดานายทหารแตงโม ที่ไม่ใช่ ตท.10
ต้องยอมรับประการหนึ่งว่า ตท.10 เพื่อนของ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังถูกแอนตี้และต่อต้านในเรื่องการเล่นรุ่น จึงทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เปลี่ยนยุทธวิธีมาเป็นการกระจายรุ่น และพยายามไม่ใช่ ตท.10
ดังนั้น ทีมที่จะช่วยงานหน้าห้อง รมว.กลาโหม และเป็นที่ปรึกษาฯ ก็จะมีทั้ง พล.อ.ขวัญชาติ ที่เป็น ตท.8 พล.อ.พิศาล เป็น ตท.9 และบิ๊กจ๊อก พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ อดีตแม่ทัพภาค 3 ที่ก็เป็น ตท.9 และมี พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ ส.ส.กาญจนบุรี แกนนำ ตท.5 ที่เคยมีชื่อเป็น รมว.กลาโหม และ รมช.กลาโหม ช่วยเสริมอีกด้วย
นี่จึงทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องเปลี่ยนแผนในการก้าวข้าม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ที่ให้ช่วยแค่กลั่นกรองงานเท่านั้น
จึงไม่แปลกที่ เมื่อ 26 กรกฎาคม วันที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้ากระทรวงกลาโหม เพื่อประชุมสภากลาโหม นัดแรก บรรดา ผบ.เหล่าทัพ จึงต่อคิวกันเข้าพบเพื่อหารือในเรื่องต่างๆ ที่ต้องให้ รมว.กลาโหม ตัดสินใจ ก็เป็นการก้าวข้าม พล.อ.ยุทธศักดิ์ เช่นกัน
แต่ทว่าเวลานี้ ดรีมทีมกลาโหมชุดนี้ ยังต้องสู้กับความแรงของบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต รมว.กลาโหม ในรัฐบาล ปชป. ที่จะอาศัยพลังจากบ้านจันทร์ส่องหล้า มาเป็น รมว.กลาโหม อีกครั้ง โดยมีบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. หนุนพี่เลิฟแห่งบูรพาพยัคฆ์คนนี้เต็มที่ โดยพยายามทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หวาดหวั่นว่าจะถูกหักหลัง และอาจทำให้คนเสื้อแดงไม่พอใจ เพราะเขามีส่วนร่วมในเหตุปราบเสื้อแดงที่ราชประสงค์
ไม่แค่นั้น ผลพวงของคลิป ก็ทำให้บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. และ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. แยกวงออกมาจาก พล.อ.ยุทธศักดิ์ และเริ่มมีระยะห่างกันมากขึ้นๆ
พล.อ.ธนะศักดิ์ นัดแนะ ผบ.เหล่าทัพ ให้ส่งบัญชีโยกย้ายทหารให้ภายในต้นสิงหาคมนี้ แล้วจะส่งตรงให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เลย ไม่ผ่าน พล.อ.ยุทธศักดิ์ แต่หลังจากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะหารือ พล.อ.ยุทธศักดิ์ หรือไม่ เป็นดุลยพินิจของเธอเอง
ยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ นั้น แม้ที่ผ่านมาจะสนิทสนมกับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ มากที่สุด และเป็นคนแรกที่บิ๊กอ๊อด หารือ ปรับทุกข์ด้วยหลังคลิปหลุด และแวะเข้ามาหาที่ บก.ทบ. นั้น ก็ยังอาศัยคลิปนี้ในการแยกตัวออกมาจากแผนการพา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศ ทั้งๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นบุคคลหลัก ที่บิ๊กอ๊อด เคยหารือเรื่องแผนนี้มาด้วยตลอด
จะเห็นได้ว่าท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม นั้นเป็นไปในเชิงคัดค้าน ทั้งการนำเข้าผ่านช่องทางสภากลาโหม เพื่อส่งต่อยัง สมช. เพื่อให้ ครม. ออกเป็นพระราชกำหนด ตามที่วางแผนกันตามคลิป โดย พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า กม.นิรโทษกรรมนี้ ไม่ใช่กฎหมายทางทหาร พร้อมยืนยันว่าตนเองและ ผบ.เหล่าทัพ จะไม่เป็นคนนำ กม.นิรโทษกรรม นี้เข้าสภากลาโหมแน่นอน เพราะจะไม่มีทางเสนอสิ่งที่ขัดต่อกฎหมายอื่นเข้าไป
พร้อมทั้งแจ้งกับสื่อว่าจะไม่ขอพูดเรื่องที่เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ อีก "ผมจะไม่พูดเรื่องที่เกี่ยวกับท่าน เกี่ยวกับคนคนนั้นแล้ว เรื่องของท่าน ท่านก็แก้กันไป มันมีกระบวนการอยู่แล้ว" โดยให้ยึดกฎหมาย อย่าทำตามความรู้สึก
พล.อ.ยุทธศักดิ์ นั้นรู้ดีว่า แผนหนูแก่อย่างเขา ที่จะพาราชสีห์ทักษิณ ให้พ้นบ่วงความผิดด้านกฎหมาย แล้วกลับบ้านแบบไม่ต้องต้องโทษนั้น ล่มสลายลงแล้ว
"การประชุมสภากลาโหม จะไม่มีการนำ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าพิจารณาอย่างแน่นอน" พล.อ.ยุทธศักดิ์ เปิดปากยืนยันสั้นๆ
แม้วันนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ จะยิ้มได้ แต่แน่นอนว่าในหัวของทหารชราวัย 76 ผู้นี้ คงเปลี่ยวเปล่าร้าวรานไม่น้อยกับแรงกดดันต่างๆ โดยเฉพาะความหมางเมินจากน้องๆ ผบ.เหล่าทัพ แบบที่ตัวบิ๊กอ๊อดเองรู้สึกได้
ผลพวงของคลิปเสียง ส่งผลให้คลื่นลมที่กองทัพเรือแรง เพราะการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุในคลิปว่าบิ๊กต้อม พล.ร.อ.อมรเทพ ณ บางช้าง ประธานที่ปรึกษา ทร. พร้อมภริยา ได้เดินทางไปพบเขา และส่งผลให้ พ.ต.ท.ทักษิณ สนับสนุนให้เป็น ผบ.ทร. คนใหม่นั้น ทำให้ พล.ร.อ.อมรเทพ ตกที่นั่งลำบาก
แถมส่งผลให้คุณหนิง พรทิพย์ ภริยาคนปัจจุบันของเขา ที่เพิ่งเข้ารับการผ่าตัดมดลูก ก็ต้องทรุดและล้มป่วย เพราะเสียใจที่ตัวเธอกลายเป็นจุดที่ทำให้ พล.ร.อ.อมรเทพ ถูกโยงกับโพไซดอน ธุรกิจอาบอบนวดของตระกูลเธอ ที่เฮียเม้ง นายสุรินทร์ ศักดิ์ศิริเวทย์กุล คนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ สนิทสนมและระบุในคลิป ทั้งๆ ที่เวลานี้เธอทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และทำธุรกิจโรงแรมใน จ.เชียงใหม่ แต่ภาพของโพไซดอนก็ยังติดตัว เพราะเป็นธุรกิจของครอบครัวที่พี่ๆ น้องๆ ก็ต้องช่วยกันทำต่อไป
จึงไม่แปลกที่ช่วงนี้ พล.ร.อ.อมรเทพ จะเก็บเนื้อเก็บตัว เพราะต้องไปดูแลภริยา รอให้ทุกอย่างเป็นไปตามโชคชะตาฟ้ากำหนด
แถมทั้งก่อนหน้านี้ เขาก็ถูกมองว่ามีความสนิทสนมกับเจ๊แดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ จากการไปร่วมแสดงความยินดีที่ได้เป็น ส.ส.เชียงใหม่ แม้ว่าโดยส่วนตัว เพราะเขาจะรู้จักกับ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวชื่นชม พล.ร.อ.อมรเทพ กลางเวทีสัมมนายุทธศาสตร์นักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) เลยทีเดียว ทั้งๆ ที่ในเวลานั้นยังไม่เคยรู้จักกัน
แต่หากมองจากมุม พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว ดูจะชื่นชม พล.ร.อ.อมรเทพ มาก เพราะนอกจากซี้ปึ้กกับเฮียเม้ง พ่อตาแล้ว จะยังบอก "คุณสมบัติดี"
พล.ร.อ.อมรเทพ เคยเป็นต้นหนเรือหาญหักศัตรู จากนั้น ขึ้นเป็นผู้บังคับการเรือหลวงปราบ และเป็นต้นเรือ รล. ชลบุรี เป็น ผบ.รล.ภูเก็ต เป็นหัวหน้านโยบายและแผน กนผ. กรมส่งกำลังบำรุง ทร. จากนั้น เป็นฝ่ายเสนาธิการประจำ เสธ.ทร. และเป็นหัวหน้ายุทธการทางเรือ กองยุทธการ กรมยุทธการทหารเรือ และเป็นฝ่าย เสธ.ผบ.ทร. คือ พล.ร.อ.วิเชษฐ์ การุณยวนิช
จากนั้น ไปเป็นผู้ช่วยทูตทหาร ประจำกรุงมาดริด สเปน เป็นเวลา 5 ปี เพื่อดูแลเรื่องการต่อเรือหลวงจักรีนฤเบศร ก่อนที่จะกลับมาเป็นเสนาธิการกองยกพลขึ้นบก กองเรือยุทธการ และขึ้นเป็นพลเรือตรี ในตำแหน่งเสนาธิการสถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง (สรส.) ในปี 2543 ซึ่งถือว่าโตเร็วในรุ่น ตท.13
จากนั้นชีวิตผกผันไปเติบโตที่ กองบัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้ช่วยเจ้ากรมยุทธการทหาร ในยุคที่ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีต ผบ.สส. เป็นเจ้ากรมยุทธการ แล้วก็กลับมาเป็น ผบ.ร.ร.เสนาธิการทหารเรือ แล้วเป็น เจ้ากรมสื่อสารทหารเรือ แล้วก็กลับไป บก.กองทัพไทย เป็นหัวหน้าฝ่าย เสธ.ให้ พล.ร.อ.นพพร อาชวาคม รอง ผบ.สส.
แล้วในปี 2551 ก็ขึ้นเป็น เจ้ากรมสื่อสารทหาร และเป็นผู้บัญชาการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (ผบ.วปอ.) คนแรก ที่เป็นทหารเรือ ภายใต้การสนับสนุนของ พล.อ.บุญสร้าง ผบ.สส. ในเวลานั้น
ก่อนที่บิ๊กติ๊ด พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. ในเวลานั้น จะดึงกลับมากองทัพเรือ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทร. ในปี 2553 และเป็น ผช.ผบ.ทร. ในปี 2554 แล้วขึ้นอัตราจอมพล เป็นประธานที่ปรึกษา ทร. ในโยกย้ายตุลาคม 2555 ที่ผ่านมา
แม้จะมีสิทธิ์ลุ้นเป็น ผบ.ทร. คนต่อไป ต่อจากบิ๊กหรุ่น พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ที่จะเกษียณกันยายนนี้ แต่ พล.ร.อ.อมรเทพ ก็รู้ตัวดีว่ามีโอกาสริบหรี่ เพราะการที่เขาจบจาก ร.ร.นายเรือเยอรมัน ซึ่งขัดธรรมเนียม ทร. ที่ไม่ให้พวกจบนอกขึ้นเป็น ผบ.ทร. หรือแม้แต่ ผบ.ทบ. หรือ ผบ.ทอ. ก็ไม่มีธรรมเนียมให้นักเรียนนอกดำรงตำแหน่ง อีกทั้ง พล.ร.อ.สุรศักดิ์ ได้ดันบิ๊กเข้ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย เพื่อนร่วมรุ่น ตท.13 ของเขา ถูกดันขึ้นมาเป็น รอง ผบ.ทร. ที่ถือว่าจ่อคิวไว้แล้ว
หากกางประวัติเปรียบเทียบแคนดิเดต ผบ.ทร. ทั้ง 4 คน ก็ล้วนเป็นเพื่อน ตท.13 ด้วยกันทั้งนั้น และมีเส้นทางไม่แพ้กันมากนัก คือ ผ่านการเป็นผู้บังคับการเรือ แม้จะต่างชั้นเรือ และเป็นผู้ช่วยทูตทหารเรือ และเป็นผู้บังคับหน่วย และฝ่ายอำนวยการมาเช่นกัน อันเรียกว่าเป็น "เส้นทางเหล็ก" ของชาวประดู่ พรรคนาวินที่จะขึ้นแม่ทัพเรือ
พล.ร.อ.ณรงค์ เต็งหนึ่ง ผบ.ทร. จะเห็นว่าประวัติก็ไม่ธรรมดา เพราะนอกจากเป็นหัวหน้านักเรียนแล้ว ยังเป็นชาวปากเรือ ที่โตมาจากเรือ เช่น เรือหลวงคีรีรัฐ รล.ปราบปรปักษ์ รล.ตาปี จนเป็นผู้บังคับเรือหลวงนาคา จากนั้นเป็นหัวหน้าแยกประเภท กองกำลังพล กรมกำลังพล ทร. และรักษาการ ผบ.รล. วิทยาคม แล้วมาเป็นอาจารย์ที่สถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง แล้วก็ได้เติบโตใน สรส. แห่งนี้ ก่อนกลับไปเป็น รอง ผอ.กกฝ. กรมยุทธการ ทร. และเป็น ผอ.กองยุทธการ กรมยุทธการทหารเรือ
จากนั้น พล.ร.อ.ณรงค์ ก็ได้ไปเป็นผู้ช่วยทูตทหารเรือไทย ประจำกรุงโรม อิตาลี ก่อนจะกลับมาเป็น รองเสนาธิการ สรส. แล้วเป็น รองเจ้ากรมยุทธการทหารเรือ แต่ก็มีเส้นทางเบี่ยงไปเป็น ผู้ช่วยเจ้ากรมยุทธการทหาร บก.กองทัพไทย ก่อนกลับมาเป็น เสนาธิการกองเรือภาค 2 กองเรือยุทธการ และกลับมาเป็นเจ้ากรมยุทธการ ทร. ที่ถือว่ากลับเข้าไลน์ ขึ้นเป็น ผช.เสธ.ทร.ฝ่ายยุทธการ และเป็น รอง เสธ.ทร. และเป็น พลเรือเอก ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ เมื่อโยกย้ายตุลาคม 2554 และโยกย้ายปี 2555 ขึ้นเป็น รอง ผบ.ทร.
ส่วนบิ๊กหนุ่ย พล.ร.อ.พลวัฒน์ สิโรดม ผช.ผบ.ทร. ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุในคลิปว่า "ไม่ได้เรื่อง" นั้น ทำให้ได้รับคะแนนสงสาร และแท้ที่จริงแล้ว เขาก็ไม่ธรรมดา อยู่เรือหลวงนาคา เรือท่าจีน เรือหลวงประแส รล. ภูเก็ต จนมาเป็น ผู้บังคับการ รล.สัตหีบ และ ผบ.รล.ตาปี
ผ่านการเป็น ฝ่ายอำนวยการ เช่น เป็นนายธง ของ รอง ผบ.กองเรือยุทธการ (รอง ผบ.กร.) นายธงธงของ ผบ.กร. จากนั้น เป็นเจ้ากรมข่าวทหารเรือ ก่อนเบี่ยงไปเป็น ผู้ช่วยเจ้ากรมข่าวทหาร บก.ทัพไทย แล้วกลับมาเป็นเจ้ากรมข่าวทหารเรือ ผบ.ร.ร.เสนาธิการทหารเรือ ผบ.วิทยาลัยการทัพเรือ และเป็น ผช.เสธ.ทร.ฝ่ายข่าว จากนั้น ขึ้นรอง เสธ.ทร. และเป็น พลเรือเอก ที่ปรึกษาพิเศษพิเศษ ทร. เมื่อตุลาคม 2554 และเป็น ผช.ผบ.ทร. ตุลาคม 2555
ขณะที่บิ๊กเจี๊ยบ พล.ร.อ.จักรชัย ภู่เจริญยศ เสธ.ทร. เคยอยู่เรือหลวงทะยานชล รล.ท่าจีน รล.ตาปี ก่อนที่จะเป็น ผู้บังคับการ รล. คลองใหญ่ รวมทั้งเคยเป็น ผบ.หน่วยรบ เช่น ผู้บังคับกองพันรักษาฝั่ง กรมต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอรฝ.) ฐานทัพเรือสัตหีบ เติบโตมาใน สอ.รฝ. ตลอด จนเป็นรอง เสธ.สอ.รฝ. และ ผอ.กองการศึกษา กรมกำลังพล ทร. และกลับมาเป็น ผบ.ศูนย์ฝึกฯ สอ.รฝ. เสธ.สอ.รฝ. เป็นรองเจ้ากรมสวัสดิการ ทร.
ที่โดดเด่นคือ พล.ร.อ.จักรชัย ไปเป็นผู้ช่วยทูตทหารเรือไทย ประจำกรุงลอนดอน อังกฤษ ซึ่งถือว่าเป็นระดับต้นๆ ของ ทร. เพราะยังต้องดูแลทั้งกรุงโคเปนเฮเกน/กรุงสตอกโฮล์ม/กรุงออสโล อีกด้วย ก่อนที่จะกลับมาเป็น หัวหน้าฝ่าย เสธ.รอง เสธ.ทหาร และเป็นผู้ช่วยหัวหน้าฝ่าย เสธ.ประจำ ผบ.ทร. และเข้าไลน์กำลังรบ เป็น ผบ.ฐานทัพเรือกรุงเทพฯ แล้วกลับไปคุมหน่วยรบ เป็นผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (ผบ.สอ.รฝ.) แล้วเข้าสู่เส้นทางเหล็ก เป็น ผู้ช่วย เสธ.ทร.ฝ่ายการข่าว รอง เสธ.ทร.
และเป็น เสธ.ทร. เมื่อตุลาคมปีที่ผ่านมา
แต่ใน ทร. เวลานี้ เริ่มรู้แล้วว่า ผบ.ทร.คนใหม่ คือบิ๊กเข้ พล.ร.อ.ณรงค์ รอง ผบ.ทร. เพราะดูจากการมอบหมายงานจากบิ๊กหรุ่น และตามธรรมเนียม ทร. แต่ก็ไม่อาจมองข้าม พล.ร.อ.จักรชัย เพราะตลอดเวลาที่เป็น เสธ.ทร.1 ปี ทั้งขยัน ทั้งนิ่งสุขุม และได้รับงานสำคัญ ทั้งการตั้งกองทุนน้ำใจไทยเพื่อผู้เสียสละภาคใต้ เพื่อช่วยดูแลทหารเรือที่เจ็บตาย เป็นครั้งแรก รวมทั้งการพิจารณาคัดเลือกแบบเรือฟริเกต เรือพิฆาตลำใหม่ ที่ ครม. เพิ่งอนุมัติเมื่อ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา ให้ต่อเรือจากอู่แดวู เกาหลีใต้ ซึ่งถือเป็นเขี้ยวเล็บใหม่ของ ทร. เพื่อเตรียมรับภารกิจ ทร.ในอนาคต แถมเป็นแคนดิเดตที่ผ่านทั้งหน่วยรบ ทั้งในเรือและบนฝั่ง
แต่กระนั้น พล.ร.อ.อมรเทพ เองก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว อีกทั้งหาก พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งให้ พล.ร.อ.อมรเทพ เป็น ผบ.ทร. ก็เชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ยากที่จะต้านทาน เมื่อเวลานั้นก็คงต้องดูท่าทีของ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ รวมทั้งพลังแท็กทีมของ ผบ.สส. และ ผบ.เหล่าทัพ ด้วย โดยเฉพาะการที่ พล.ร.อ.อมรเทพ จบเยอรมัน จะเป็นอุปสรรคหรือใม่
ในยามนี้ คาดกันว่าในระดับ 5 ฉลามทัพเรือนั้น บิ๊กหรุ่นจะกระจายรุ่น โดยให้ พล.ร.อ.ณรงค์ (ตท.13 ) เป็น ผบ.ทร.คนใหม่ โดยมี พล.ร.อ.จักรชัย (ตท.13 ) ขึ้นเป็น รอง ผบ.ทร. พล.ร.อ.ไกรสรณ์ จันทสุวณิชย์ (ตท.13) ที่ปรึกษาพิเศษ ทร. เป็น ผช.ผบ.ทร. พล.ร.ท.พิจารณ์ ธีระเนตร รอง ผบ.ทร. (ตท.14) ขึ้นเป็น ผบ.กองเรือยุทธการ (ผบ.กร.) และบิ๊กจุ๊ พล.ร.อ. ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ (ตท.15) ที่ปรึกษาพิเศษ ทร. เป็น เสธ.ทร. และมีโอกาสที่จะเป็น ผบ.ทร. ในอนาคตอีกด้วย
แต่ข่าวสะพัดในหมู่ ตท.10 ที่ใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ยังระบุว่าเขายังต้องการ ผบ.ทร. ที่ชื่อ อมรเทพ เช่นเดิม
เห็นทีว่า ฟ้าจะไม่ได้ผ่าแค่ที่กลาโหม เท่านั้น แต่อาจจะฟาดเปรี้ยงมาที่กองทัพเรือ ให้ธรรมเนียม ประเพณีกระจาย ด้วยก็เป็นได้ ด้วยเพราะหมากเหนือชั้น และเกมข้ามช็อตของนายใหญ่ คือ การเช็กเสียงในคณะกรรมการ 7 เสือกลาโหม เพื่อนำไปสู่การแก้ พ.ร.บ.กลาโหม ในอนาคตอีกด้วย
เมื่อนั้น อะไรจะเกิดขึ้น...โปรดติดตามตอนต่อไป ด้วยใจระทึกพลัน