เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 5 ส.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า ร.ต.ท.มาโนช ทิพย์เวช ร้อยเวรสอบสวน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุยิงกันตายมีผู้เสียชีวิตคาที่ 2 ศพ เหตุเกิดบริเวณบ้านพักครูในโรงเรียนแห่งหนึ่ง หมู่ 5 ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ศุภชัย ผุยแก้วคำ ผกก. พ.ต.ท.จักรกรินทร์ ทั่วสุภาพ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.นิตย์ วิธินันทกิตต์ สว.สส. นำกำลังตำรวจชุดสืบสวน แพทย์เวร ร.พ.บางละมุง และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา รีบรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว 2 ห้องนอน ซึ่งใช้เป็นที่พักของครูผู้ชายอยู่ด้านหลังโรงเรียน พบผู้อำนวยการ พร้อมคณะครู-อาจารย์ในโรงเรียน และบรรดาชาวบ้าน ต่างพากันมามุงดูเหตุการณ์จับกลุ่มพูดคุยอยู่เป็นจำนวนมาก จึงกันพื้นที่ไม่ให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไป ส่วนบริเวณหน้าห้องพักฝั่งขวาพบศพผู้เสียชีวิตจำนวน 2 รายเป็นชายและหญิง นอนกอดก่ายจมกองเลือดอยู่เคียงคู่กัน
ทราบชื่อภายหลังคือ น.ส.มาณิตา ฤทธิ์ล้ำเลิศ อายุ 30 ปี ครูอัตราจ้างของโรงเรียนดังกล่าว สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม. เข้าที่ขมับซ้าย 1 นัด โดยมีร่างของ จ.อ.ประธาน สว่างอารมย์ อายุ 37 ปี ทหารเรือสังกัดการท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี นอนทับอยู่ในสภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกัน 1 นัด กระสุนเจาะเข้าที่ขมับซ้ายทะลุขมับขวา ข้างมือซ้ายพบอาวุธปืนขนาด 11 มม. 1 กระบอก ในแม็กกาซีนมีกระสุนปืนอยู่อีกจำนวน 6 นัด รวมถึงปลอกกระสุนปืน 1 ปลอกและหัวกระสุนอีก 2 หัว ตกอยู่ที่พื้น จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบปากคำนายประกิต กัลปาการณ์ชัย หรือ ครูบอล อายุ 34 ปี ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงเวลาประมาณ 18.30 น. เห็น จ.อ.ประธาน ขับรถปิกอัพ ยี่ห้อโตโยต้า ไทเกอร์ สปอร์ตครุยเซอร์ 4 ประตู สีน้ำเงิน ทะเบียน กธ-4347 ชลบุรี หน้ากระจกรถติดสติ๊กเกอร์โลโก้และตัวอักษรสังกัดหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนฯ อ.สัตหีบ มาจอดที่บริเวณหน้าโรงเรียนก่อนลงมาถามหา น.ส.มาณิตา หรือ ครูโบว์ เมื่อรู้ว่ากำลังนั่งทำงานอยู่อาคารมัธยมฯ เจ้าตัวจึงรีบเดินตรงดิ่งไปหาทันที ด้วยท่าทางที่ขึงขังคล้ายคนอารมณ์ไม่ดี ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนครูรุ่นพี่เกรงว่าจะได้รับอันตราย ตนจึงเดินตามไปดูและพบ จ.อ.ประธาน กำลังพูดง้อขอคืนดีกับ น.ส.มาณิตา แต่ถูกปฏิเสธทำให้จ่าทหารเรือคนนี้เกิดโมโหจนมีปากเสียงทะเลาะกันดังลั่นอยู่นานนับชั่วโมง ต่อหน้าครูและนักเรียนบางส่วนที่ยังไม่กลับบ้าน
กระทั่งตนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้าไปห้ามปรามและให้ครูโบว์ไปหลบอยู่ในบ้านพักของตน และมีเพื่อนครูอีกคนที่เป็นผู้ชายนั่งทำงานอยู่อีกห้องหนึ่งซึ่งคิดว่าน่าจะปลอดภัย แต่ จ.อ.ประธาน ยังอาศัยลูกตื๊อตามไปราวีถึงบ้านพัก จากนั้นชักอาวุธปืนออกมาขู่ไม่ให้ใครยุ่ง ก่อนเข้าไปในบ้านแล้วปิดล็อกประตูหน้า และได้ยินเสียงครูโบว์ร่ำไห้ร้องขอชีวิตพร้อมกับบอกว่า “อย่า..อย่าทำอย่างนี้” กระทั่งได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด จึงรีบพังประตูเข้าไปจนพบทั้งคู่กลายเป็นศพนอนกอดกันจมกองเลือดอยู่ที่พื้นดังกล่าว
ผู้อำนวยการโรงเรียน เปิดเผยว่า น.ส.มาณิตา หรือครูโบว์ ปกติจะสอนวิชาภาษาไทยในระดับชั้น ม.1-3 และปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งข้าราชการครูอัตราจ้างที่โรงเรียนแห่งนี้ได้ประมาณ 2 ปีเศษแล้ว ซึ่งปกติเจ้าตัวเป็นคนดี ทำงานขยันขันแข็ง และมีนิสัยร่าเริงแจ่มใส แต่ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว ตนก็พอจะรู้ข่าวอยู่ว่าเพิ่งเลิกกับแฟนได้ไม่นาน ส่วนรายละเอียดนั้นตนไม่ทราบ
ขณะที่การสอบปากคำพยานแวดล้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า ก่อนหน้านี้ จ.อ.ประธาน ได้คบหามีความสัมพันธ์กับ น.ส.มาณิตา หรือ ครูโบว์ ในฐานะแฟนสาวมานานแล้ว กระทั่งฝ่ายหญิงจับได้ว่าจ่าเอกลูกประดู่คนนี้มีลูกมีเมียอยู่แล้ว จึงขอเลิกและพยายามหลบหน้ามาได้เกือบ 1 ปีแล้ว แต่ฝ่ายชายยังคงตามตื้อขอคืนดีตลอด บางครั้งถึงขั้นขับรถปาดหน้าเพื่อบังคับให้ลงมาเจรจาปัญหาหัวใจ จนครูสาวทนไม่ไหวแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยเหลือถึง 2 ครั้ง 2 ครา
ซึ่ง จ.อ.ประธาน รับปากว่าจะไม่มาวุ่นวายอีก กระทั่งทหารเรือหนุ่มรายนี้มาก่อเหตุสยองด้วยการใช้อาวุธปืนยิงครูสาวอนาคตไกลจนตายคาที่ ก่อนใช้ทูตมรณะกระบอกเดียวกันจ่อขมับตัวเองแล้วลั่นไกปลิดชีพตายตาม จบปัญหารักด้วยความสลดใจ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นจะได้ส่งศพทั้งคู่ไปที่สถาบันนิติเวชวิทยา ร.พ.ตำรวจ เพื่อผ่าชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนติดต่อญาติของทั้งคู่ให้ทราบข่าวร้ายต่อไป