เผยเจ้าของร้านเสียชีวิตก่อนหน้าเพียง 2 วัน ญาติๆ วุ่นงานศพปล่อย 2 แม่เฒ่าอยู่บ้านตามลำพังจนเกิดเหตุสลด
เมื่อเวลา 14.55 น.วันที่ 5 ส.ค. ศูนย์บรรเทาและสาธารณภัย เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุแก๊สระเบิด ทำให้เกิดเพลิงไหม้ตึกแถวไม้เก่า ริมถนนราษฎร์อุทิศ จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปที่เกิดเหตุเพื่อทำการสกัดเพลิง พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าอำนวยความสะดวก โดยมี นายฐานิส พรมทอง นายอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี นายธีระกิจ หวังมุฑิตากุล นายกเทศมนตรี เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี และ พ.ต.อ.สุวัฒน์ สุขศรี ผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี คอยบัญชาการเหตุการณ์
ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถว แบบ 2 ชั้น ลักษณะครึ่งปูน ครึ่งไม้ สร้างติดต่อกันประมาณ 20 ห้อง ริมถนนสายราษฎร์อุทิศ ห้องที่เกิดเหตุเป็นห้องที่ 2 เลขที่ 2/8 พบเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรวดเร็วและกำลังลุกลามไปยังห้องข้าง ๆ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงได้เร่งระดมฉีดน้ำเพื่อควบคุมเพลิง โดยใช้เวลาร่วม 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่เสียหายทั้งหลัง นอกจากนั้นยังพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดของแก๊สหุงต้ม 2 ราย พลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ ทราบชื่อคือ นางสมคิด แซ่เตียน อายุ 81 ปี และ นางกิต สุวรรณอุบล อายุ 82 ปี มีบาดแผลถูกไฟลวก และแรงกระแทกจากการระเบิดของถังแก๊ส แพทย์ต้องให้การรักษาในห้องไอซียู เนื่องจากมีบาดแผลไฟไหม้กว่าร้อยละ 70 และผู้บาดเจ็บทั้งคู่อายุมาก
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า บ้านที่เกิดเหตุเป็นร้านขายต้มโจ๊ก เปิดขายมานานกว่า 50 ปี และเพิ่งจะปิดกิจการเพียง 2 วันก่อนเกิดเหตุ เนื่องจาก นายรุ่งโรจน์ นราหุตพล อายุ 62 ปี หรือ โกเลี้ยง จับเลี้ยง เจ้าของร้านและผู้ประกอบอาหารได้เสียชีวิตลง และขณะเกิดเหตุยังตั้งศพบำเพ็ญกุศลอยู่ที่วัดธรรมบูชา ก่อนเกิดเหตุแก๊สระเบิด มีเพียง นางสมคิด และ นางกิต อาศัยอยู่ที่บ้านตามลำพัง จนกระทั่งเพื่อนบ้านได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว พร้อมกับมีเศษวัสดุปลิวว่อนออกมาจากภายในบ้าน พร้อมกับร่างผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ก่อนที่จะมีเพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว
ด้าน พ.ต.อ.สุวัฒน์ สุขศรี ผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุอาจจะมีการปิดวาล์วแก๊สไม่สนิทจนทำให้แก๊สฟุ้งกระจายหนาแน่น ขณะเกิดเหตุอาจมีประกายไฟใกล้ถังแก๊สจนทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้และระเบิดดังกล่าว