เมื่ออยู่ในสงครามเวลาจวนตัวอะไรก็สามารถนำมาเป็นอาวุธได้แม้กระ ทั่งของกิน และนี่คือเหตุการณ์ที่ในยามคับขันของกินได้กลายเป็นอาวุธ ที่นำมาใช้สู้กัน (แถมชนะด้วยนะเออ !!)
...ชนะด้วยชีส...
ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1860 อุรุกกวัยกับบราซิลกำลังทำสงครามกันอย่างเมามัน ซึ่ง
สนามรบของทั้งสองฝ่ายส่วนใหญ่จะเป็นทางทะเลกัน แต่แล้ววันหนึ่งขณะที่เรือของ
ฝ่ายอุรุกกวัยกำลังยิงโต้ตอบกับเรือของฝ่ายบราซิลกันอยู่นั้น กระสุนปืนใหญ่ของฝ่าย
อุรุกกวัยดันหมดซะงั้น และในระหว่างที่ลูกเรือกำลังเสียขวัญอยู่นั้นกัปตันก็สั่งให้ไป
เอา "ก้อนชีส" ที่เก็บไว้ใต้ท้องเรือมาใช้ยิงแทนซะเลย
ลูกเรือก็รับคำสั่งเอาก้อนชีสมายิงแต่โดยดี ซึ่งผลครั้งนี้เกินความคาดหมายเพราะก้อน
ชีสที่ถูกยิงออกไปนั้นได้แตกกระจายเป็นเศษเล็กๆ พุ่งเข้าใส่ทหารบนเรือของบราซิล
ล้มตายไปเยอะ แถมยังไปทำลายใบเรือจนขาดด้วยทำให้เรือของฝ่ายบราซิลยอมถอย
กลับไปในที่สุด
...ตายเพราะน้ำผึ้ง...
Heptacomitae เป็นชนเผ่ากลุ่มหนึ่งที่อาศัยอยู่ในอิรักช่วงยุคสมัย 1 ศตวรรษก่อน
คริสตกาล ซึ่งชนเผ่านี้คอยโดนถูกตามล่าจากอาณาจักรโรมันมาตลอดเวลา แต่แล้ว
ชนเผ่านี้ก็สามารถแก้เผ็ดพวกทหารโรมันที่ตามมาฆ่าด้วยการใช้ "น้ำผึ้ง" น้ำผึ้งพวก
นี้เป็นน้ำผึ้งที่มีพิษไม่มีผลต่อผึ้ง แต่มีผลต่อคนอย่างแรงเพราะถ้ากินไปแล้ว มันจะส่ง
ผลให้คนที่กินเกิดอาการเพ้อ เสียสติ พูดง่ายๆก็คือเป็นบ้านั่นเอง
ซึ่งชาว Heptacomitae ได้ใช้น้ำผึ้งเทใส่ถ้วยวางไว้แล้วหนี พวกโรมันที่ตามมาหมาย
จะเอาชีวิต เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเหลืออยู่เลยนอกจากน้ำผึ้งในถ้วยก็เลยหยุดนั่งกินกัน
และผลที่ตามมาก็คือทหารโรมันเสียสติจากการกินน้ำผึ้งและก็ถูกชาว Heptacomitae
ย้อนกลับมาฆ่าทิ้งอย่างง่ายดาย
...ระเบิดแป้งแพนเค้ก...
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อเมริกาต้องการจะลักลอบนำวัตถุระเบิดเข้าไปให้กลุ่ม
กบฎจีนเพื่อต่อสู้กับทหารญี่ปุ่น แต่ติดที่ว่าทุกครั้งที่ส่งสินค้าเข้าจีนจะต้องเจอกับ
ด่านตรวจของทหารญี่ปุ่นซึ่งจะทำหน้าที่เช็คสินค้า ทางอเมริกาเลยประดิษฐ์ของชิ้น
นี้ขึ้นมา นั่นก็คือ ดินระเบิดในรูปแบบของแป้งอบแพนเค้ก ซึ่งมีโค้ดเนมว่า
"Aunt Jemima"
เป็นชื่อของยี่ห้อแพนเค้กที่ดังมากในอเมริกา
แต่ก็เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่านี่ไม่ใช่ดินระเบิดจริงๆ แป้งชนิดนี้ต้องนำไปอบแล้วเอามา
กินได้ด้วยซึ่งก็กินได้จริงๆ และในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น แป้งระเบิดยี่ห้อ
Aunt Jemima จำนวน 15 ตันก็ถูกส่งถึงมือกบฎชาวจีนโดยที่ทหารญี่ปุ่นไม่สามารถ
จับได้เลยสักนิด
...จมเพราะมันฝรั่ง...
ในช่วงที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ยังคงดำเนินอยู่ เรือ USS O'Banno ได้ทำการลาดตระ
เวนน่านน้ำแถวมหาสมุทรแปซิฟิก และในระหว่างนั้นเองมัจจุราชใต้น้ำสัญชาติญี่ปุ่นก็
โผล่จ๊ะเอ๋!! ขึ้นมาบนผิวน้ำพอดี แต่ดูเหมือนว่ากล้องส่องของเรือดำน้ำจะพังใช้การไม่
ได้ ทางฝ่ายของเรือ USS O'Bannon ก็ไม่รอช้ารีบระดมแจกกระสุนน้อยใหญ่ใส่เรือดำ
น้ำของญี่ปุ่นเพื่อไม่ให้หลบหนีไปใต้น้ำได้ แต่ทว่าเรือดำน้ำญี่ปุ่นก็ยังไม่จม พวกเค้า
เลยคิดจะประชิดเข้าทางด้านข้างเรือแล้วเอาปืนบนเรือทุกลำที่มีจ่อลงไปแล้วระดมยิง
แต่นั่นก็หมายความว่า ทางเรือ USS O'Bannon เองก็มีสิทธิ์ถูกยิงมาจากเรือดำน้ำ
เหมือนกัน
USS O'Bannon
ระหว่างที่เรือ 2 ลำกำลังจะตีขนาบใกล้กัน ทางฝั่งทหารญี่ปุ่นก็กรูขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือ
พร้อมอาวุธเต็มมือเล็งมาที่เรือ USS O'Bannon แต่ยังไม่ทันที่จะเริ่มยิง ลูกเรือของเรือ
USS O'Bannon ก็ระดมขว้างมันฝรั่งใส่ทหารญี่ปุ่นทางฝ่ายทหารญี่ปุ่นก็ตกใจคิดว่ามัน
ฝรั่งเป็นระเบิดมือ เลยรีบคว้าแล้วโยนทิ้งไปจากเรือกว่าจะรู้ตัวอีกทีว่าฝ่ายตัวเองโดน
ต้ม เรือ USS O'Bannon ก็เลยระยะยิงไปแล้ว พร้อมกับเลี้ยวเข้ามาหาเรือดำน้ำของ
ญี่ปุ่นก่อนจะเปิดฉากยิงเรือดำน้ำจนจมลงไป
ที่มา : cracked, military-history, wikipedia