เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
อัจฉรียา หอมขจร เสมียนตราอำเภอรัตนบุรี หายตัวลึกลับ พร้อมเงินสด 7 แสน หลังพบรถถูกไฟไหม้กลางทุ่ง ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อถูกลักพาตัวเพื่อชิงทรัพย์
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2556 เจ้าหน้าที่ สภ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ได้รับแจ้งว่ามีเหตุไฟไหม้รถยนต์ โตโยต้า วีออส ที่บริเวณกลางทุ่งนา บ้านหนองถ่ม ต.หนองหัวช้าง จ.ศรีสะเกษ ห่างจากถนนสายกันทรารมย์-กันทรลักษ์ ประมาณ 1 กิโลเมตร โดยสภาพรถนั้นถูกไหม้เกรียมไม่มีชิ้นดี และไม่พบเอกสารและคนขับรถแต่อย่างใด ตรวจสอบภายในรถพบถังแก๊สหุงต้มขนาด 15 กิโลกรัม วางอยู่บริเวณที่วางเท้าเบาะหลังของรถ และพบข้าวสารกองอยู่ใกล้ถึงแก๊ส 1 กอง ทั้งนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า รถคันดังกล่าว "นางอัจฉรียา หอมขจร" อายุ 46 ปี เสมียนตราอำเภอรัตนบุรี จ.สุรินทร์ เป็นผู้ใช้งานเป็นประจำ และขณะนี้ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ
อย่างไรตาม ความคืบหน้าล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัว นางสุวรรณ ประเจริญ อายุ 39 ปี น้องสาวของนางอัจฉรียา มาสอบปากคำ โดยนางสุวรรณให้การว่า รถดังกล่าวถูกซื้อในชื่อตน แต่ครอบครองโดยพี่สาว ซึ่งทำงานรับราชการ ตำแหน่งเสมียนตราอำเภอสนม แต่ได้ย้ายมาทำงานที่อำเภอรัตนบุรีโดยก่อนเกิดเหตุพี่สาวก็ขับรถออกจากบ้านไปตามปกติ จนกระทั่งช่วงเช้าวันที่ 3 สิงหาคม ตนก็ทราบข่าวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า รถถูกเผาอยู่กลางทุ่งนา ตนรู้สึกตกใจมาก จึงพยายามโทรศัพท์หาพี่สาว แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าชะตากรรมของพี่สาวจะเป็นอย่างไร
นางสุวรรณ กล่าวต่อว่า เมื่อตนติดต่อพี่สาวไม่ได้ จึงโทรศัพท์ไปสอบถามที่ปลัดอำเภอรัตนบุรี เลยทราบว่าพี่สาวได้ออกจากที่ทำงานประมาณเวลา 14.00 น. ของวันที่ 2 สิงหาคม เพื่อนำเงินเดือนของกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ไปเข้าธนาคารออมสิน สาขารัตนบุรี ประมาณ 7 แสนบาท จากนั้นก็ไม่กลับเข้ามาอีกเลย
ขณะที่ นางสาวนิศานาฏ แบบอย่าง อายุ 20 ปี ลูกสาวนางอัจฉรียา เล่าว่า เมื่อเวลา 22.00 น. ของวันที่ 2 สิงหาคม แม่ได้ส่งข้อความมาหาตน แต่ไม่ใช่เบอร์ของแม่ ซึ่งตนไม่ทราบว่าเป็นเบอร์ของใคร มีข้อความว่า "แม่จะไปพักผ่อนก่อนสักพัก เบื่องาน เงินเตรียมไว้ให้ลูกทั้งสองคนแล้วนะให้แบ่งกัน ถ้าซื้อโทรศัพท์ใหม่จะติดต่อกลับมา และห้ามบอกเรื่องนี้กับใคร" ซึ่งดูจากข้อความแล้ว ตนคิดว่าไม่น่าใช่แม่ของตนส่งมา หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าแม่ตนถูกบังคับให้พิมพ์ข้อความเช่นนั้นส่งมาก็ได้
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ มุ่งประเด็นไปที่การถูกลักพาตัวและชิงทรัพย์ เนื่องจากจำนวนเงินดังกล่าวยังไม่ถูกนำเข้าธนาคาร ซึ่งขณะนี้ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดทุกตัวและเร่งสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก