ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะกลุ่มคณะเสนาธิการร่วมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณชุมนุมที่สวนลุมฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า “ผมอยู่ดูไบติดตามความวุ่นวายในกรุงเทพฯ รู้สึกเป็นห่วงเพราะนั่งพินิจแกนนำทีละคน เลยอดนึกถึงช่วงเป็นนายกฯไม่ได้ หลายคนในนั้นผมรู้จักดี”
“มีรายชื่อนายทหาร นายตำรวจบำนาญหลายคนที่พวกนี้มันอ้างว่าร่วมด้วย ผมไม่เชื่อเพราะชื่อส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีประวัติการทำงานดีเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี พอเช็คไปก็ร้องเสียงหลงหลายคนเพราะไม่รู้เรื่อง ถูกนักโกหกเหล่านี้เอาชื่อไปอ้างก็มี ร่วมจริงก็มีแต่ผู้ที่เคยอกหักจากตำแหน่งที่ฝันอยากเป็นแต่ไม่ได้ ที่ไม่ได้ก็เพราะกองทัพเขาไม่รับไม่ใช่ผมมีอคติส่วนตัว แต่ความแค้นแกติดมายาว บางคนตั้งแต่ปี2544 บางคนปี2545/46 อกหักเพราะมาวิ่งแล้วไม่สำเร็จ”
พ.ต.ท.ทักษิณ ทวีตอีกว่า แกนนำอีกหลายคนก็ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีอาชีพเป็นหลักเป็นฐาน ผมเลยสงสัยว่าจะเป็นม็อบตังส์ทอนหรือเปล่า เพราะไม่มีเหตุผลอะไรเลย แต่ปชป.ก็เห็นดีด้วย ปชป.ต้องอดทนนิดหนึ่ง เพราะสมัยที่คุณร่วมกับคนไม่ดีในพรรคผมขโมยส.ส.ผมไปตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร คุณยังใช้เสียงข้างมากแก้รัฐธรรมนูญตามใจคุณมาแล้ว จะมาล้มอะไรกับระบอบทักษิณซึ่งมันไม่มีอยู่จริง บอกประชาชนตรงๆ ไปเลยว่า อยากเป็นรัฐบาลเต็มทีแล้ว กำลังจะลงแดงแล้ว แต่แค่นั้นไม่พอเพราะต้องทำงานครับ
“นายกฯ ก็ประกาศเปิดเวทีเชิญชวนทุกฝ่ายมาร่วมมองไปข้างหน้าด้วยกันว่าเราอยากเห็นประเทศเป็นอย่างไร มีกติกาการอยู่ร่วมกันอย่างไร ใครจะรักษากติกาบ้าง มัวแต่ชี้นิ้วใส่กันก็ไม่ต้องเริ่มต้น ให้ประเทศได้เดินหน้าแล้วลูกหลานจะอยู่ได้อย่างไรกับอนาคตที่การแข่งขันรุนแรงขึ้นทุกวันมองไปข้างหน้าดีกว่า”
คำหลักของนายกฯในการบอกว่าเราคิดอย่างไรกับประชาธิปไตยใหม่ที่ควรจะเป็นคือผู้ชนะต้องไม่กวาดหมด(nowinner take all anymore) และInclusive not exclusive คือ การต้องมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน สุดท้ายต้องไม่อยู่บนพื้นฐานแห่งความหวาดระแวง เพราะประเทศต้องการพลังร่วมของคนในชาติ
“ปชป.รู้สึกเดือดแค้นเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งก็เน้นภาคประชาชน ที่ทั้งเหลืองทั้งแดงที่สำคัญคือมีความไม่ยุติธรรมในระบบก็ควรจะยกโทษให้เสีย ผมอยากให้คุณอภิสิทธิ์ซึ่งมีอภิสิทธิ์สมชื่อได้ไปค้นกฎหมายนิรโทษกรรมเก่าที่ออกกันมาหลายฉบับตั้งแต่ปี2488ด้วยล้วนอยากเห็นบ้านเมืองกลับเป็นปกติ”