ทวารบาลติดฝิ่น ที่วัดบวรนิเวศวิหาร

 

 


ทวารบาลติดฝิ่น ที่วัดบวรนิเวศวิหาร

 

 

เรื่องของ “ทวารบาล” นั้น ผู้ที่เข้าวัดเข้าวาบ่อยๆ คงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะตามวัดส่วนใหญ่มักจะมีทวารบาลยืนยาม เฝ้าตามประตู หน้าต่าง ผนัง ของโบสถ์วิหาร เพื่อป้องกันภูตผีปีศาจร้าย ทวารบาล มาจากคำ 2 คำ คือ “ทวาร” แปลว่า ประตู ส่วน “อภิบาล” แปลว่า “ดูแลรักษา, ปกครอง” เมื่อรวมกันเข้าจึงมีความหมายว่า “ผู้เฝ้ารักษาประตู”

คติการสร้างรูปทวารบาลที่มีหลักฐานเห็นได้ชัดเจน เริ่มขึ้นในสมัยอินเดียโบราณ เมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 6 ภาพสลักที่โคนเสาซุ้มประตู หรือ โตรณะของสถูปสาญจี ที่ภารหุต มีรูปสลักนูนต่ำของบุคคลหลายคู่ ที่เรียกว่า ยักษ์ (Yaksha) ยืนทำหน้าที่เหมือนเป็นผู้เฝ้าประตูทางเข้าสู่ศาสนสถาน นับแต่นั้นจึงเกิดคติการเขียนทวารบาลในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เรื่อยมา

ส่วนที่บานประตูกำแพงแก้ว วัดบวรนิเวศวิหาร มีทวารบาลจีนแท้ขนาดใหญ่ แต่งตัวถืออาวุธแบบจีนโบราณ ดูเหมือนจะเป็นภาพแกะไม้ หรือปูนปั้น แต่ปิดทองเหลืองอร่ามทั้งองค์ ประตูนี้คนเรียกกันว่า “ประตูเซี่ยวกาง” ที่สร้างตามคตินิยมแบบจีน

การติดสินบนทวารบาล ที่ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย คือ ทวารบาล บริเวณประตูทางเข้าวัด ด้านตรงข้ามโรงพิมพ์มหามกุฎราชวิทยาลัยนั้น ที่ประตูแห่งนี้ที่ปากทวารบาลดูดำปื้น ส่วนตามตัวก็มีพวงมาลัยและถุงกาแฟดำห้อยอยู่ตามจุดต่างๆ นัยว่าเฝ้าประตูนานเดี๋ยวหลับยาม คนบนเลยซื้อมาให้กิน เพื่อตาจะได้สว่างขึ้นบ้าง

ความเฮี้ยนของทวารบาลของประตูเซี่ยวกาง มีเรื่องเล่าสืบกันต่อๆ มาว่า ยุคที่เมืองไทยยังดูดฝิ่นได้ มีชาวจีนคนหนึ่งติดฝิ่นงอมแงม ต่อมาทางการได้ปราบทำลายโรงงานยาฝิ่นจนหมดสิ้น เมื่อแกหาฝิ่นดูดไม่ได้ สุดท้ายเลยไปลงแดงตายตรงประตูนี้

หลังจากนั้นเมื่อทางวัดมาพบ จึงทำพิธีกงเต๊กให้ ต่อมาชาวจีนคนนั้นไปเข้าฝันสมเด็จท่านเจ้าอาวาสว่า ให้ทำที่ให้แกอยู่แล้ว แกจะเฝ้าวัดให้ ทางวัดจึงสร้างกำแพงทำซุ้มประตูแล้วอัญเชิญดวงวิญญาณชาวจีนคนนั้นมาสถิตอยู่ ณ ประตูแห่งนี้

ต่อมามีเรื่องเล่ากันว่า ของในวัดที่เคยถูกขโมยไปหลายครั้ง ล้วนได้คืนกลับมาหมด ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของดวงวิญญาณคนจีนที่คอยเฝ้าวัด ทำให้เกิดการสักการบูชาประตูเซี่ยวกางขึ้น ซึ่งหลายๆ คนต่างเชื่อกันว่าถ้าบนอะไรแล้วก็จะได้สิ่งนั้นตามที่ขอหมด จนทวารบาลองค์นี้ติดฝิ่นไปแล้ว ทุกวันนี้ความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ของทวารบาลวัดบวรฯ ยังคงมีอยู่ แต่เครื่องติดสินบนจากฝิ่นกลับกลายเป็นกาแฟดำ ดอกไม้ ธูปเทียนแทน

 

Credit: http://update.in.th/235
4 ส.ค. 56 เวลา 13:53 6,192 3 60
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...