ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ที่อำเภอแม่สอด จังหวดตาก รถยนต์มือสอง ซึ่งมีทั้งรถหรูและรถทั่วไปจากประเทศญี่ปุ่นราว 4,000 คัน มีสภาพเปื้อนโคลนทุกคัน เนื่องมาจาก เกิดน้ำท่วมและเคลื่อนย้ายไม่ทัน ทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหาย โดยรถยนต์ดังกล่าวถูกจอดทิ้งไว้บริเวณชายแดนไทย–พม่า ที่ท่าขนส่งสินค้าที่ 13 บ้านท่าอาจ ตำบลมหาวัน อ.แม่สอด กำลังรอส่งไปยังฝั่งพม่า ที่จังหวัดเมียวดี ขณะเดียวกันโรงเรียนต่างๆ เช่น โรงเรียนบ้านท่าอาจ ที่น้ำท่วมสูง ถึง 2 เมตร ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ครู นักเรียน หน่วยทหารในพื้นที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือ ในการทำความสะอาดโรงเรียนที่เต็มไปด้วยโคลน
นายประเสริฐ จึงกิจรุ่งโรจน์ เลขาธิการหอการค้าจังหวัดตาก กล่าว ว่า เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่มาก ขณะนี้เสียหายไปแล้วประมาณ 1,200 ล้านบาท และต้องใช้เวลาฟื้นฟูอย่างเร็ว 15–20 วัน และอย่างมาก 1 เดือน จึงจะเข้าสู่ภาวะปกติ คาดว่าความเสียหายครั้งนี้น่าจะถึง 2,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีความเสียหายที่ตลาดริมเมยอีก คาดว่าเฉพาะที่ตลาดริมเมยประมาณ 500 ล้านบาท ยังมีท่าเรือขนส่งสินค้า รถยนต์มือสองนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นก็ได้รับความเสียหาย
รายงานข่าวจากป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตากแจ้งว่า เหตุอุทกภัยครั้งนี้ในอำเภอแม่สอด มีทั้งหมด 9 ตำบล ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 29,500 ราย หรือ 9,600 ครัวเรือน ขณะที่โรงเรียนได้รับความเสียหายกว่า 10 แห่งและต้องหยุดเรียน 24 แห่ง