เสียงกัมปนาทแห่งระเบิดที่กังวานสนั่นขึ้น ตามสอดแทรกด้วยกระสุนที่ถูกลั่นไกรัวอย่างบ้าคลั่ง
ถือเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ระทึกขวัญที่เกิดขึ้นใจกลางเมืองนครศรีธรรมราช
ช่วง สายของวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช กำลังขะมัก เขม้นอยู่กับการตั้งด่านตรวจค้นสิ่งของผิดกฎหมายและยาเสพติด บริเวณ ต.ในเมือง อ.เมืองนครศรีธรรมราช เหมือนเช่นทุกวัน
โดยทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างปกติ กระทั่งพบรถกระบะต้องสงสัยวิ่งผ่านมา สังเกตเห็นในรถมีชายวัยรุ่นนั่งมาด้วยกัน 3 คน
เจ้าหน้าที่เลยโบกมือส่งสัญญาณให้หยุด เพื่อขอตรวจค้นเหมือนเช่นทุกคัน
ตอนแรกโชเฟอร์รถกระบะก็ชะลอรถคล้ายเตรียมเทียบจอดข้างทาง
แต่พอรถเคลื่อนใกล้ถึงจุดตรวจ เหตุไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
เมื่อโชเฟอร์รถกระบะกลับเหยียบคันเร่งแล้วซิ่งแหกวงล้อมด่านตรวจ ซึ่งมีบรรดาเจ้าหน้าที่ยืนปักหลักอยู่ไปอย่างหน้าตาเฉย
จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ไม่รีรอรีบกระโดดขึ้นรถตำรวจติดตามไปอย่างกระชั้นชิด
หลังติดตามมาได้สักระยะและไม่เห็นท่าทีจะยอมจำนนแต่โดยดี จึงขับขึ้นไปประกบด้านข้าง เพื่อหวังบีบให้รถกระบะต้องสงสัยยอมศิโรราบ
และจังหวะนั้นเองคนขับรถกระบะได้หักเลี้ยวเข้าไปจอดเทียบอยู่บริเวณหน้าร้านน้ำชาริมทาง บริเวณข้างวัดพระลาน ต.ในเมือง
ก่อนเปิดประตูลงจากรถแล้วพุ่งทะยานเข้าไปในกลุ่มชาวบ้านที่กำลังนั่งดื่มน้ำชากาแฟอยู่
พร้อมชักอาวุธปืนออกมาแล้วจับชาวบ้านไว้เป็นตัวประกัน โดยมีตำรวจที่ติดตามมาพยายามปิดล้อมพื้นที่และเกลี้ยกล่อมให้ยอมมอบตัว
แต่ขณะที่กำลังเบี่ยงหลบไปบริเวณข้างร้าน ชาวบ้านตัวประกันได้อาศัยจังหวะที่คนร้ายเผลอดิ้นสู้จนหลุดและวิ่งหลบหนีออกมาได้
เมื่อกลุ่มคนร้ายถูกสถานการณ์กดดันและบีบคั้นอย่างหนัก
หนึ่ง ในคนร้ายเลยคว้าระเบิดในกระเป๋าออกมา แล้วขว้างใส่กลุ่มตำรวจที่พยายามดาหน้าเข้ามาจับกุม จนแตกกระเจิงหนีไปคนละทิศละทาง ซึ่งยังดีที่ไม่มีเจ้าหน้าที่หรือชาวบ้านบาดเจ็บ
หลังเห็นสถานการณ์เริ่มทวีความรุนแรงและเกรงว่ากลุ่มคนร้ายอาจก่อเหตุไม่คาดคิดจนเป็นอันตรายกับชาวบ้านที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่
เจ้าหน้าที่เลยตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้จนเสียงปืนดังสนั่นไปทั่ว สุดท้ายกระสุนของเจ้าหน้าที่ก็ไปถูกหนึ่งในคนร้ายจนบาดเจ็บ
เมื่อเห็นท่าไม่ดีและยากที่จะต้านทานกำลังเจ้าหน้าที่ได้ กลุ่มคนร้ายจึงพยายามหลบหนีอีกครั้ง
ก่อนโดนเจ้าหน้าที่วิ่งตามตะครุบตัวได้ทันควัน 2 คน สามารถวิ่งหลบหนีไปได้ 1 คน
คน ร้ายที่ถูกจับได้คือ นายธีระวุฒิ สุละมัย อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111/3 ม.7 ต.เวียงสระ อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี และนายกิตติพันธ์ ปานตู อายุ 23 ปี อยู่ ต.เวียงสระ อ.เวียงสระ ถูกเจ้าหน้าที่ยิงบาดเจ็บสาหัส
ตรวจค้นพบยาบ้า 99 เม็ด และเงินสด 16,630 บาท
ส่วนคนร้ายที่หลบหนีไปได้ ทราบชื่อ นายนนทนัถต์ ธรฤทธิ์ อายุ 18 ปี บ้านเดิมอยู่ อ.เวียงสระ
จาก นั้นไม่นาน บรรดานายตำรวจที่รับแจ้งเหตุก็รุดมาสนับสนุน นำโดยพล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช สั่งการให้เจ้าหน้าที่กระจายกำลังออกติดตามล่าตัวคนร้ายอีกรายที่หลบหนีไป ได้ แต่ก็ยังไร้วี่แวว
เมื่อสอบสวน นายสมนึก สว่างพงศ์ อายุ 60 ปี ลูกค้าร้านน้ำชาที่ตกเป็นตัวประกัน ให้การว่า
"กำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่ในร้าน ปรากฏว่าคนร้ายทั้ง 3 คนวิ่งเข้ามาภายในร้าน ก่อนตำรวจตามเข้ามา ทำให้ลูกค้าทั้งหมดแตกฮือไปคนละทาง"
แต่หนีไม่ทันเลยถูกจับตัวได้ ก่อนตัด สินใจสะบัดตัวหลุดแล้วหนีออกมาได้อย่างหวุดหวิด
จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนและระเบิดตอบโต้กันไปมา ก่อนที่คนร้ายจะถูกจับกุมได้
ด้าน พล.ต.ต.รณพงษ์เปิดเผยว่า สั่งการให้กำลังตำรวจออกปิดล้อมตามคิวรถโดยสารต่างๆ ที่ออกจากตัวเมือง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้นายนนทนัถต์หลบหนี
นอกจากนี้ เมื่อเช็กประวัติคนร้ายทั้ง 3 คนย้อนหลัง พบพัวพันกับยาเสพติดและมีพฤติกรรมเป็นมือปืน โดยหนึ่งในนั้นเป็นลูกชายของรองนายกเทศมนตรีเทศบาลแห่งหนึ่งใน จ.สุราษฎร์ธานี
แต่ละคนมีหมายจับติดตัวหลายคดี อาทิ อาวุธปืน ยาเสพติดและพยายามฆ่าเจ้าพนัก งาน ก่อนหนีมากบดานใน อ.เมืองนครศรี ธรรมราช ทว่ายังมาก่อเหตุซ้ำขึ้นอีก!!!