31 ก.ค.2556 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงผลการประชุม ครม.เงา (นัดพิเศษ) พรรคประชาธิปัตย์ว่า ที่ประชุมแสดงความกังวลถึงกรณีที่รัฐบาลจะประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อดูแลการชุมนุมการเคลื่อนไหวของประชาชนตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม เพราะขณะนี้มีความชัดเจนจากประชาชนกลุ่มต่างๆ ว่าจะออกมาชุมนุมคัดค้านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม ฉบับนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เช่น กลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ในนามกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณในวันที่ 4 สิงหาคม จึงเกรงว่ารัฐบาลจะใช้กฎหมายที่เด็ดขาดจนเกินความจำเป็น เพราะในวันที่ 1 สิงหาคม ยังไม่มีการชุมนุมคัดค้านแต่อย่างใด สะท้อนว่ารัฐบาลกำลังเหิมเกริมและใช้อำนาจรัฐผลักดันวัตถุประสงค์ของตัวเอง โดยใช้ภาษีประชาชนมากดขี่ข่มเหง ลิดรอนสิทธิของประชาชนในประเทศ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพราะหากรัฐบาลมีท่าทีแข็งกร้าว จะไม่เป็นผลดีในอนาคต

"พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่ายินดีพูดคุยเพื่อหาทางออกร่วมกับรัฐบาล หากรัฐบาลยอมถอนร่าง พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกจากสภา เพราะจะเป็นกฎหมายที่กำลังฆ่าคนตายอีกครั้งหนึ่ง แต่วันนี้รัฐบาลใส่เกียร์ห้าวัดใจ ในการเดินหน้ากฎหมายนิรโทษกรรม เพราะนี้คือเป้าหมายที่แท้จริงของรัฐบาล ถือเป็นร้อยเมตรสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย ที่จะมุ่งเข้าสู่เส้นชัยให้ได้ แม้จะมีประชาชนครึ่งประเทศมาขวางอยู่ ผมเกรงว่ารัฐบาลจะดำเนินการสองมาตรฐานในการดูแลการชุมนุม เพราะขณะนี้มีกลุ่มคนเสื้อแดงมาชุมนุมอยู่ที่หน้าสภาแล้ว แต่รัฐบาลกลับไม่ดำเนินการ แต่กลับประกาศใช้กฎหมายเพื่อจำกัดสิทธิภาคประชาชนที่ยังไม่มาชุมนุม ซึ่งเข้าข่ายเป็นการใช้อำนาจรัฐโดยมิชอบ ฝากเตือนไปยังเจ้าหน้าที่ว่าประชาชนทุกสีเป็นคนไทย เจ้าหน้าที่คนใดใช้อำนาจเกินขอบเขต ก็จะถูกดำเนินคดีอย่างแน่นอน" นายชวนนท์กล่าว

ด้าน น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นผู้นำ ในการไม่หนีการประชุมสภาและแสดงวิสัยทัศน์ให้นานาชาติและประชาชนทราบว่า จะมีจุดยืนในวิกฤตที่จะเกิดขึ้นอย่างไร แต่เท่าที่ทราบ หลังจากที่นายกฯเดินทางกลับจากต่างประเทศ จะมีภารกิจเดินทางไปต่างจังหวัด และทราบมาว่ามีกลุ่มบุคคลหลักประมาณ 2-3 กลุ่ม เตรียมเดินทางออกนอกประเทศ ในวันที่ 1-10 สิงหาคมนี้ ซึ่งบุคคลเหล่านี้เป็นเครือญาติของนายกฯ เท่ากับว่าเป็นการส่งสัญญาณ หรือปลุกเร้าสถานการณ์ว่าไม่ปกติ จึงอยากให้นายกฯแสดงความรับผิดชอบต่อคนไทยอย่างเท่าเทียมกัน ในภาวะที่ประเทศไทยกำลังยกพวกเผชิญหน้ากัน ที่สำคัญทาง บช.น. ประเมินว่าจะมีผู้มาชุมนุมเพียง 5,000 คน แต่กลับระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจถึง 30,000 นาย ในการดูแลการชุมนุม จึงเป็นเรื่องที่นายกฯควรจะอธิบาย โดยไม่ต้องกลัวประชาชน เพราะชอบอ้างว่ามาจากประชาชน 14 ล้านเสียง และมีเสียงข้างมากในสภา