ย้อนรอยเกมฉาวช็อกโลก...เพราะฮอร์โมน (นักกีฬา) มันเดือด!!
จากคู่หูนรกแตก ตอนนี้กลายเป็นแตกหักกันเอง และคงยากที่จะกลับมาต่อติดดังเดิม หลังจาก “อาร์ท” บดินทร์ อิสสระ นักแบดฯ หนุ่มของไทย ทำเรื่องไม่คิดฝัน เมื่อตนเองเกิดฟิวส์ขาด วิ่งไล่ชก “เอ” มณีพงศ์ จงจิตร อดีตคู่ดูโอ กระหึ่มโอลิมปิกเกมส์ 2012
จะเพราะอารมณ์ชั่ววูบ หรือแรงอาฆาตแค้นที่ฝังลึกในอดีต แต่ภาพที่ปรากฏออกมา ก็ทำให้ไม่ใช่สั่นสะเทือนเฉพาะวงการแบดมินตันไทยเท่านั้น แต่ยังถูกหลายสำนักข่าวชั้นนำของต่างประเทศ นำไปเผยแพร่เรียบร้อยแล้ว หนำซ้ำยังพาดหัวได้อย่างเจ็บแสบ เปลี่ยนชื่อจากกีฬา “Badminton” เป็น “Bad Men Ton” เสียด้วย
อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่า เหตุการณ์นี้ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแรกในวงการกีฬาโลก และ “ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์” ก็ขอรวบรวม 5 วีรกรรมฉาวช็อกโลกในอดีต ที่แฟนกีฬาๆ หลายคนยังติดตา-ฝังใจ มาให้ได้ชมกัน และมาดูกันว่า ดีกรีความโหดจะมากกว่าคู่แบดฯ นรกแตก ของเราขนาดไหน…
กังฟูคิก “เอริก คันโตนา”
ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปีก่อน สาวก แมนฯ ยูไนเต็ด คงจำกันแม่น กับเหตุการณ์ที่ “ก็องโต” เอริก คันโตนา ตำนานนักเตะของทีมชาวฝรั่งเศส กระโดดถีบใส่ แม็ทธิว ซิมมอนส์ แฟนบอลปากเสียงของ คริสตัล พาเลซ หลังจากโดนผู้ตัดสินไล่ออก ในเกมเมื่อปี 1995
โดยวีรกรรมครั้งนี้ ทำให้ คันโตนา ถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) สั่งแบนเป็นเวลา 8 เดือน รวมถึงเกือบจะต้องเข้าไปนอนในซังเต นาน 2 สัปดาห์ ก่อนที่ศาลจะอุทธรณ์ลดโทษให้เหลือทำงานบริการสังคมนาน 120 ชั่วโมงแทน อย่างไรก็ดี เจ้าตัวก็เคยออกมากล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นถือเป็นไฮไลท์สำคัญในชีวิตค้าแข้งของเขาเลยทีเดียว
“ไมค์ ไทสัน” งับสยองโลก
สะเทือนวงการหมัดมวยไม่น้อยเช่นกัน สำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ซึ่งเกิดขึ้นในไฟต์หยุดโลก ระหว่าง 2 ตำนานกำปั้นรุ่นเฮฟวีเวท ชาวอเมริกัน “มฤตยูดำ” ไมค์ ไทสัน กับ อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ เมื่อปี 1997 โดยไฟต์ดังกล่าว ไทสัน หงุดหงิดกับแท็กติกการชกแล้วกอดของ โฮลีฟิลด์ เลยทำให้บันดาลโท สกัดหูของคู่ชกจนเนื้อส่วนบนใบหูขาดติดปากออกมา ก่อนที่ ไทสัน จะถูกตัดแต้มและปรับแพ้ฟาวล์ไปในที่สุด หลังจากนั้น ไทสัน ก็รู้สึกสำนึกผิดและออกมาขอโทษ โฮลีฟิลด์
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการกีฬาของ รัฐเนวาดา ก็ได้ยึดใบอนุญาตชกมวยของไทสัน พร้อมกับปรับเงิน 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 90 ล้านบาท และถูกสั่งให้จ่ายเงินสำหรับค่าใช้จ่ายทางศาลอีกด้วย ก่อนที่เขาจะได้รับใบอนุญาตคืนในอีกปีต่อมา อย่างไรก็ดี มาวันนี้ 13 ปีผ่านมา จากความแค้นในวันวานก็กลายเป็นอดีต เมื่อทั้งคู่ได้ปรับความเข้าใจกัน จนเมื่อต้นปีที่ผ่านมาไทสัน ก็ยังไปช่วยคู่ปรับเก่า โฆษณาสินค้าซอสพริกของ โฮลีฟิลด์ และยังเคยพูดติดตลกว่า “หูของ โฮลีฟิลด์ รสชาติไม่ได้เรื่อง” อีกด้วย
เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด
เหตุวิวาทกันเองของนักบอล ในคราบนักเลงมีให้เห็นกันมากมาย และที่โจ๋งครึ่ม ก็เมื่อครั้งที่เพื่อนร่วมทีมนิวคาสเซิล ลี โบว์เยอร์ กับ คีรอน ดายเออร์ ฟาดปากกันเอง ในเกมพบกับ แอสตัน วิลลา เมื่อปี 2005 โดยหลังจากโดน วิลลา ออกนำไปก่อน ทั้งคู่ก็มีปากเสียงกัน ก่อนที่จะกลายเป็นเหตุนัวเนียกำปั้นคาสนาม จนผู้เล่นฝั่งทั้งสองฝั่ง ต้องวิ่งเข้ามาห้ามทัพเอาไว้ ก่อนที่ผู้ตัดสินจะแจกใบแดงไล่ออกจากสนามไปทั้งคู่ พร้อมกับความปราชัยของทีม “สาลิกาดง” 0-3
นอกจากนี้ จากการกระทำดังกล่าว ทำให้ โบว์เยอร์ โดนเอฟเอ แบน 4 นัด, ถูกปรับเงิน 2 แสนปอนด์ (ราว 10 ล้านบาท) และเกือบโดนฉีกสัญญาค้าแข้ง แต่ก็รอดมาได้หวุดหวิด ส่วน ดายเออร์ โดนเอฟเอแบน 3 นัด และเจ้าตัวก็ปฏิเสธการอุทธรณ์ อย่างไรก็ดี หลังจากนั้น ทั้งสองก็โคจรกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง เมื่อย้ายมาเล่นให้กับ เวสต์แฮม เหมือนกัน และโบว์เยอร์ ก็ยืนยันว่าไม่มีปัญหาที่จะร่วมงานกับอดีตคู่ฉาวของตนเอง
บาสหมู่
เป็นกีฬาที่ต้องปะทะกัน ก็เลยทำให้มีโอกาสฟิวส์ขาดเอาง่ายๆ ในกีฬาบาสเกตบอล ซึ่งเกมนี้ แม้จะระบุว่าเป็นเกมกระชับมิตร แต่ดูเหมือนภาพที่ออกมา จะกลายเป็นศัตรูเสียมากกว่า ในเหตุการณ์ตะลุมบอนหมู่ ระหว่างทีมชาติจีน เจ้าถิ่น กับ บราซิล เมื่อเดือน ต.ค.ปี 2010 ซึ่งต้นเหตุมาจาก บ็อบ ดันวัลด์ โค้ชทีมชาติจีน ที่ไม่พอใจการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน จากนั้นปัญหาก็ลามสู่สนาม นักกีฬาของจีนก็ไปฟาวล์หนักใส่ผู้เล่น-สตาฟฟ์โค้ชบราซิล จนกลายเป็นเหตุชกต่อยไล่เตะหมู่กันในสนาม
ผลงานจากเหตุฉาวนี้ ก็ทำให้สมาคมบาสเกตบอลของจีน (ซีบีเอ) ต้องออกแถลงการณ์ขอโทษ รวมถึงลงโทษเบื้องต้นแบนผู้เล่น 3 ราย พร้อมปรับเงินอีกคนละ 3,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.5 แสนบาท) และแบนจากทีมไม่มีกำหนด เช่นเดียวกับ โค้ช ที่ถูกปรับ 7,500 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 3.75 แสนบาท) จากนั้นสมาคมบาสเกตบอลนานาชาติ (ฟีบา) ได้สั่งแบน โค้ชจีน ห้ามคุมทีม 3 เกม และปรับเงินอีกประมาณ 1.32 ล้านบาท, นักบาส 2 คน ถูกแบน 2 เกม และอีกหนึ่งคนถูกแบน 1 เกม ขณะที่ สมาคมบาสจีนก็ถูกปรับเงิน 6.6 แสนบาท รวมถึงผู้ตัดสินอีก 3 คน ถูกพักงานระดับนานาชาติ 1 ปี
ดอกนี้เพื่อเธอ
อันเกล มาตอส นักเทควันโด จากคิวบา และโค้ชของเขาต้องถูกแบนตลอดชีวิต จากการสหพันธ์เทควันโดโลก หลังจาก มอสตอส ระเบิดอารมณ์เตะใส่ผู้ตัดสินชาวสวีเดน หลังจากที่ตนเองถูกดิสควอลิฟาย ระหว่างการแข่งขันชิงเหรียญทองแดงในศึกโอลิมปิกเกมส์ 2008 ที่ประเทศจีน เพราะไม่พอใจ ตนเองถูกปรับแพ้ เพราะใช้เวลาเช็กอาการบาดเจ็บมากเกินไป ขณะเขากำลังนำคู่ต่อสู้ จากคาซัคสถาน อยู่ 3-2 และทำให้ผู้ตัดสินรายนี้ได้รับบาดเจ็บปากแตกไปอีกด้วย
จะเห็นได้ว่า ไม่ว่ากีฬาไหน วงการไหน ก็มักจะมีเหตุการณ์แบบนี้ เนื่องจากบางครั้ง นักกีฬา ต้องแบกรับความกดดัน ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ระหว่างแข่งขัน ซึ่งเมื่อถึงจุดที่เกินความยับยั้งชั่งใจ ก็อาจจะทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นได้ และก็จะกลายเป็นมลทินติดตัวไปตลอดชีวิตของนักกีฬาคนนั้น.
Source : thairath