จับตายแก๊งยาบ้ายี่เซกลางกรุง เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 30 ก.ค. พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ ผบก.สกัดกั้นและลำเลียงยาเสพติด บช.ปส. แจ้งเหตุมายังสน.นางเลิ้ง ว่าจับตายคนร้ายแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ บริเวณใกล้สี่แยกเทวกรรม แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต กทม. ตำรวจสน.นางเลิ้ง จึงรายงานผู้บังคับบัญชาพร้อมด้วยพล.ต.อ.พงศพัศ พงศ์เจริญ รองผบ.ตร.และเลขาธิการ ป.ป.ส., พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส., พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. และพล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ปส. พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รุดไปตรวจสอบ

 ที่เกิดเหตุริมถนนข้างบ้านเลขที่ 111 เลียบคลองผดุงกรุงเกษม พบรถยี่ห้ออีซูซุ รุ่นมิวเซเว่น สีขาว หมายเลขทะเบียน กค-7586 นครนายก จอดอยู่ในสภาพถูกยิงพรุนทั้งคัน ยางแตกทั้ง 4 ล้อ ประตูด้านคนขับเปิดอ้าอยู่ พบร่างนายพิเชษฐ์ ดอกไม้พุ่ม อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 1 อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ถูกยิงเข้ากลางหลัง คาง ปาก และแขนซ้าย นอนอยู่ที่พื้นข้างรถ ช่วยนำส่งร.พ.หัวเฉียว 

 ภายในรถบริเวณเบาะหลังพบศพชายไม่ทราบชื่อถูกยิงเข้าที่กกหูซ้ายและหลังด้านเสียชีวิตคาที่ แต่ที่ตำรวจต้องตระหนกเพราะบริเวณเบาะพบเด็กทารกเพศชายอายุประมาณ 3-4 เดือนนอนเลือดท่วมร่างร้องไห้จ้า แต่เมื่อแพทย์ตรวจดูไม่พบบาดแผลถูกยิงมีเพียงเศษกระจกรถบาดใบหน้าและร่างกาย คาดว่าเป็นเลือดของผู้เสียชีวิตกระเซ็นไปถูก จึงให้เจ้าหน้าที่อุ้มไปตรวจร่างกายที่ร.พ.

 ด้านหลังรถพบกล่องกระดาษสีน้ำตาล 2 กล่อง ข้างกล่องเขียนว่า ส่งคืนคุณกาญจนา พร้อมเบอร์โทร.มือถือ ภายในพบตู้ลำโพงซุกยาบ้าจำนวน 156,000 เม็ด ยาไอซ์ 8 ก.ก. จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

 ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุอยู่นั้น นายตำรวจได้รับแจ้งว่ามีประชาชนถูกยิงคาดว่าเป็นลูกหลง ทราบชื่อคือน.ส.สมฤดี วนะวนานต์ อายุ 23 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะศิลปศาสตร์ สาขาการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตเทเวศร์ ที่อยู่บริเวณหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ห่างจากจุดดวลปืนประมาณ 100 เมตร ถูกกระสุนที่ใบหูซ้ายทะลุแก้ม จึงช่วยนำตัวส่งร.พ.หัวเฉียว

 พล.ต.ต.ทนัย รายงานเหตุการณ์ว่าได้รับข้อมูลจากสายข่าวว่าแก๊งยาบ้าเครือข่ายยี่เซ เข้ามารับส่งยาในเขตกรุงเทพฯ จึงประสานข้อมูลกับป.ป.ส. กระทั่งได้เบาะแสคนร้ายจึงจัดกำลังมาซุ่มรออยู่ กระทั่งพบรถเป้าหมายจอดอยู่บริเวณหน้าตลาดมหานาค จึงขับรถประกบปิดหัวปิดท้ายแต่คนร้ายไหวตัวทัน หักรถเลี้ยวออกเร่งเครื่องหลบหนีมุ่งหน้ามาตามถนนลูกหลวง ระหว่างนั้นคนในรถใช้ปืนยิงสกัดมาตลอดทาง

 พล.ต.ต.ทนัย รายงานอีกว่าจนใกล้ถึงแยกเทวกรรม เจ้าหน้าที่ตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงใส่ยางล้อจนแตกทั้ง 4 ล้อจนรถไปต่อไม่ได้ แต่คนร้ายใช้ปืนยิงออกมา เจ้าหน้าที่จึงยิงตอบโต้กลับไปท่ามกลางความตกตะลึงของรถราที่แล่นไปมา และประชาชนริมถนนวิ่งไปหลบตามกระถางต้นไม้กันอย่างชุลมุน จนเมื่อเสียงปืนสงบลงเข้าเคลียร์พื้นที่จึงพบผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว

 ต่อมาพล.ต.ต.สุรพล นำกำลังไปตรวจสอบที่บริษัท นิ่มซี่เส็งขนส่ง1988 จำกัด ตลาดโบ๊เบ๊ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย หลังตรวจพบว่า ผู้ต้องหาที่ถูกตำรวจวิสามัญฯนั้น มารับกล่องพัสดุจากบริษัทดังกล่าว จากการตรวจค้นพบกล่องพัสดุ 2 กล่องใหญ่ เมื่อเปิดออกดูทั้ง 2 กล่องเป็นลำโพงเหมือนกับที่เจ้าหน้าที่ยึดได้จากรถของคนร้าย ภายในลำโพงทั้ง 2 กล่อง มียาบ้าซุกซ่อนอยู่ จำนวน 142,000 เม็ด และ ยาไอซ์ 7 กิโลกรัม ระบุชื่อผู้รับ คือนายกลยุทธ คำศรีรา คาดว่าเป็นอีกเครือข่ายหนึ่งของแก๊งยี่เซ ส่วนผู้ส่งกล่องทั้งหมดระบุชื่อนายประสิทธิ์ ส่งมาจาก บริษัท นิ่มซี่เส็งฯ สาขาเชียงราย

 วันเดียวกัน พล.ต.อ.พงศพัศ และพล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เดินทางมายังร.พ.หัวเฉียว เยี่ยมดูอาการน.ส.สมฤดี โดยมีนางอุ่นจิต วนะวนานต์ อายุ 50 ปี เจ้าหน้าที่สถิติ สำนักงานสถิติแห่งชาติ มารดาดูแลอย่างใกล้ชิด น.ส.สมฤดี เล่าเหตุการณ์ว่าออกมาทานข้าวกับเพื่อน ขณะที่ยืนอยู่หน้าร้านได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ก่อนรู้สึกเจ็บที่แก้ม และมีเลือดไหลออกมา สักพักมีเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือพาส่งโรงพยาบาล ซึ่งก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัย

 ด้านพล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่าทางป.ป.ส. และตร.แห่งชาติ จะดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดจนกว่าจะหาย พร้อมกันนี้ยังมอบเงินเยียวยาช่วยเหลือเบื้องต้นจำนวน 50,000 บาท สำหรับเด็กทารกนั้นขณะนี้ก็ยังไม่มีใครติดต่อมาว่าเป็นญาติ จึงให้ทางร.พ.ดูแลไปก่อน ส่วนคนร้ายที่ได้รับบาดเจ็บอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังไม่ได้ให้ข้อมูลใดๆ เจ้าหน้าที่จะย้ายคนเจ็บทั้งหมดมารักษาตัวต่อที่ร.พ.ตำรวจ

 "ในส่วนของยาเสพติดที่ยึดได้นั้น พบว่าเป็นของพ.ท.ยี่เซ ห่อบรรจุยามีตัวเลข 999 เป็นรหัสที่ส่งลงในพื้นที่ กทม. เป็นยาที่ยังใหม่อยู่ โดยเฉพาะยาไอซ์ เพิ่งตกผลึกเท่านั้น ตำรวจและป.ป.ส.จะขยายผลติดตามผู้ร่วมขบวนการต่อไป" พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าว