วันที่ 30 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุน้ำมันกว่า 70,000 ลิตร รั่วลงอ่าวไทย ห่างจากท่าเรือนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ประมาณ 20 กิโลเมตร โดยตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่บริษัทพีทีที โกบอล เคมิคอล และทหารนาวิกโยธินกองทัพเรือ ยังคงทำงานอย่างหนักเพื่อเร่งเก็บกู้คราบน้ำมัน บริเวณอ่าวพร้าว และอ่าวมะขาม ตำบลเพ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง หลังเมื่อ 4 วันก่อนน้ำมันกว่า 70,000 ลิตรรั่วไหลจากท่อน้ำมันของบริษัทพีทีที โกบอล เคมิคอล ลงสู่ทะเลห่างจากท่าเรือนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ประมาณ 20 กิโลเมตร
ล่าสุดคราบน้ำมันถูกคลื่นซัดไปถึงหาดบ้านเพ ซึ่งอยู่ห่างจากอ่าวพร้าวประมาณ 20 กิโลเมตร และวันนี้จะมีการเสริมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปอีก 350 นาย เพื่อเร่งเก็บคราบน้ำมันให้เสร็จเร็วที่สุด
นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง สั่งให้เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชาวบ้านในพื้นที่ เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ด้านนายชัยรัตน์ ไตรรัตน์จรัสพร นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดระยอง เปิดเผยว่า ขณะนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวต่างชาติบางส่วน ยกเลิกการจองมาท่องเที่ยวเกาะเสม็ด โดยเฉพาะช่วงไฮท์ ซีซั่น ที่จะมาถึงเดือนตุลาคมนี้ ส่วนมูลค่าความเสียหายด้านการท่องเที่ยวยังไม่สามารถประเมินได้ ขณะที่บ่ายวันนี้จะเรียกประชุมสมาคมการท่องเที่ยวระยอง หาแนวทางแก้ไขปัญหาด้านการท่องเที่ยว
ขณะที่สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ถ่ายภาพการเคลื่อนที่ของน้ำมัน ด้วยดาวเทียม COSMO-SkyMed-1 เมื่อเวลา 18.23 น. ของวันที่ 29 ก.ค. เพื่อติดตามสถานการณ์ดังกล่าว จากภาพแสดงให้เห็นถึงคราบน้ำมันที่ผิวหน้าทะเล มีขนาดพื้นที่ประมาณ 15 ตารางกิโลเมตร ห่างชายฝั่งทะเลประมาณ 1.6 กิโลเมตร
โดยคราบน้ำมันที่พบเป็นบริเวณกว้างจะอยู่ทางตอนเหนือของเกาะเสม็ด (วงสีเขียว) และมีทิศทางเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเข้าหาฝั่ง แต่มีลักษณะเป็นเพียงแผ่นฟิล์มบางๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะสลายตัวด้วยกระบวนการธรรมชาติเช่นแบคทีเรียและแสงอาทิตย์ต่อไป จากการใช้ข้อมูลภาพดาวเทียมและข้อมูลกระแสน้ำจากสถานีเรดาร์ตรวจวัดคลื่นและกระแสน้ำของ GISTDA คาดว่าวันพรุ่งนี้ (30 กรกฎาคม 2556) ในช่วงเช้าฟิล์มน้ำมันเหล่านี้อาจจะเริ่มเข้าสู่ชายฝั่งในเขตอำเภอแกลง ประชาชน ผู้ประกอบการ ตลอดจนสถานเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในบริเวณดังกล่าวจึงควรเตรียมการรับมือโดยงดเล่นน้ำทะเล งดการใช้น้ำทะเลเพื่อการเพาะเลี้ยงและขนย้ายสิ่งของที่อาจได้รับความเสียหายจากคราบน้ำมัน รวมทั้งให้ความร่วมมือแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและขจัดคราบน้ำมัน
สำหรับพื้นที่ที่คราบน้ำมันยังมีความหนาแน่นจะเป็นหย่อมๆ ในอ่าวที่มีลักษณะปิดทางฝั่งตะวันตกของเกาะเสม็ด โดยเฉพาะอ่าวพร้าว (วงสีแดง) ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการขจัดอยู่อย่างรีบด่วน
อนึ่งการใช้ดาวเทียมระบบเรดาร์ตรวจวัดคราบน้ำมันนั้นเป็นการวัดความราบเรียบของผิวหน้าทะเลอันเนื่องมาจากแรงตึงผิวที่ลดลงของน้ำทะเลเนื่องมาจากฟิล์มน้ำมัน ดังนั้นแม้จะเป็นเพียงฟิล์มบางๆ ดาวเทียมก็สามารถตรวจวัดได้ ซึ่งฟิล์มน้ำมันบางๆ นั้นถึงแม้อาจจะไม่ทำให้เกิดอันตรายโดยเฉียบพลันเหมือคราบน้ำมันที่มีความหนามากๆ แต่ในระยะยาวอาจจะมีผลต่อระบบนิเวศน์ รวมทั้งจะเกิดการสะสมและแปรสภาพเป็นก้อนน้ำมันดิน (Tar Ball) บนหาดในระยะยาวต่อไป