1.ปราสาทหินนครวัด
สถานที่ตั้ง เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา
ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้
ปราสาทหินนครวัด เป็นสถาปัตยกรรมที่มหัศจรรย์อย่างหนึ่งของโลก สร้างโดยพระราชาธิราชแห่งพวกขอมซึ่งปกครองดินแดนของกัมพูชา ประมาณ พ.ศ. 1690 (ค.ศ. 1147) เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ตัวปราสาทสร้างด้วยหินศิลาแลง นี้กว้างด้านละ 5 เส้น หรือ 200 เมตร แบ่งเป็นเป็น 3 ตอน รอบ ๆ ปราสาทมีคู ทางเข้าปราสาท ด้านหน้าปูด้วยหินศิลาแลงขนาดใหญ่มีราวกำแพงสลักเป็นพญานาค ซุ้มประตูสร้างเป็น พระปรางค์ 3 ยอด ผ่านประตูเข้าไปข้างในถึงตอนกลางเป็นปราสาทก่อเป็นพระปรางค์มี 5 ยอด มีภาพแกะสลักวิจิตรงดงามลงในเนื้อหินประดับประดาอยู่แทบทั้งหมด เป็นภาพนูนแสดงถึงพุทธประวัติ ประวัติการทำสงคราม ตอนบนของยอดปราสาทมักสลักเป็นรูปพรหมสี่หน้า เป็นสถาปัตยกรรมก่อสร้างที่งดงามมั่นคง ซึ่งแสดงว่าครั้งหนึ่ง ขอมเคยเจริญรุ่งเรืองมาแล้วในสมัยโบราณ
ปราสาทนี้ปล่อยทิ้งร้างไว้เมื่อขอมเสื่อมอำนาจลง จนกลายเป็นป่าทึบ มีต้นไม้ปกคลุมโดยทั่วไปทำให้ปรักหักพังลงมาก เพิ่งได้รับการบำรุงซ่อมแซมบูรณะให้คืนสู่สภาพเดิมเมื่อต้นคริสตศตวรรษที่ 19
2.ทัชมาฮาล
สถานที่ตั้ง เมืองอักรา ประเทศอินเดีย
ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้
ทัชมาฮัล เป็นอนุสาวรีย์แห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ของโลก เพราะที่นี่เป็นสุสานฝังศพของ มุมทัชมาฮัล ราชินีผู้ป็นที่รักยิ่งของ พระเจ้าชาห์เยฮัน อยู่ในเมืองอัคระ บนฝั่งแม่น้ำยมนา ประเทศอินเดีย
มุมทัชมาฮาล เป็นมเหสีที่พระเจ้าชาห์เยฮันรักมากที่สุด พระนางสิ้นพระชนม์เพราะคลอดโอรสองค์ที่ 15 ซึ่งทำให้พระเจ้าชาห์เยฮัน เศร้าโศกมาก พระองค์จึงสร้างที่ฝังศพที่หญ่โตที่สุดในโลกขึ้นที่ริมแม่น้ำยมนา สร้างระหว่างปี พ.ศ. 2173-2191 (ค.ศ. 1630-1648) เสียเวลาสร้างอยู่ 23 ปี ทกส่วนสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวนวลบริสุทธิ์ ตามแบบสถาปัตยกรรมเปอร์เซีย โดยสถาปนิก อุสตาด ไอสา (Ustad lsa) มีผู้ร่วมสร้างเป็น ผู้ออกแบบ ช่างเขียนลวดลาย ช่างอิฐ ช่างปูน ช่างประดับลวดลายด้วยกระเบื้อง ช่างแกะสลัก ช่างตกแต่งภายใน รวม 20,000 คน วัตถุในการก่อสร้าง คือ หินอ่อนสีขาวจากเมืองมะครานา หินอ่อนสีแดงจากเมืองฟาตีบุระ หินอ่อนสีเหลือง จากฝั่งแม่น้ำนรภัทฑ์ เพชรตาแมวจากกรุงแบกแดด ปะการัง และ หอยมุกจากมหาสมุทรอินเดีย หินเจียรไนสีฟ้าจากเกาะลังขะ เพชรจากเมืองบนทลขัณฑ์ สิ้นเงินค่าก่อสร้าง 50,000,000 เหรียญอเมริกัน หรือ ประมาณ 1,000,000,000 บาท
ซึ่งได้รับคำรับรองจากสถาปนิกทั่วโลกว่าสร้างขึ้นโดยถูกสัดส่วน และ วิจิตรงดงามที่สุด กว้างยาวด้านละ 39 เมตร(130 ฟุต) ตรงกลางมีโดมสูง 60 เมตร(200 ฟุต) มีโดมเล็กๆ เป็นหสูงอยู่ทั้ง 4 มุม ภายในประดับด้วย หินอ่อนสลักฉลุเป็นลวดลายวิจิตรตระการตาแทรกเสริมด้วย พลอยสี ทับทิม และนิล ตรงกลางภายใต้หลังคาโดมใหญ่มีแท่นวางหีบศพที่ทำด้วยหินอ่อน และมีฉากหินอ่อนฉลุลายงามเป็นพิเศษกั้นอีกชั้นหนึ่ง แต่ศพจริงๆ ไม่ได้บรรจุอยู่ในหีบ หากฝังอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินตรงกับที่วางหีบศพนั้น ภายหลังที่สร้างทัชมาฮัล ซาร์เจฮันใฝ่ฝันที่จะสร้าง ที่ฝังศพตัวเองที่ฝั่งแม่น้ำตรงกันข้ามจะเป็นหินอ่อนสีดำล้วนๆ แต่ลูกชายเกรงเงินจะหมดจะไม่มีใช้ เมื่อขึ้นครองราชสมบัติจึงจับพ่อขังอยู่ได้ 7 ปี ก็สิ้นพระชนม์ ประมาณปี พ.ศ.2209 (ค.ศ.1666) แล้วเอาศพไปฝังข้างศพแม่ ส่วนนายช่างผู้ออกแบบถูกสั่งให้ประหาร ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้มีโอกาสออกแบบสิ่งก่อสร้างใดๆ ที่สวยกว่าได้
ทัชมาฮัลเป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับการยกย่องว่าสร้างขึ้นมาได้อย่างเหมาะสมสวยงามน่ามหัศจรรย์
3.พระราชวังแวร์ซายส์
สถานที่ตั้ง กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้
เป็นพระราชวังที่สวยงามมากสร้างขึ้นโดย พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส มีนายช่างสถาปนิก อัลเดรด เลอ นอสเตอร์ เป็นผู้ออกแบบ ลงมือสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2204 (ค.ศ. 1661) สร้างอยู่นาน เวลา 30 ปี สิ้นเงินค่าสร้าง 500,000,000 ฟรังก์ ใช้คนงาน 30,000 คน ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อนสีขาว เป็นแบบอย่างและศิลปกรรมก่อสร้างที่งดงามมาก
ภายในพระราชวังแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ เช่น มีห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสำราญ ห้องทรงพระอักษร ห้องโถง ห้องออกว่าราชการ ฯลฯ แต่ละห้องมีเครื่องประดับมีค่ามากมาย ทั้งวัตถุ และ ภาพเขียนศิลปะที่มีชื่อเสียง ห้องที่มีชื่อที่สุด คือ ห้องกระจกที่เคยใช้ลงนาม เซ็นสัญญาสงบศึกระหว่างสัมพันธมิตร กับเยอรมัน ในคราวมสงครามโลกครั้งที่ 1 และเป็นที่ใช้ลงนามในเมื่อเยอรมันบุกตีชนะฝรั่งเศส ในสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย ในการทำสงครามใหญ่ทุกครั้งฝรั่งเศส จึงต้องประกาศให้ปารีสเป็นเมืองปลอดทหารคือ ไม่มีทหารตั้งอยู่ ไม่มีการต่อสู้ใด ๆทั้งสิ้น ทั้งนี้เพื่อรักษาไม่ให้พระราชวังแห่งนี้ ต้องได้รับความเสียหายจากการโจมตี ของข้าศึกไม่ว่าโดยทางใด ทุก ๆ ปีจะมีนัก ปจจุบันเป็นสถาปัตยกรรมมีค่าที่สุดของฝรั่งเศส และโลก ที่มีนักท่องเที่ยวไปชมความงามไม่น้อยกว่า 1,000,000 คน ต่อปี
4.เรือควีนแมรี่
สถานที่ตั้ง เมืองลองบีช รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้
เรือเดินสมุทร "ควีนแมรี่"ของอังกฤษลำนี้เป็นเรือสมุทรขนาดมหึมาใหญ่โตที่สุดของโลกเท่าที่มนุษย์สร้างขึ้นมา เพื่อรับส่งผู้โดยสารข้ามมหาสมุทร เรือลำนี้ต่อที่อู่ริมฝั่งแม่น้ำไคลต์ในประเทศสก็อตแลนด์ เมื่อ ค.ศ. 1939 มีราคา 25,000,000 เหรียญสหรัฐ มีน้ำหนักทั้งสิ้น 80,773 ตัน มีความยาว 300 เมตร (1,004 ฟุต) สูง 54 เมตร (180 ฟุต) เครื่องยนต์ขับเคลื่อน มีกำลังทั้งหมด 200,000 แรงม้า อัตราความเร็วชั่วโมงละ 30 น็อตต่อชั่วโมง มีหม้อน้ำขนาดใหญ่ต้มน้ำมีน้ำหนักถึง 400 ตัน ให้เดือดกลายเป็นไอไปใช้เป็นพลังงานขับเคลื่อนใบจักร และเครื่องกลต่างๆของลำเรืออยู่ทุกๆ ชั่วโมง
เรือลำนี้บรรจุคนได้ประมาณ 2,075 คน บนดาดฟ้ามีที่ว่างทำสนามเล่นกีฬาได้ถึง 3 เอเคอร์ ภายในเรือมีร้านขายอาหาร สนามเด็กเล่น สำนักพิมพ์ สระว่ายน้ำ โรงพยาบาล และอุปกรณ์บริการความสุขอื่นๆ เครื่องอำนวยความสะดวก แก่ผู้โดยสารอย่างครบครัน เหมือนกับเมืองขนาดย่อมที่ล่องลอยไปในท้องมหาสมุทร
แม้ว่าเรืควีนแมรี่จะมีขนาดใหญ่โต แต่ก็สามารถเดินทางจากเมืองท่าลิเวอร์พูล อังกฤษ ถึงเมืองท่านิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ข้ามมหาสมุทรอันลันติค ในเวลาเพียง 9 วัน ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เรือลำนี้หยุดเดินทางรับส่งผู้โดยสารเพราะเกรงจะถูกข้าศึกยงจม แต่เมื่อสงครามผ่านพ้นไปแล้วก็ปรับปรุง ออกบริการผู้โดยสารอยู่อีกหลายปี เพิ่งมายุติการเดินทางเพื่อรับส่งผู้โดยสารในปี ค.ศ. 1967 โดยบริษัทเจ้าของขายให้แก่เศรษฐีอเมริกันคนหนึ่งเอาไปปรับปรุงใหม่ทำเป็นโรงแรม ภัตตาคาร และพิพิธภัณฑ์ลอยน้ำ ที่ ลองบีช รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งจะยังปรากฎให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตต่อไปอีกนาน
5.สะพานโกลเดนเกต
สถานที่ตั้ง เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา
ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้
สะพานโกลเดนเกต เป็นสะพานแขวนที่มีความยาวมากที่สุดในโลก ทอดข้ามอ่าวทางตอนเหนือ ของเมืองซานฟรานซิสโก สร้างเป็นแบบโครงแขวน ตัวสะพานแขวนประกอบด้วยหอคอยเหล็กสองข้างข้างละ 215 เมตร ( 746 ฟุต) ใช้ ลวดเคเบิลที่โยงทอดเป็นตัวดึงน้ำหนักสะพานมีขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 36 นิ้ว ข้างละ 2 เส้น รวม 4 เส้น ยาว 107,000 ไมล์ และยังมีเส้นลวดเล็ก ยึดสายโยงอีกรวม 27,572 เส้น มีช่วงกลางระหว่างตอม่อยาว 1.26 กิโลเมตร ส่วนริม 2 ฟาก ยาวข้างละ 34 เมตร รวมยาวทั้งหมดประมาณ 7 กิโลเมตร มีส่วนกว้าง 27 เมตร เป็นสะพานแบบสะพานแขวนขนาดใหญ่และยาวมากที่สุดสะพานแรกในยุคนั้น จนเป็นที่น่ามหัศจรรย์ของผู้ผ่านไปมาและพบเห็นยิ่งนัก และเป็นแบบอย่างในการออกแบบสร้างสะพานแขวนแบบใหญ่และยาวมากขึ้นไปอีกในโอกาสต่อๆ มา
6.ตึกเอ็มไพร์สเตต
สถานที่ตั้ง บนเกาะแมนฮัตตัน เมืองนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา
ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้
ตึกเอ็มไพร์สเตต ใช้อิฐในการสร้าง 10 ล้านก้อน สูง 375 เมตร และลึกลงไปใต้ดิน จากระดับถนนอีก 10 เมตร แบ่งเป็น 102 ชั้น บนยอดสุดมีโดมสูงขึ้นไปอีก 60 เมตร จากชั้นล่างถึงชั้นที่ 86 มีโครงเหล็กเสริมอย่างดี ชนิดไม่ขึ้นสนิม คิดเป็นน้ำหนัก 730 ตัน มีหน้าต่างทั้งหมด 6,500 บาน จุคนได้ 80,000 กว่าคน รับประกัน 6,000 ปี มีบริษัทใช้เป็น ที่เปิดทำการ 600 กว่าบริษัท ใช้ลิฟท์ขึ้นลง 65 เครื่อง เริ่มสร้างเมื่อ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2472 (ค.ศ.1929) สร้างเสร็จเมื่อ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937)
7.เขื่อนยักษ์ฮูเวอร์
สถานที่ตั้ง ประเทศสหรัฐอเมริกา
ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้
เขื่อนฮูเวอร์ หรือ ทำนบโบลเดอร์ เป็นเขื่อนที่สร้างขึ้นเพื่อกั้นแม่น้ำโคโลราโดไว้ตลอดปี เพื่อป้องกันอุทกภัยในฤดูหนาว เพื่อการชลประทานในเขตนั้น สงวนพันธ์ปลา และเพื่อผลิตพลังไฟฟ้าอีกด้วย
ตัวเขื่อนฮูเวอร์ เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กยาว ตัวทำนบสูง 218 เมตร ฐานข้างล่างกว้าง 198 เมตร สันทำนบข้างบนกว้าง 13.5 เมตร ยาว 385 เมตร ใช้คอนกรีต เฉพาะสร้างตัวทำนบ 3,250,000 ลูกบาศก์หลา และส่วนอื่น ๆ อีก 4,400,000 ลูกบาศก์หลา มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า จากน้ำตก 17 เครื่อง ให้กำลังไฟฟ้า 1,835,000 กิโลวัตต์ เมื่อจะก่อสร้าง ใช้เวลาสำรวจถึง 20 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2447-2467 (ค.ศ. 1904-1924) เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. 2472 (ค.ศ.1929) เสร็จเมื่อ 1 มีนาคม พ.ศ. 2479 (ค.ศ. 1936) เมื่อปิดกั้นเขื่อนเต็มที่แล้ว เหนือเขื่อนขึ้นไปเกิดเป็นทะเลสาบยาวตามตามลำแม่น้ำถึง 115 ไมล์ มีบริเวณทั้งหมด 225 ตารางไมล์ เรียกชื่อทะเลสาบนี้ว่า ทะเลสาบมี๊ด ตามชื่อของมิสเตอร์มี๊ด อธิบดีกรมการฟื้นฟูที่ดินของ สหรัฐอเมริกาสมัยนั้น และเขื่อนฮูเวอร์ ก็ตั้งชื่อตามนามของ ประธานาธิบดีฮูเวอร์ ผู้ลงนามใน พ.ร.บ. โบลเดอร์ แคนยอน ให้สร้างเขื่อนนี้ได้
ความจริงเขื่อนที่มีขนาดใหญ่โตกว่าเขื่อนฮูเวอร์ก็มีอยู่แต่โดยทั่วไปยกย่องให้เขื่อนฮูเวอร์เป็นสิ่งก่อสร้าง อันน่ามหัศจรรย์ชิ้นแรกที่เอาชนะธรรมชาติอันร้ายแรงของน้ำท่วม และการกักเก็บน้ำให้เกิดเป็นทะเลสาบขึ้นมาได้ ซึ่งไม่เคยมีใครสร้างสำเร็จใหญ่โตมหึมาเช่นนี้มาก่อน