โด่งดังมาเกิน 20 ปีแล้ว แต่ "เคียนู รีฟส์" ก็ยังคงครองตำแหน่งขวัญใจสาว ๆ อย่างเหนียวแน่นในวัยที่เฉียดเข้าใกล้เลข 50 ไปเรื่อย ๆ นอกจากนั้นวิถีชีวิตที่แตกต่างจากการเป็น "ซูเปอร์สตาร์" ทั่วไปอย่างสิ้นเชิง ก็ยิ่งทำให้เขาคนนี้ "ไม่มีใครเหมือน"
นับจากวันที่ภายยนตร์เรื่อง Speed เข้าฉายเมื่อ 19 ปีก่อน เคียนู รีฟส์ ได้เข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจของสาว ๆ จำนวนมาก และถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมหนีไปไหน ยังคงครองตำแหน่งอยู่ในใจสาวหน้อยสาวใหญ่อยู่เหมือนเดิม
คีอานู รีฟส์ เกิดเมื่อวันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2507 (ค.ศ. 1964) ในกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน ก่อนจะต้องย้ายที่อยู่ไปเรื่อย ๆ แม่ของเขาเป็นชาวอังกฤษ พ่อของเขาเป็นชาวอเมริกันที่มีเชื้อสายฮาวาย จีน โปรตุเกส และอังกฤษ โดยเขาเคยไปอยู่มาแล้วทั้งที่ ซิดนีย์ ออสเตรเลีย และกรุงนิวยอร์ก
ด้วยใบหน้าหล่อเหลา มีส่วนผสมของทั้งยุโรป และเอเชียในสัดส่วนที่ลงตัว บุคคลิกลึกลับน่าค้นหา เคียนู รีฟส์ ยังคงฉายความโดดเด่นได้เหมือนสมัยหนุ่มแน่น แม้ตอนนี้จะมีวัย 48 ย่างเข้า 49 ปีแล้ว นอกจากนั้นชีวิตส่วนตัวที่ไม่เหมือนใครก็ถือเป็นเสน่ห์ส่วนตัวของเขาคนนี้ด้วย
ส่วนใหญ่ภาพส่วนตัวของนักแสดงดังจากฮอลลีวูด มักจะปรากฎตัวอยู่ในร้านหรูหรา, ชายหาดเมืองพักร้อน หรือตามโรงแรมราคาแพง แต่ปาปารัสซีมักจะถ่ายภาพ เคียนู รีฟส์ ได้จากตามท้องถนน, รถไฟใต้ดิน หรือสถานที่ปกติธรรมดาที่ใคร ๆ ก็ไปกัน
ไม่ใช่เพียงเท่านั้น เขายังถึงขั้นเคยใช้เวลาเสวนากับคนจรจัดในลอสแอนเจลิส กลุ่มบุคคลไร้บ้านที่ปกติคนทั่วไปมักจะรังเกียจ และไม่อยากเข้าใกล้ด้วย
โดยในเดือน ก.ย. 1997 นักข่าวได้พบหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง ซึ่งก็คือพ่อหนุ่มคนดัง เคียนู รีฟ นั่นเอง ที่ใช้เวลาในช่วงเช้า นั่งคุย, แลกเปลี่ยน ให้ความสนิทสนมกับคนไร้บ้านผู้หนึ่ง ปฏิบัติต่ออีกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน โดยเป็นการใช้เวลาที่นานพอสมควร สำหรับการนั่งคุยกัน เป็นภาพที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักสำหรับคนดัง ที่จะมาทำอะไรแบบนี้ หากไม่ใช่เพื่อการถ่ายทำรายการอะไรทำนองนั้น หรือโครงการกุศลที่มีกล้องรอเก็บภาพอยู่รอบ ๆ ตัว
และยังมีภาพที่ เคียนู ร่วมโดยสารรถไฟใต้ดินนิวยอร์กเหมือนประชาชนทั่วไปคนหนึ่ง และยังปฏิบัติตัวเป็นตัวอย่างแก่สังคม ด้วยการลุกให้สุภาพสตรีนั่งด้วย
คีอานู รีฟส์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในนิตยสารเกี่ยวกับการสนใจธรรมะว่า
" หลักธรรมอย่างแรกที่รู้คือ ความจริงสี่ประการ (อริยสัจ4) เกี่ยวกับ ทุกข์ สาเหตุแห่งทุกข์ หนทางดับทุกข์ และวิธีพ้นไปจากทุกข์ จนพบความสุข ศาสนาพุทธ เชื่อในการปล่อยวาง ตัวของเรา ซึ่งก็คือ อีโก ในความเชื่อทางตะวันตก
พุทธจะสอนว่า สิ่งที่เรานึกว่ามันเป็น ตัวเรานั้น ที่แท้มันไม่มีอยู่จริง และในขณะที่ผมไปเนปาลเพื่อลองชุดที่ต้องใช้ในการถ่ายทำ ผมก็ได้พบท่านอาจารย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในศาสนาพุทธ ตำแหน่งท่านคือ ริมโพช ซึ่งทำงานกับ เบอร์นาร์โด ผมได้คุยกับท่านอยู่หลายครั้ง
ท่านสอนผมให้ฝึกร่างกาย เพื่อให้เข้าถึงสมาธิ และท่านสอนผมว่าทำอย่างไรจึงจะละวางตัวตนได้หมดไป แล้วไปถึงนัยยะอื่นๆ แง่มุมอื่นๆ เพื่อให้เข้าถึงความเมตตา ความหยั่งรู้ และความสุขในที่สุด ตอนที่ผมต้องเรียนสิ่งเหล่านี้กับท่านริมโพช มันยากมาก มันเจ็บด้วยนะ นั่งขัดสมาธินานๆน่ะ
และมันยังทำใจลำบากจริงๆที่จะละวางสิ่งที่เป็นตัวตนของเรา ท่านจึงบอกผมว่า จงอย่าเชื่อในสิ่งที่ท่านพูด ท่านให้ผมคิดทุกอย่างที่ได้ฟังมา ทดสอบกับสิ่งที่ผมเคยรู้ และขบคิดอย่างจริงจัง เพื่อให้ผมรู้ได้ด้วยตัวเองว่า มันเป็นอย่างนั้นหรือไม่ นั่นคือ ศาสนาพุทธที่แท้จริง มันไม่ใช่แค่ การศรัทธาแล้วก็เชื่อ
มันเป็นความโดดเด่นของศาสนานี้ มันไม่ใช่การเกลี้ยกล่อมให้เปลี่ยนความเชื่อหรือชักชวนให้เปลี่ยนศาสนา พระไม่ได้บอกคุณว่า เฮ ปาวารณาตนเข้ามาแล้วฉันจะให้รางวัลคุณนะ แต่เขาบอกคุณว่า เขาได้ชี้ทางให้คุณแล้ว ให้คุณลองคิดดู และนี่มันทำให้ผมสนใจศาสนานี้ เพราะว่าเป็นศาสนาที่ศึกษาเกี่ยวกับ ความจริง โดยมีพื้นฐานมาจาก ความรัก ความเห็นใจ ความเอื้อเฟื้อต่อกัน และ ความสุข"
คีอานู รีฟส์ได้อธิบายและกล่าวถึงการถือพระรัตนตรัยเป็นสรณะไว้ในเทปการเผยแพร่ศาสนาของทิเบตชุดหนึ่ง งานนี้ คีอานูรับทำฟรี ไม่มีค่าตัว ส่วนราคาวีดีโอชุดนี้อยู่ที่ US$108.95
มีอยู่ 13 หัวข้อ แต่จะขอยกตัวอย่างมาบางส่วนเท่านั้น
Section 4 : The Spiritual Teacher
ถ้าคุณอยากเรียนอะไรสักอย่างให้กระจ่าง คุณต้องค้นหา ครูที่เป็นผู้รู้แจ้งในเรื่องนั้น โดยเฉพาะในเรื่องหาวิธีพ้นทุกข์ การอ่านหนังสือเอง อาจไม่สามารถตอบข้อสงสัยทุกข้อของคุณได้ทั้งหมด
ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำอย่างแรกในตอนนี้ คือการเปิดใจเข้าหาครูของคุณLama Tsongkhapa ที่คุณจะได้พบต่อไปนี้ ได้รับการยอมรับว่า เป็นผู้สอนที่อุทิศตัวให้งานและฝึกฝนวิธีการสอนมาอย่างดี เปิดใจเข้าหาท่าน แล้วคุณจะพบสิ่งนั้น
Section 6 : All About Karma
พวกเราทุกคนล้วนอยากมีความสุข หากเราคิดว่า ชีวิตเราถูกลิขิตมาตั้งแต่แรกเกิด เราก็จะคิดว่า เราไม่สามารถสร้างสิ่งดีๆให้ตัวเราได้ แต่ในศาสนาพุทธ ทุกอย่างไม่เป็นเช่นนั้น พุทธบอกให้เรามองสิ่งที่เกิดบนโลกนี้ในรูปแบบของความจริง (Fact)
ที่เรียกว่า กรรม (Karma) ซึ่งขึ้นกับ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ( action body speech and mind) ซึ่งทั้งหมดจะรวมกันเป็น กรรม ที่หมายถึงการรับผิดชอบต่อชีวิตของคุณเอง ในบทนี้ เราจะเล่าเรื่องง่ายๆที่จะทำให้ กรรมของคุณเป็นสิ่งดี เรียนรู้วิธีที่จะสร้างอนาคตที่ดีต่อตัวคุณเอง
Section 7 : Refuge in the Three Jewels
เมื่อเรามีทุกข์ เรามักหาที่พักพิง สิ่งที่เราใช้กันประจำคือ เหล้า เซ็กส์ ยา อำนาจหรือเงินตรา แต่ในที่สุด มันก็ไม่ยั่งยืนจนเราไม่รู้ว่า อะไรคือความสุขที่แท้จริงกันแน่ ในปรัชญาแห่งพุทธ ที่พึ่งที่ดีที่สุด คือ พระรัตนตรัย ซึ่งประกอบไปด้วย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ,
พระพุทธ คือองค์พระศาสดา ผู้เปรียบเหมือนนายแพทย์ที่ค้นพบวิธีพ้นทุกข์ พระธรรม คือตัวยาที่จะฆ่าเหตุแห่งทุกข์ออกไปจากเรา และ พระสงฆ์ คือคณะแพทย์ที่รู้ว่าเราเหมาะกับยาใด เรียนรู้พระรัตนตรัย จะทำให้เราพบกับความสุขที่ยั่งยืน
"Money is the last thing I think about. I could live on what I have already made for the next few centuries," he declared.
"เงินคือสิ่งสุดท้ายที่ผมห่วง เพราะเงินที่ผมมีอยู่ผมก็ใช้ได้หลายร้อยปีแล้ว" Keanu กล่าวไว้
Mr.Terran
23 ชั่วโมงที่แล้ว