อุโบสถแห่งกาลเวลา ยืนหยัดมากว่า100 ปี
ที่วัดสีหยัง อยู่ริมถนนทางหลวงสงขลา-นครศรีธรรมราช สร้างเป็นสถาปัตยกรรมในสมัยอาณาจักรศรีวิชัย วัดนี้สร้างขึ้นประมาณ พ.ศ.2310
อุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนฐานสูง มีประตูทางเข้าเพียงทางเดียวทางด้านหน้า รอบอุโบสถมีลานทักษิณาวัฎ มีหน้าต่างด้านละ 2 ช่อง ขอบประตูและหน้าต่าง ตกแต่งด้วย ลวดลายปูนปั้นเป็นรูปวงโค้งและเทวดาหน้าบัน ด้านหน้ามีลายปูนปั้นลายดอกพุดตานใบเทศ มีบุคคลเป็นส่วนประกอบ ตรงจั่วมีช่อฟ้าใบระกา มีปั้นลมรูปหัวนาคแทนหางหงส์ ภายในอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระประธานปูนปั้นปางมารวิชัย ฝีมือช่างท้องถิ่น
วัดสีหยัง อยู่ริมถนนทางหลวงสงขลา-นครศรีธรรมราช ตั้งอยู่เลขที่ 127 บ้านสีหยัง หมู่ที่ 3 ตำบลบ่อตรุ อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัด เนื้อที่ 33 ไร่ 3 งาน น่าจะสร้างในสมัยศรีวิชัยประมาณ พ.ศ.2310 เป็นวัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาแล้วประมาณ พ.ศ.2320 เดิมมีนามว่า "วัดสีกุยัง" หนังสือกัลปนาวัดหัว เมืองพัทลุงสมัยอยุธยาเรียกว่า "วัดศรีกูยัง" โดยอุโบสถและศาลาการเปรียญเป็นตัวอย่างสถาปัตยกรรมฝีมือช่างพื้นบ้านของ สงขลา เป็นวัดที่พระราชมุนีสามีราม (หลวงพ่อทวด) เมื่อครั้งเป็นสามเณรมาศึกษาธรรมบททศชาติก่อนไปบวชที่วัดดีหลวง
โบราณสถานและโบราณวัตถุที่ควรค่าแก่การชม คือ
ฐานเจดีย์ก่อด้วยอิฐดินเผาและปะการัง ใช้ยางไม้ชนิดหนึ่งแทนการสอปูน เรียงอิฐแบบไม่มีระบบ ซึ่งเป็นเทคนิคของช่างสมัยศรีวิชัย เดิมสันนิษฐานว่าองค์เจดีย์มีรูปทรงแบบ มณฑปพระบรมธาตุไชยา ต่อมาได้หักพังลงเหลือแต่ฐานเจดีย์ ศาสนาจารย์บวชเซอลิเยร์ นักปราชญ์ทางโบราณคดีชาวฝรั่งเศสได้ให้ความเห็นไว้ว่า เป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นในสมัย ศรีวิชัย (พุทธศตวรรษที่ 13 - 18)
อุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนฐานสูง มีประตูทางเข้าเพียงทางเดียวทางด้านหน้า รอบอุโบสถมีลานทักษิณาวัฎ มีหน้าต่างด้านละ 2 ช่อง ขอบประตูและหน้าต่าง ตกแต่งด้วย ลวดลายปูนปั้นเป็นรูปวงโค้งและเทวดาหน้าบัน ด้านหน้ามีลายปูนปั้นลายดอกพุดตานใบเทศ มีบุคคลเป็นส่วนประกอบ ตรงจั่วมีช่อฟ้าใบระกา มีปั้นลมรูปหัวนาคแทนหางหงส์ ภายในอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระประธานปูนปั้นปางมารวิชัย ฝีมือช่างท้องถิ่น สร้างขึ้นเมื่อประมาณ 90 ปี มาแล้ว
เทวรูปสำริด เป็นเทวรูปสำริดถือรวงข้าว ชาวบ้านเล่าว่า พบขณะขุดหลุมสร้างโรงเรียนวัดสีหยัง บริเวณวัดสีหยังจะมีคูขุดล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน เป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสมีความกว้างประมาณ 200 เมตร คูกว้าง 30 เมตร ปัจจุบันแนวคูได้ตื้นเขินไปมากแล้ว
เมื่อปี พ.ศ.2522 หน่วยศิลปากรที่ 9 สงขลา กองโบราณคดี ได้สำรวจขุดแต่งบูรณะวัดสีหยัง พบว่ามีซากสถูปก่อด้วยอิฐ ตั้งอยู่ในเนินดินเป็นสถูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส ส่วนบนหัก หายไป มีการใช้หินปะการัง ซึ่งมีอยู่ในท้องถิ่นมาทำเป็นรูปบัวของสถูปแทนอิฐ ส่วนต่อระหว่างฐานรากและองค์เจดีย์ที่ต่อขึ้นไปด้านหน้าฐานเจดีย์ มีฐานวิหารเหนือเป็นเนินดิน รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า อาจเป็นวิหารที่สร้างเพิ่มเติมในสมัยอยุธยาหรืออาจมีมาแต่เดิมก็ได้
นอกจากนี้ยังพบเศษภาชนะดินเผาเนื้อดินธรรมดาและแบบเคลือบ และยังเคยพบ ประติมากรรมสำริดในบริเวณใกล้เคียง เป็นเทวรูปสำริดพระกรถือรวงข้าว (ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ ที่วัดสีหยัง) และบริเวณรอบ ๆ สถูปยังปรากฎคันคูดินโบราณที่บ่งบอกถึงความเป็นชุมชนโบราณอยู่ด้วย
ภายในโบสถ์วัดสีหยัง มีรูปเหมือนหลวงพ่อทวดขนาดใหญ่ ประดิษฐานอยู่ ซึ่งเป็นหลวงพ่อทวดที่จัดสร้างโดยนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ ม.อ.ปี 5 เมื่อปี พ.ศ.2550 ด้วยแรง ศรัทธาอย่างแรงกล้า โดยใช้งบประมาณในการสร้าง 300,000 บาท
หลวงพ่อทวด หรือ สมเด็จเจ้าพะโคะ มีนามเดิมว่า ปู เป็นบุตรนายหู นางจัน วันเดือนปีเกิดของเด็กชายปู บ้างว่าเป็นเดือน 4 ปีมะโรง ตรงกับ พ.ศ.2125 บ้างว่าปี พ.ศ.990 ฉลู สัมฤทธิศก บ้างว่า พ.ศ.2131 โดยอนุมาน เข้าใจว่าคงเป็นปลายสมัยมหาธรรมราชา อาจเป็นปี พ.ศ.2125 หรือ 2131 ตอนเด็กชายปูยังเป็นทารก มีเรื่องเล่าเป็นปาฎิหาริย์เอาไว้ ว่า หลังจากนางจันเลิกอยู่ไฟก็ออกเกี่ยวข้าวทันที
วันหนึ่งนางไปเก็บข้าวก็ให้บุตรนอนเปลใต้ต้นหว้า งูบองสลาขึ้นมานอนบนเปลนั้น มารดาและบิดาเห็นงูก็ตกใจ งูก็เลื้อยหายไป แต่ได้คาย