การแต่งตั้งโยกย้ายนายพลตำรวจประจำปี ในระดับ พล.ต.อ.-พล.ต.ท.เพิ่งเสร็จสิ้นไป ไม่ว่าใครจะย้ายไปไหนมาไหนก็ตาม แต่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ยังเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลไม่แปรเปลี่ยน
นั่นก็หมายความว่า ม็อบแช่แข็งภาค 2 ที่ประกาศจะฟื้นคืนชีพในต้นเดือนหน้านี้
คงต้องเจอกับทีมตำรวจควบคุมม็อบชุดเดิม ที่เคยจัดการได้อย่างเรียบร้อย ม้วนเดียวจบ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนปีที่แล้ว
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ยังอยู่ไม่ได้เกษียณ
พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง ยังทำหน้าที่อยู่
ขณะที่ ผบช.น. ยังเป็น พล.ต.ท.คำรณวิทย์
ไปจนถึง ผบช.พื้นที่รอบๆ กทม.ที่เป็นกำลังหนุนเสริมสำคัญ ทั้ง พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ยังเป็น ผบช.ภาค 1 ดังเดิม รวมทั้ง พล.ต.ต.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ยังคงคุม บช.ภาค 7 ไม่ได้โยกย้ายไปไหน
ตำรวจชุดนี้แหละ ที่เคยสร้างปรากฏการณ์เมื่อปีที่แล้ว โดยควบคุมการชุมนุมด้วยความเข้มแข็ง เล่นเอาม็อบแช่แข็งซึ่งประกาศจะระดมคนเป็นล้านไล่รัฐบาลในวันเดียว ม้วนเดียวจบ เป็นฝ่ายจบไปเสียเองแบบม้วนเดียวจริงๆ
ที่พูดเช่นนี้ ไม่ได้เชียร์ตำรวจให้ปราบม็อบดุดันโหดเหี้ยม ทั้งขอเน้นย้ำว่ารัฐบาลไม่ควรใช้ความรุนแรงเกินขอบเขตกับผู้ชุมนุมทางการเมือง
แต่รัฐบาลซึ่งมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง สามารถใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ผ่านการฝึกฝนด้านควบคุมฝูงชนอย่างถูกหลัก เป็นหน่วยที่ควบคุมสถานการณ์ ไม่ให้ลุกลามบานปลาย
หน่วยตำรวจที่นำมาใช้ในสถานการณ์แบบนี้ ต้องฝึกฝนมา ต้องใช้อุปกรณ์สำหรับการปราบจลาจลเท่านั้น มีโล่ กระบอง แก๊สน้ำตา ปืนยิงกระสุนยาง ปืนยิงแห
ห้ามใช้ปืนใส่กระสุนจริงอย่างเด็ดขาด
ห้ามมีคำอนุญาตให้ใช้กระสุนจริงได้ แบบรัฐบาลสมัยปี 2553
ที่สำคัญ กฎกติกาสากลกำหนดไว้ชัด ตำรวจปราบจลาจลเท่านั้นที่นำมาใช้เผชิญหน้ากับผู้ชุมนุมประท้วง
อย่าทำอย่างรัฐบาลปี 2553 อ้างสถานการณ์พิเศษ อ้างชุดดำ อ้างผู้ก่อการร้าย แล้วสั่งกองทัพพร้อมอาวุธจริงเข้ามาเดินบนท้องถนน แถมด้วยสไนเปอร์บนยอดตึกอีก
กองทัพเขามีหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของประเทศชาติ เป็นรั้วอันเข้มแข็งที่ประชาชนไว้วางใจและยกย่อง
มีแต่รัฐบาลที่บ้าอำนาจเท่านั้น ไปลากกองทัพมาเผชิญหน้ากับม็อบ
นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปปาฐกถาในต่างประเทศหลายครั้ง เน้นย้ำว่ารัฐบาลนี้มาจากการเลือกตั้ง เป็นประชาธิปไตยเต็มตัว และจะไม่ทำเรื่องน่าเศร้าสลดสำหรับประชาชนที่รักเสรีภาพ อย่างเช่นเหตุการณ์ 99 ศพ
หวังว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์จะยึดมั่นในคำกล่าวนี้
แต่สิ่งที่เห็นได้ในเหตุการณ์ม็อบแช่แข็งเมื่อปี 2555
คือ ใช้ตำรวจปราบจลาจลล้วนๆ จริงๆ แล้วเป็นตำรวจ
ปราบจลาจลในยุคที่ฝึกฝนมาอย่างแข็งแกร่ง แต่อยู่ในกฎกติกา
พูดอย่างถึงที่สุดแล้ว ผู้คนในสังคมไม่ได้ชื่นชมตำรวจในแง่ปราบม็อบเก่งกาจ แต่ชื่นชมเพราะม็อบแช่แข็งนั้น ประกาศเจตนารมณ์ที่ขัดแย้งกับเสรีภาพของประชาชนส่วนใหญ่มากกว่า
เพียงแค่นี้ก็ไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนส่วนใหญ่
เมื่อตำรวจทำหน้าที่ได้ดี ไม่เหยาะแหยะ ก็เลยพึงพอใจ
เล่นจะเอาประเทศไปแช่แข็ง ได้ตำรวจแข็งๆ มาช่วยละลายน้ำแข็งให้ ประชาชนย่อมมีความสุขและพึงพอใจ