ใครว่ายาจำเป็นต้องขม อาหารบางอย่างก็เป็นยาได้ และรสชาติดีด้วยนะ
กล้วย : แก้เครียด
การติดกล้วยไว้ที่ทำงานเป็นเรื่องดี หากคุณรู้สึกเครียด ก็จงคว้ากล้วยมากินเสีย กล้วยขนาดกลางหนึ่งผลมี 105 แคลอรี มีน้ำตาล 14 กรัม มันทำให้ระดับน้ำตาลของคุณเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย มีวิตามินบี 6 อยู่ร้อยละ 30 ของที่เราต้องการต่อวัน ทำให้สมองสามารถผลิตเซโรโทนินฮอร์โมนแห่งความสุข ทำให้คุณหายเครียดได้อีกนิด
ลูกเกด : ลดความดันโลหิต
ลูกเกด 60 เม็ด หรือประมาณหยิบมือใหญ่ ๆ จะมีใยอาหารหนึ่งกรัม และโพแทสเซียม 212 มิลลิกรัม ซึ่งสารอาหารทั้งสองได้รับการแนะนำในแผนไดเอ็ต เพื่อลดความดันโลหิต (DASH) นอกจากนี้สารโพลีฟีนอลในอาหารที่ทำจากองุ่น (เช่น ลูกเกด ไวน์ น้ำผลไม้) ยังมีคุณสมบัติบำรุงหลอดเลือดหัวใจรวมถึงลดความดันโลหิตด้วย
น้ำผึ้งบักวีต : แก้ไอ
การศึกษาจากมหาวิทยาลัยรัฐเพนชิลเวเนียเปิดเผยว่า น้ำผึ้งสีน้ำตาลเข้ม 2 ช้อนโต๊ะ มีประสิทธิภาพกว่ายาแก้ไอในเด็กที่มีอาการไอระดับหนึ่ง ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระและคุณสมบัติฆ่าเชื้อของน้ำผึ้งอาจช่วยบรรเทาอาการอักเสบที่เนื้อเยื่อในลำคอได้
น้ำส้ม : บรรเทาอาการอ่อนเพลีย
ฟรักโทสในน้ำส้มขนาด 4 ออนซ์ เป็นสิ่งที่กระตุ้นให้คุณกระฉับกระเฉง อาจเป็นเพราะว่าวิตามินซีในนำส้มช่วยต้านอนุมูลอิสระ และยังมีส่วนสำคัญในกระบวนการเผาผลาญธาตุเหล็ก จึงช่วยให้เราสูบฉีดออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้มากขึ้น
มันฝรั่ง : แก้ปวดหัว
คาร์โบไฮเดรต 37 กรัม ในมันฝรั่งขนาดกลางสามารถบรรเทาอาการปวดศีรษะด้วยการเพิ่มระดับเซโรโทนิน ตราบใดที่คุณจำกัดปริมาณไขมัน และโปรตีนไว้ต่ำกว่า 2 กรัมละก็นะ
โหระพา : แก้ปวดท้อง
สารชื่อว่า ยูจีนอล ในโหระพา อาจช่วยให้กระเพาะและลำไส้ของคุณปราศจากอาการเจ็บปวด คลื่นเหียน ตะคริว หรือแม้แต่ท้องร่วง โดยการฆ่าแบคทีเรีย เช่น แชลโมเนลลา และลิสเตอเรีย นอกจากนี้ ยูจีนอลยังมีสรรพคุณแก้เกร็ง ซึ่งช่วยหยุดอาการตะคริว
กะหล่ำปลี : บรรเทาแผลในกระเพาะ
การศึกษาจาก Johns Hopkins School of Medicine เมื่อปี 2002 พบว่า สารซัลโฟราเฟนในกะหล่ำปลีจะกำจัดแบคทีเรีย H. Pylori ซึ่งทำให้เกิดแผลในกระเพาะและลำไส้ ก่อนที่มันจะลงไปอยู่ในลำไส้ และอาจจะยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกในกระเพาะได้ด้วยซ้ำ
Tip : ฉีกหรือสับโหระพาโรยในซอสหรือสลัด หากคุณไม่อยากกินอาหารผัดหรือทอดที่มีน้ำมันมาก