ผู้กำกับการตำรวจแคว้นกาลิเซีย แถลงวันนี้ว่า นายฟรานซิสโก โฆเซ การ์ซอน อาโม พนักงานขับรถ จะถูกสอบปากคำในฐานะผู้ต้องสงสัยที่เชื่อมโยงกับอุบัติเหตุครั้งนี้ และผู้ต้องสงสัยยังไม่ให้การใดๆเนื่องจากยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาล พร้อมประกาศปรับตัวเลขผู้เสียชีวิตลงเหลือ 78 คน และผู้บาดเจ็บ 130 คน
เมื่อวันพฤหัสบดี นายราฟาเอล คาตาลา รัฐมนตรีช่วยคมนาคม เปิดเผยว่า ผลการบ่งชี้ในเบื้องต้นพบว่ารถไฟวิ่งเร็วเกินไป และได้มีการนำกล่องดำบันทึกข้อมูลไปมอบให้แก่ผู้พิพากษาที่รับผิดชอบคดีแล้ว ขณะที่หนังสือพิมพ์เอลปาอิส รายงานว่า คนขับรถไฟไม่สามารถห้ามล้อได้ทันในขณะเข้าโค้ง
วิดีทัศน์จากกล้องรักษาความปลอดภัยในที่เกิดเหตุเผยให้เห็นว่าขบวนรถไฟขนาด 8 ตู้ขบวนกระแทกเข้ากับกำแพงคอนกรีตริมทางรถไฟอย่างรุนแรง จากนั้นตู้ขบวนได้พลิกเกยทับกันในสภาพบิดเบี้ยว หนังสือพิมพ์เอลปาอิสระบุว่า ระบบเตือนภัยบนแผงควบคุมส่งเสียงเตือนเพราะตรวจจับได้ว่าคนขับรถไฟขับด้วยความเร็วถึง 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งที่อัตราความเร็วจำกัดไม่ให้เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คนขับพยายามห้ามล้อแต่ไม่ทัน จึงเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น
เอลปาอิสอ้างว่า คนขับได้วิทยุบอกผู้บังคับบัญชาขณะติดอยู่ในห้องคนขับหลังเกิดเหตุว่าเขาขับรถไฟด้วยความเร็วสูง 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หวังว่าจะไม่มีใครเสียชีวิต เพราะจะทำให้เขารู้สึกผิดอย่างยิ่ง ขณะนี้ตำรวจกำลังรอสอบปากคำเขาที่กำลังรักษาอาการบาดเจ็บเล็กน้อยในโรงพยาบาล
ด้านประธานบริษัทเรนเฟ ซึ่งเป็นเจ้าของรถไฟ เปิดเผยว่า คนขับรถอายุ 52 ปี มีประสบการณ์ในการขับรถไฟกว่า 30 ปี และใช้เส้นทางนี้มานานกว่า 1 ปีแล้ว และกล่าวว่า รถไฟที่ตกรางไม่ได้เกิดจากปัญหาด้านเทคนิค เนื่องจากผ่านการตรวจสอบก่อนการวิ่ง และจะมีการเช็คสภาพทุกๆ 7,500 กม. อีกทั้งประวัติการบำรุงรักษาก็ดีเยี่ยม
ขบวนรถไฟด่วนขบวนดังกล่าว ประกอบด้วยตู้โดยสาร 8 ตู้ และตู้เครื่องยนต์ 2 ตู้ บรรทุกผู้โดยสาร 218 คน และเจ้าหน้าที่ 4 คน เดินทางมาจากรุงมาดริด มุ่งหน้าไปยังเมืองเฟอร์รอล ประสบอุบัติเหตุตกรางก่อนถึงเมืองซานเตียโก เด กอมโปสเตลา ราว 3 กม. เมื่อเวลาราว 20.42 น. ตามเวลาท้องถิ่น เป็นเหตุให้ตู้โดยสารเกยขึ้นซ้อนกันและเกิดเพลิงลุกไหม้