สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมว่า ห้องปฏิบัติการสิ่งแวดล้อมขั้วโลกเหนือ ได้เปิดเผยภาพและวิดีโอ ที่ปรากฏพื้นที่บางส่วนได้กลายเป็นทะเลสาบแล้ว หลังจากพื้นที่ส่วนใหญ่ขั้วโลกเหนือต้องเผชิญกับภาวะโลกร้อน ซึ่งร้อนเพิ่มขึ้น 1-3 องศาเซลเซียสในช่วงปีนี้
รายงานระบุว่า จากข้อมูลศูนย์ตรวจสอบหิมะและน้ำแข็ง ได้รายงานว่า อุณหภูมิบริเวณขั้วโลกเหนือในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ได้เพิ่มขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงกว่าอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี โดยเฉพาะช่วงดังกล่าวจะเป็นช่วงที่ขั้วโลกเหนือต้องเผชิญภาวะอากาศร้อนที่สุด และทำให้น้ำแข็งเกิดการหดตัวอย่างรวดเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ทีมสำรวจของมหาวิทยาลัยบริสตอล อ้างว่า จากข้อมูลที่ตรวจสอบระยะยาวเกี่ยวกับการหลอมละลายของโลก ชี้ว่าเป็นการตำหนิว่าขั้วโลกเหนือเผชิญภาวะโลกร้อนเพราะฝีมือมนุษย์ หรือต้องเจออุณหภูมิโลกร้อนอย่างถาวร ถือเป็นเรื่องที่อ่อนน้ำหนักโดยขาดหลักฐานสนับสนุน โดยแม้ว่าจะมีข้อมูลชี้ว่าแต่ละปีขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้จะมีน้ำแข็งละลายกว่า 3 แสนล้านตัน แต่ก็อาจมีสาเหตุจากธรรมชาติเป็นหลักใหญ่ด้วย