เอเธนส์ วิหารแห่งเทพเจ้า กรีซ

 

 

 

 

เอเธนส์, กรีซ

เอเธนส์ เมืองนี้มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ก่อนคริสตกาลมากมาย หากไม่ไปเยี่ยมเห็นทีจะมาไม่ถึงกรีซ

มาถึงกรีซ จะไม่ไปฝากรอยจูบไว้ที่โบสถ์ หรือวิหาร เลยมันก็น่าแปลก เพราะบ้านเมืองนี้เขาออกจะมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ก่อนครั้งคริสตกาลมากมาย โดยเฉพาะเทพเจ้าที่คอยพิทักษ์พื้นที่ต่างๆ เมื่อครั้งประวัติศาสตร์ สถานที่แรก หากไม่ไปเยี่ยมยล เห็นทีจะมาไม่ถึงกรีซซะละมัง

Parthenon (วิหารพาร์เธนอน) คือ วิหารโบราณในกรุงเอเธนส์ ซึ่งเป็นที่บูชาเทพอาเธนา สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสต์ศักราช ชื่อของวิหารอาจมาจากชื่อของงานประติมากรรมที่เคยตั้งอยู่ภายใน คือ Athena Parthenos ซึ่งหมายความว่าเทพีอันบริสุทธิ์

วิหารพาร์เธนอน สร้างตามการริเริ่มของเพริเคิล ผู้นำกรุงเอเธนส์ในสมัยนั้น การก่อสร้างเริ่มเมื่อ 447 ปี ก่อนคริสตกาล มีขนาดความกว้าง 30.9 เมตร ยาว 69.5 เมตร เสาภายนอกแต่ละต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.9 เมตร แต่เสาตรงหัวมุมของวิหารจะมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย หลังคาปูด้วยหินอ่อน

พาร์เธนอน เป็นวิหารเก่าแก่นับพันปี และเป็นโบสถ์ของคริสเตียน แต่ต่อมาในปีค.ศ. 1456 เมื่อ เอเธนส์ ตกเป็นของจักรวรรดิออตโตมัน พาร์เธนอนจึงกลายเป็นสุเหร่า แต่ในช่วงแห่งความวุ่นวาย พาร์เธนอนก็ได้เปลี่ยนการครอบครองของต่างฝ่ายอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งในปีค.ศ. 2004 ได้มีการบูรณะวิหารพาร์เธนอนครั้งใหญ่ เนื่องจากกรีซได้ถูกเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ซึ่งจะต้องมีการเปิดพิธีที่วิหารแห่งนี้

ออกจากวิหารอันเกริกไกร ก็ขอต่อกันอีกหนึ่งวิหารที่น่าสนใจ ถึงแม้มันจะเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่มันก็ยังคงดูมีความศักดิ์สิทธิ์อย่างน่าประหลาด

Temple of the Olypian Zeus (วิหารโอลิมเปียนซุส) ตัวอาคารก่อสร้างขึ้นเมื่อ 700 ปีที่แล้ว แต่ปัจจุบัน ด้วยกาลเวลาที่ผ่านเลย ทำให้เหลือเพียงซากปรักหักพังไว้ให้ได้ศึกษา แต่ใครจะรู้บ้างว่า สถานที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่สักการะบูชาเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ มีความสำคัญเทียบเท่าปิรามิดในอียิปต์เลยทีเดียว

ปัจจุบันคงเหลือแต่เสารูปแบบโครินเธียนเพียงแค่ 15 ต้น จากของเดิม 104 ต้น ลองจินตนาการดูว่าอลังการแค่ไหน เพราะเพียงแค่ 15 ต้น ก็แหงนคอตั้งบ่ากันแล้ว

อีกสิ่งหนึ่งของการเดินทาง ไม่ว่าจะไปฝากรอยเท้าที่ก้าวเดินไว้ที่แผ่นดินใด สิ่งที่ลืมไม่ได้เลย คือการเข้าให้ถึงความเป็นพลเมืองแต่ดั้งแต่เดิมของชนชาตินั้น แล้วจะมีที่ไหนล่ะ ที่จะสามารถเล่าเรื่องราวทุกอย่างได้ดีเท่ากับพิพิธภัณฑ์

Museum of Delphi (พิพิธภัณฑ์เดลฟี) เป็นพิพิธภัณฑ์ทางโบราณคดี ตั้งอยู่ที่เมืองเดลฟี จัดแสดงงานโบราณวัตถุ และชิ้นส่วนของสถาปัตยกรรมโบราณ ที่ถูกขุดค้นขึ้นมาได้ของนักโบราณคดี สถานที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ช่างแปลกตา เพราะสร้างในลักษณะที่เหมือนการขุดเข้าไปในตีนเขา คล้ายๆ เราเข้าไปเดินอยู่ใต้ภูเขาลูกหนึ่งอะไรแบบนั้น

สถานที่แห่งสุดท้ายที่ประเทศกรีซ คงต้องไปชมเมืองแห่งนักรบกันบ้าง ก็อย่างที่ได้รู้ได้เห็นในภาพยนตร์ว่า เหล่านักรบส่วนใหญ่จะเป็นชาวโรมัน และที่นี่แหละคือเมืองนักรบตัวจริง

Patras (เมือง ปาทรัส) เป็นเมืองใหญ่อันดับสามของประเทศกรีซ เป็นศูนย์กลางทางการเดินเรือ การค้าและการสื่อสาร อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี แต่มีสักกี่คนที่ไม่ใช่ชาวกรีก จะรู้ว่า เมืองแห่งนี้ได้มีการสู้รบและทำสงครามระหว่างชาวเอเธนส์กับชาวสปาร์ตาเมื่อ 429 ปี ก่อนคริสตกาล ท้ายสุดชาวเอเธนส์ก็สามารถพิชิตพวกสปาร์ต้าได้ เป็นงัยหล่ะ เหมือนในภาพยนตร์เด๊ะเลย

การได้มาโบยบินอยู่ในกรีซนี้สนุกชะมัด มันได้ทั้งความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่ชื่นชอบ นี่ยังไม่นับรวมประวัติบุคคล และเทพเจ้าแต่ละองค์อีกนะ แถมยังได้เห็นโลกที่แตกต่าง สงสัยชีวิตนี้บั้นปลายขอโบยบินให้ทั่วโลก แล้วหาที่อันแสนสงบพักซ่อมยามปีกอ่อนล้า อย่างดินแดนแห่งนักรบและเทพเจ้าท่าจะดี

Credit: http://travel.mthai.com/world-travel/63591.html
25 ก.ค. 56 เวลา 12:27 2,264 120
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...