"น้องบีม"... 2 เดือน "เท่านั้น" ขอเป็น "คนสุดท้าย"

 

ข่าวสะเทือนใจ ที่อาจไม่ใช่กรอบใหญ่เทียมเท่าข่าวพระอันกระฉ่อน แต่ก็กัดกร่อนความรู้สึก และหัวจิตหัวใจคนเป็นพ่ออย่างผู้เขียน คือ เหตุการณ์เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2556 "น้องบีมยื้อมัจจุราช พ่อเลี้ยงโหดทำร้ายเด็ก ด้วยเพียงลูกหิวนมร้องไห้ไม่หยุด โมโหฉุนเฉียวชั่ววูบ...น้องบีมยังโคม่า เด็กหญิงวัย 2 เดือน ยังคงนอนหมดสติอยู่ภายในห้อง ไอซียู รพ.ปทุมธานี หลังถูกพ่อเลี้ยงใจโหดทำร้าย โดยจับกรอกเหล้า เอาแป้งยัดใส่ปาก จับทุ่มลงพื้นจนเลือดคั่งในสมอง กระเพาะอาหารฉีกขาด อาการโคม่า โดยแพทย์ยืนยันว่าอวัยวะภายในบางส่วนล้มเหลว ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ" 

ผู้เขียนได้ติดตามข่าว "น้องบีม" ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2556 เป็นต้นมา จนถึงวาระสุดท้ายน้องบีมหมดลมหายใจ ข้อมูล และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามข่าว ตัวละครที่เกี่ยวข้อง ต้องมองทะลุไปถึงครอบครัว สังคมและสิ่งแวดล้อม 

แม่...เป็นเด็กหญิง ต้องบอกว่าเป็นเด็กหญิงเพราะวัยเพียง 15 ปี มีสามีวัย 30 ปี ซึ่งเป็นสามีคนที่สอง

ปรากฏการณ์นี้บอกอะไรแก่สังคม

เหตุการณ์ของน้องบีม มองในแง่ความรุนแรงต้องบอกว่าเป็นปรากฏการณ์สะเทือนขวัญ สะเทือนใจที่เด็กอายุเพียง "2 เดือน" โดยคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อเลี้ยง ทำทารุณกรรม ส่วนกระทำอย่างไรท่านคงได้รับทราบจากข่าวแล้ว...มองในแง่ของความเป็นเด็กที่ต้องเป็นแม่ หรือที่เรียกว่า "แม่วัยรุ่น" เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรก 

ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) รายงานว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาแนวโน้มการตั้งครรภ์ไม่พร้อมเพิ่มมากขึ้น สถิติล่าสุดปี 2554 พบว่าหญิงอายุ 15-19 ปี คลอดลูก 130,000 คน มีหญิงอายุน้อยกว่า 15 ปี คลอดลูก 3,000 คน สอดคล้องกับสถิติสาธารณสุขพบว่าในปี 2554 มีเด็กวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี คลอดบุตรเฉลี่ยวันละ 370 คน และในอายุต่ำกว่า 15 ปี คลอดบุตรวันละ 10 คน

แล้วอย่างไร?...ผู้เขียนเองคิดว่าเป็นอุทาหรณ์ชีวิตที่สำคัญของ "เยาวชนของชาติ" วัย "ทีนเอจ" (Teenage) อายุตั้งแต่ 13 ปี ซึ่งเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของวัยหนุ่มสาว ซึ่งช่วงวัยนี้เป็นช่วงที่สรีระร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของ "ฮอร์โมนเพศ" Estrogen, Progesterone ทำให้เกิดความรู้สึก ความนึกคิดเปลี่ยนแปลง อวัยวะเพศ สุ่มเสี่ยง ความอยากรู้อยากเห็น ความต้องการทางเพศเริ่มปรากฏและทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ อยากรู้อยากเห็น อยากลองต่างๆ นานา...เกิดขึ้นได้ 

"การให้ความรู้เรื่องเพศในวัยรุ่นสำคัญ" ควรให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับอวัยวะเพศภายนอกและภายใน ทั้งของตนเองและเพศตรงข้าม ให้รู้ว่าอวัยวะเพศแต่ละส่วนทำหน้าที่อะไร ไม่ควรเขินอาย ถ้าจะต้องวาดรูปอย่างง่ายๆ ให้เข้าใจก็ยิ่งดี และให้เด็กเรียนรู้บทบาทที่ถูกต้องของตนเองไปตามเพศชายหรือหญิง โดยพ่อแม่ควรจะแสดงบทบาทตามเพศให้เป็นรูปแบบที่เหมาะสม เพื่อให้ลูกๆ มี "ความรู้"และ "ทัศนคติ" ที่ถูกต้องมี "ทักษะชีวิตที่ดี" และถูกต้อง มีภูมิคุ้มกันชีวิตที่ดีและพร้อมการดำรงชีวิตอยู่ในสังคมโลก

เรียนรู้เรื่อง "การเลือกคู่หญิงชาย"..สำคัญ

เมื่อหญิงชายต่างมีความพึงพอใจซึ่งกันและกัน ก็จะสานสัมพันธ์ให้เจริญงอกงามต่อไป โดยมักจะเป็นไปตาม 3 ขั้นตอน ดังนี้ คือ ขั้นมิตรภาพ ขั้นความรัก ขั้นความสัมพันธ์ทางเพศ ซึ่งเป็นขั้นสุดท้ายสำหรับ "การตกลงที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน"

ขั้นมิตรภาพ เป็นขั้นเริ่มต้นเมื่อต่างฝ่ายต่างเกิดความสนใจ พอใจซึ่งกันและกัน ก็จะมอบความรู้สึกที่ดีให้แก่กัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันสานสัมพันธ์กันไปอย่างต่อเนื่อง ดั่งที่ว่า ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้...ถูกไปหมดเลย อย่างนั้นแหละครับ

ขั้นความรัก เป็นขั้นต่างฝ่ายต่างรู้สึก "ผูกพันทางใจ" หรือพูดภาษาง่ายๆ ว่า ตกหลุม "รัก" แล้ว ความรู้สึกที่ต่างก็มุ่งที่จะให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความสุข ความพอใจ เป็นขั้นที่ต้องใช้เวลา กว่าที่จะเกิดความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เชื่อมั่นและไว้วางใจซึ่งกันและกัน หากจะอุปมาอุปไมยก็คือ การนัดออกเดตกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ดูหนังด้วยกัน บางรายถึงไปเที่ยวค้างคืนเลยก็มี เรียกว่าปิ๊งมากๆ เออ ออ ห่อหมกก็ว่าได้

ขั้นความสัมพันธ์ทางเพศ เป็นขั้นสุดท้ายที่ฝ่ายชายอาจจะลัดขั้นตอน โดยข้ามขั้นที่ 2 คือ ความรัก มาเป็นขั้นความสัมพันธ์ทางเพศเลยแม้จะไม่มี "ความรัก" แต่ฝ่ายหญิงมักจะพัฒนาเป็นไปตามลำดับขั้นตอนเป็นสำคัญ เพราะผู้หญิงส่วนมากต้องการ "ความรัก" มาก่อนเรื่องอื่น จึงจะยอมมีถึงขั้นความสัมพันธ์ทางเพศได้

ตรงจุดนี้ "ฝ่ายหญิง" จะต้องระวังตัวให้มาก เพราะถ้าผู้ชายก้าวข้ามจากขั้นแรกมาขั้นสุดท้ายเลย นั่นหมายถึงเขาต้องการเพียง "เชยชม" ให้สมใจเท่านั้น ไม่ได้ยกย่องให้เกียรติ หรือต้องการได้มาเป็นคู่ชีวิตจริงๆ การยืนยันในความรักนวลสงวนตัวของฝ่ายหญิงในความเป็น "พรหมจรรย์" วัฒนธรรมไทยของกุลสตรีไทย ถือว่า "สำคัญยิ่ง" จะช่วยให้อีกฝ่ายแปรเปลี่ยนจาก "ความใคร่" มาเป็นความรู้สึก "ยกย่อง" ให้ "เกียรติ" และรู้สึก "รัก" ได้ในท้ายสุด

ความรัก...คืออะไร? ความใคร่...คืออะไร? สัมพันธ์กันอย่างไร?...น่าคิด เกิดแล้วจะเป็นอย่างไร?.. "ความรักใคร่ ที่มาควบคู่กับความรัก"..เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังจากที่มีความรักแล้ว เมื่อหญิงชายรักกัน เกิดความต้องการที่จะอยู่ใกล้ชิดกันและ "เพศ" จะสปาร์กเหมือน "หัวเทียนเครื่องยนต์" จุดติดเกิดขึ้นตามมา เป็นความรู้สึกของทั้งคู่ที่ต้องการใช้ชีวิตคู่กัน 

เรียกว่า "ตกล่องปล่องชิ้นกันแล้ว" ล่ะ

เราจะเลือกคู่ครองอย่างไรดี?...มีปัจจัยอะไรบ้าง?..

"ทั้งคู่ควรจะอยู่วัยใกล้เคียงกัน ไม่ควรแตกต่างกันมากนัก เพราะวัยใกล้กันจะพูดกันรู้เรื่อง ความต้องการ ความรู้สึกพอๆ กัน ถ้าอายุต่างกันมากบางทีจะคุยกันไม่รู้เรื่อง เช่น 50 กับวัย 20-30 คนอายุ 50 เป็นวัยผู้ใหญ่ ต้องการทำงานหาเงินเพื่อสร้างฐานะ ส่วนวัย 20 กว่านี้ ยังต้องการเอนเตอร์เทนชีวิตรักสนุก ฟังเพลง เล่นๆ อะไรประมาณนั้น

"ทั้งคู่ควรมีการศึกษา ฐานะ รายได้ วัฒนธรรม ประเพณี รสนิยม ใกล้เคียงกัน

"ทั้งคู่มีบุคลิก จิตใจ อารมณ์ นิสัยที่เข้ากันได้ ไม่แตกต่างกันมาก เช่น 

-ไม่เป็นผู้เข้าข้างตนเอง ตัดสินใจ ไม่คิดพึ่งผู้อื่น ทำผิดยอมรับผิด

-มีความรับผิดชอบ ยอมรับกติกาสังคม ปรับตัวเข้ากันได้ง่าย

-มีความเห็นเรื่องเพศเป็นปกติในชีวิต ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์

-ซื่อสัตย์ต่อกัน อารมณ์ขัน ใจเย็น สุขุม อ่อนน้อม อ่อนโยน

-รอบครอบมีความภูมิใจ รับผิดชอบ รู้จักยืดหยุ่น ประนีประนอม ที่สำคัญคือ "ความอดทน" ที่จะอยู่ด้วยกันอย่างพอใจ ฯลฯ

"ทั้งคู่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคติดต่อ โรคพันธุกรรม แต่ถ้ามีต้องบอกความจริงแก่กัน เพื่อหาทางป้องกัน

"ทั้งคู่ "ครอบครัว" ญาติพี่น้อง เข้ากันได้ มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

"ทั้งคู่ต้องรู้จัก "ให้กำลังใจ" ซึ่งกันและกัน รู้จักพูดชม และ "ขอบคุณ" เมื่ออีกฝ่ายทำดี และเอ่ยปาก "ขอโทษ" เมื่อทำผิด อันเป็นการ "ให้เกียรติ" และ "ให้อภัย"

ทั้งหมดนี้ถ้าต้องเลือกให้ได้ 100% ต้องบอกว่า ต้องคลำหา "หนวดเต่า" ให้ได้ก่อนก็จะสมหวังแต่ถ้าชายหญิงเจอะเจอปัจจัยใกล้ๆ 5 ข้อ ก็พอ "โอเค" ถือว่าโชคดี เหมือนถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 แต่ต้องบอกว่าความแตกต่างมีอยู่ได้ ย่อมแต่งงานกันได้ ที่สำคัญคือ "ยืดหยุ่น..อดทน ปรับตัว ถ้อยที ถ้อยอาศัย" สำคัญที่สุด ให้ "ใช้ชีวิตเป็นอยู่พอดีๆ" ครอบครัวจะได้มี "ความสุข" และ "ความราบรื่น"

สิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอๆ คำถามเงียบๆ ในใจว่า จะมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งได้หรือไม่?...คำถามนี้ไม่มีคำตอบว่าถูกหรือผิด ขึ้นอยู่กับแต่ละคู่ซึ่งมีวุฒิภาวะ วิจารณญาณดีแล้ว จะเห็นพ้องต้องกันอย่างเป็นเรื่องสำคัญของทั้งสองฝ่าย ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้ง 2 ฝ่ายไม่เห็นด้วยที่จะให้เกิดขึ้น แล้วเกิดมีเพศสัมพันธ์กันขึ้นมา ก็จะรู้สึก "ผิด" หรือถ้าทั้งคู่เห็นว่าการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานเป็นเรื่องส่วนตัวของคน 2 คน ไม่ยึดติดกับอะไร ก็จะ "ไม่รู้สึกผิด"

ผู้เขียนขอสรุปว่าต้องตั้ง "สติ" ตริตรองให้ดีก่อนที่จะ "ตัดสินใจ" และคิดถึงคำโบร่ำโบราณที่สอนไว้ว่า "รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา" และ "อย่าชิงสุกก่อนห่าม" เพื่อป้องกันปัญหาอย่างที่เป็นข่าว

ขอให้กรณีของ "น้องบีม..2 เดือน" เป็น "คนสุดท้าย" ...นะครับ

 

 

#น้องบีม #... #2 #เดือน #เท่านั้น
FREE ME
เจ้าของบทประพันธ์
สมาชิก VIPสมาชิก VIPสมาชิก VIP
25 ก.ค. 56 เวลา 11:11 1,738 30
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...