จ่อแจ้งเพิ่ม "พีซีซี" ปลอมเอกสาร-ลายเซ็นรับค่างวดกว่า 2,800งวด

 

เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)  นายธาริต  เพ็งดิษฐ์  อธิบดีดีเอสไอ  กล่าวถึงความคืบหน้าคดีก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่งทั่วประเทศ  ล่าสุดข้อเท็จจริงกรณีที่มีการปลอมลายมือชื่อข้าราชการตำรวจประมาณ 1,500 รายทั่วประเทศ  สืบเนื่องจากการที่ธนาคารออมสินได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อดีเอสไอให้ดำเนินคดีกับบริษัท พีซีซี  ดีเวลล็อปเม้นท์  แอนด์  คอนสตรัคชั่น จำกัด  ในความผิดฐานร่วมกับผู้รับเหมาช่วงทำความผิดฐานฮั้วประมูลงานในการก่อสร้างโรงพักดังกล่าว และพนักงานสอบสวนได้อายัดเงินของกลางจำนวน 465 ล้านบาทที่ได้มาจากการทำผิดฐานฮั้วประมูลจากธนาคารออมสิน  

ต่อมาดีเอสไอได้รับคำร้องทุกข์จากธนาคารออมสินว่าเมื่อบริษัท พีซีซีฯได้เป็นคู่สัญญากับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและนำเอาสัญญาจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการตำรวจวงเงิน 5,848 ล้านบาทมาขอกู้เงินกับธนาคาร เมื่อได้รับอนุมัติให้กู้เพื่อใช้หมุนเวียนในการก่อสร้างโรงพักวงเงินกู้ 600 ล้านบาท  โดยมีเงื่อนไขระบุว่าการปล่อยเงินกู้ต้องมีเอกสารรายงานผลการตรวจจ้างเหมาก่อสร้างของคณะกรรมการตรวจการจ้างของโรงพักแต่ละแห่งมาประกอบ

นายธาริต กล่าวว่า ต่อมาธนาคารออมสินได้ตรวจเอกสารรายงานผลการตรวจจ้างเหมาก่อสร้างทั้งหมดแล้วทราบว่ามีการปลอมข้อความทั้งหมด  และปลอมรายมือชื่อเจ้าพนักงานตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการตรวจการจ้างโรงพักแต่ละแห่งเกือบทั่วประเทศจำนวน 392 หลัง  ในแต่ละหลังตั้งแต่งวดที่ 1- 12 ขึ้นอยู่ขนาดของสถานีตำรวจที่ก่อสร้าง รวมทั้งสิ้น 2,800 งวดงาน ทั้งที่โรงพักแต่ละแห่งมีการก่อสร้างได้เพียงเล็กน้อย หรือบางแห่งยังไม่ก่อสร้างเลย    อย่างไรก็ตาม เพื่อการทำงานเป็นระบบดีเอสไอจะแจ้งผลการตรวจสอบครั้งนี้ไปยังพล.ต.อ.อดุลย์  แสงสิงแก้ว  ผบ.ตร. ให้ทราบเพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรง

ด้านพ.ต.ท.ถวัล  มั่งคั่ง  ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ  ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน  กล่าวว่า  ก่อนหน้านี้มีการอายัดเงิน 465 ล้านบาทของบริษัท พีซีซีฯ ที่อยู่ในบัญชีธนาคารออมสิน   สาขาช้างเผือก จ.เชียงใหม่ เมื่ออายัดแล้วจึงตรวจพบว่าหลังจากที่เป็นได้เป็นคู่สัญญาก่อสร้างแล้วมีการนำสัญญาดังกล่าวมาขอกู้สินเชื่อ  และได้รับการอนุมัติโดยธนาคารมีเงื่อนไขต้องนำเอกสารการตรวจรับงานมาเบิก  ซึ่งบริษัท พีซีซีฯได้มีการจัดทำเอกสารปลอมขึ้น  เกือบครบทุกงวดงาน  มีการปลอมเอกสาร ปลอมข้อความเท็จ 

โดยเฉพาะมีการปลอมชื่อผู้ตรวจรับงาน  363 แห่ง เกือบ 1,500 คน ซึ่งเป็นบุคคลที่อยู่ในระดับผู้บังคับการ  รองผู้บังคับการ ผู้อำนวยการภาค ไปจนถึงหัวหน้าสถานีตำรวจ   โดยเป็นข้อมูลที่ได้จากการลงพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 2,4, 6  กว่า 200 คน ที่ต่างให้การตรงกันว่าถูกปลอมลายมือชื่อ  เบื้องต้นได้ร้องทุกข์กับดีเอสไอแล้วเพื่อยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของบริษัท  พีซีซีฯ  

พ.ต.ท.ถวัล กล่าวต่อว่า สำหรับความแตกต่างของเอกสารรายงานผลการตรวจรับงานจ้างเหมาสร้างโรงพักที่แท้จริงกับเอกสารปลอม  เช่น  เอกสารจริงจะระบุข้อความจริงตามงวดงานก่อสร้างสอดคล้องกับผลงานที่ก่อสร้างไว้แล้ว  แต่เอกสารปลอมจะมีข้อความเป็นเท็จทั้งหมด  หรือเอกสารจริงจะมีลายมือชื่อคณะกรรมการผู้เกี่ยวข้องที่สตช.ตั้งขึ้น และลงลายมือชื่อกำกับไว้ทุกคน  แต่เอกสารปลอมจะมีลายมือชื่อหรือลายเซ็น  หรือบางคนไม่ได้รับการแต่งตั้งเลย 

  นอกจากนี้    เอกสารจริงกับเอกสารปลอมลงวันที่ที่ตรวจรับงานจ้างต่างวันที่ เดือน ปี กับเอกสารจริง และใช้เลขอารบิกแทนเลขไทยตามเอกสารราชการ   พร้อมกันนี้ในเอกสารจริงยังนำไปใช้เบิกค่างวดงานจากสตช.แล้วยังมีการปลอมเอกสารดังกล่าวขึ้นซ้ำอีกแล้วนำไปเบิกเงินจากธนาคารออมสิน   โดยดีเอสไอจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมฐานร่วมกันฉ้อโกง  ปลอมเอกสารสิทธิ อันเป็นเอกสารราชการ และใช้เอกสารที่ปลอมขึ้น เข้าข่ายความผิดอาญาม. 264,265,266 และ341 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นความผิดต่างวัน ต่างเวลา  ต่างสถานที่เกิดเหตุ และผู้เสียหายต่างกัน ถือเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระต้องรับโทษเป็นรายกระทงรวมประมาณ 2,000 กระทง

พ.ต.ท.ถวัล กล่าวอีกว่า   ในวันที่  26  ก.ค.นี้  ดีเอสไอจะส่งสำนวนความผิดที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกับคดีฉ้อโกงก่อสร้างโรงพักทดแทนคือความผิดฐานฮั้วประมูล มาตรา 8 ที่ระบุว่าผู้ใดทุจริตเสนอราคาต่างหน่วยงานของรัฐโดยรู้ว่าราคาที่เสนอต่ำกว่าปกติ  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกีดกันการแข่งขันราคาส่งฟ้องต่ออัยการเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องต่อไป

24 ก.ค. 56 เวลา 17:12 1,233 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...