(รูปประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา)
ผู้หญิงไทยถูกสอนมาแต่โบร่ำโบราณเรื่องการรักนวลสงวนตัว
'พรหมจรรย์' จึงกลายเป็นเครื่องหมายของ 'ผู้หญิงดี' ในสังคมไทยมานาน ฝ่ายชายก็ให้บรรทัดฐานความดีงามของฝ่ายหญิงไว้ที่ความบริสุทธิ์ทางร่างกายจนเป็นค่านิยมจนถึงปัจจุบัน และดูเหมือนว่า ค่านิยมนั้นจะกลายเป็นป้ายตราราคาที่ผู้หญิงเอามาแปะที่ตนแบบไม่รู้ตัวไปแล้ว
คำว่า พรหมจรรย์ ถ้าแปลตามตัวอักษร หมายถึง
'ความประพฤติอันบริสุทธิ์สะอาด' แต่โดยทั่วไป เราจะรู้จักพรหมจรรย์ในรูปของเนื้อเยื่อบางๆในช่องคลอด หรือที่เรียกว่าเยื่อพรหมจรรย์ ซึ่งเยื่อบางๆ นี้สามารถฉีกขาดได้โดยการทำกิจกรรมต่างๆที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายช่วงล่างมาก โดยไม่จำเป็นต้องเป็นการมีเพศสัมพันธ์เพียงอย่างเดียว
ในเมื่อพรหมจรรย์ของผู้หญิงเป็นแค่สิ่งที่อยู่ภายในร่างกาย และสามารถขาดได้ง่ายโดยไม่ต้องผ่านกิจกรรมทางเพศ
เหตุใดผู้ชายจึงมองหาสิ่งนั้นกันมากนัก?
อันที่จริงแล้ว ผู้ชายส่วนใหญ่ที่เฝ้าฝันว่าจะได้ผู้หญิงบริสุทธิ์ผุดผ่องมาเป็นภรรยา เขาไม่ได้มองไปที่เยื่อบางๆ นั่นหรอก แต่มันมีความหมายตื้นๆ เพียงว่า สาวผู้นั้นต้องไม่เคยมี
เพศสัมพันธ์กับชายใดมาก่อนเลยต่างหาก และความต้องการของผู้ชายในส่วนนี้ ทำให้หลายครอบครัวสอน
ลูกสอนหลานที่เป็นผู้หญิงว่า พรหมจรรย์เป็นของสำคัญของเพศหญิง และเราควรเป็นอย่างยิ่งที่จะรักษาเอาไว้ให้กับผู้ชายที่เรารัก หรือไม่ก็คนที่เราแต่งงานด้วย ผู้หญิงจึงถูกฝัง
หัวด้วยความกลัวว่าจะ 'เสียตัว' มาแทบจะตั้งแต่เกิด มิเช่นนั้น เราจะกลายเป็นผู้หญิงมีราคี สูญสิ้นคุณค่าและจะไม่มีชายใดหมายปองเราอีก
ความเชื่อแบบนี้ ทำลายชีวิตผู้หญิงมานักต่อนักแล้ว
นัยหนึ่งมันหมายถึงการชี้นำให้ผู้หญิงเรายกคุณค่าทั้งหมดของตนไปวางไว้บนเศษเสี้ยวเพียงเล็กน้อยของชีวิต
แล้วถ้าวันใดวันหนึ่ง เราเกิดพลาดพลั้งเสียท่าให้ใครโดยที่เราไม่เต็มใจ หรือ ถ้าเรารู้สึกว่ารักผู้ชายคนหนึ่ง
อย่างหมดใจจึงมอบร่างกายให้ หลังจากนั้นเขากลับตีจาก หรือถ้าเราแต่งงาน หากแต่ต้องเลิกรากันในภายหลัง ถ้าเรายกให้พรหมจรรย์เป็นสิ่งสำคัญในชีวิตถึงเพียงนั้น ย่อมหมายความว่าคุณค่าของเราหมดลงแล้วใช่ไหม
เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ผู้หญิงเราผูกติดความงดงามทั้งภายในและภายนอกของตนไว้ที่การมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้ชายคนหนึ่ง
บางรายถึงขั้นยอมทนกับชีวิตรักที่น่าอดสู ยอมอยู่ทั้งที่ผู้ชายที่เรารักไปมีผู้หญิงอื่นมากหน้าหลายตา
เพียงเพราะว่าเราได้มอบร่างกายให้เขาไปแล้ว เรามองด้วยสายตาของคนที่มีความคิดดูถูกตนว่า ถ้าเลิกกับ
ผู้ชายคนนี้ไป ต้องไม่มีผู้ชายไหนมารักเราอีก เพราะเรากลายเป็นผู้หญิงมีมลทินเสียแล้ว ดังนั้น ใครที่มี
ความเชื่อเช่นนี้ฝังรากลึกอยู่ในหัว จงปรับความคิดความเชื่อเสียใหม่เสียเถอะ
เราไม่ได้มาประกาศว่า เฮ้! มีเซ็กซ์กันเถอะ กับใครก็ได้
ไม่จำเป็นต้องรักษาเอาไว้ให้คนที่เรารักเท่านั้นหรอก เราไม่ได้มาบอกว่าการมีเซ็กซ์กับผู้ชายเพียงคนเดียว
ไม่ใช่เรื่องดีงามอีกต่อไปแล้ว แต่ถ้าเราไม่สามารถลงเอยกับผู้ชายคนนั้น หรือไม่ เขาเป็นฝ่ายเดินออกจาก
ชีวิตเราไป เราก็อยากให้ผู้หญิงทุกคนมองคุณค่าของตนให้สูงส่ง แล้วจงเดินออกมาจากเครื่องพันธนาการเฮงซวยนั้นอย่างเข้มแข็ง แม้การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่เรารักเป็นสิ่งที่ไม่ผิดแปลก แต่เมื่อความรักสะบั้นลงคุณค่าของเราก็มิได้มอดดับลงไปด้วย เรายังมีศักยภาพในการทำงาน โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ชาย เรายังมีจิตใจที่เต็มเปี่ยมในการมีความรักใหม่ และเรามีโอกาสอีกมากมายที่จะพบกับชายคนใหม่ที่มองคุณค่า
ของเราที่สมองและหัวใจ มิใช่ตรงแค่ 'ส่วนนั้น' ของร่างกาย
เคยมีรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งหยิบเอา 'พรหมจรรย์' ของผู้หญิงมาเป็นประเด็นถกปัญหา ว่าพรหมจรรย์สำคัญกับความรักจริงๆหรือ?
นักศึกษาชายผู้หนึ่งลุกขึ้นแสดงความคิดเห็นว่า สำหรับเขาแล้ว พรหมจรรย์ของผู้หญิงที่เขาจะรัก เป็นสิ่งสำคัญมาก เขาปรารถนาผู้หญิงที่ยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อน
พิธีกรถามต่อว่า
ถ้ามารู้ทีหลังว่าผู้หญิงที่เขาคบหาอยู่ไม่ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขาเป็นคนแรก เขาจะทำอย่างไร
"ผมเลิกครับ" ชายหนุ่มให้คำตอบเด็ดขาด ทำเอานักศึกษาสาวๆ ในห้องส่งถึงกับนั่งเงียบไปตามๆกัน
ผู้หญิงคนใดพบเจอผู้ชายจำพวกนี้ จงกล้าที่จะหันหลังให้ผู้ชายคนนั้นอย่างเด็ดขาด อย่าไปเสียเวลากับชายหัวใจคับแคบเช่นนั้น
ผู้ชายที่หาคุณค่าของผู้หญิงเพียงความบริสุทธิ์ทางกาย เขาจะไม่มีวันมองเห็นคุณค่าส่วนอื่นของเรา
หากวันหนึ่ง เขารู้ว่าเราเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนอื่นมาก่อน เขาจะไม่มองคุณงามความดีอื่นที่เรามีอยู่
เขาจะไม่เปิดตามองว่า เราเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถในการทำงานมากเพียงใด ผู้ชายแบบนี้ดูถูกเพศแม่ของตน ซึ่งเราไม่ควรจะลดตัวลงไปคบหาด้วยตั้งแต่แรกแล้ว
และแท้ที่จริง การที่ผู้ชายหมายปองความบริสุทธิ์ของผู้หญิง เขาไม่ได้มองในสิ่งที่เขาได้
แต่กลับมองมันเป็นเรื่องของชัยชนะระหว่างเพศชายด้วยกัน พูดง่ายๆ คือ เขาจะรู้สึกเหนือกว่าชายใด
เพราะเขาได้หญิงผู้นี้มาครอบครองเป็นคนแรกต่างหาก รู้อย่างนี้แล้ว ยังจะน่าภูมิใจอีกไหมที่ได้ผู้ชายประเภทนี้มาเป็นแฟน
ดังนั้น ตราบใดที่เรารู้ตัวว่าไม่ใช่ผู้หญิงสำส่อน
หรือฟรีเซ็กซ์กับชายหน้าไหนก็ได้ ตราบใดที่เรายังเชื่อในการร่วมรักกับใครสักคนว่าควรเกิดขึ้นด้วยความรัก
ตราบนั้น เราก็คือผู้หญิงที่มีคุณค่ามากพอที่ความรักจะมอบความสุขให้กับชีวิต เพราะหัวใจของเรายังบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่เสมอ และยิ่งเราเพิ่มคุณค่าให้ตัวเอง เลิกดูถูกตน เชื่อในศักยภาพในชีวิตของเราที่มีมากล้นรัศมีภายในของเรายิ่งจะเปล่งประกายออกมา ผู้ชายที่ไม่ได้วัดคุณค่าของผู้หญิงคนหนึ่งเพียงความบริสุทธิ์ทางร่างกายจะมองเห็นแสงแห่งรัศมีนั้น และเขาจะเดินเข้ามาในชีวิตของเราพร้อมกับความรักที่แท้จริง
(รูปประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา)
หมายเหตุ : รูปประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา