เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก songkhlalake.com

          ทะเลสาบสงขลาเข้าสู่ภาวะวิกฤติ เหตุน้ำตื้นเขิน มีจุดที่ลึกที่สุด 2 เมตร เนื่องจากเมื่อ 10 ปีที่แล้วทำเขื่อนกั้นน้ำทะเล ทำให้ตะกอนไม่สามารถระบายออกได้ ทับถมไปเรื่อย ๆ

          เมื่อวานนี้ (22 กรกฎาคม 2556) นายสมชาย มั่นอนันต์ทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง จ.สงขลา กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ตอนนี้สภาพแวดล้อมบริเวณทะเลสาบสงขลาเริ่มวิกฤติมากขึ้น เนื่องจากเมื่อ 10 ปีที่แล้วมีการสร้างเขื่อนปิดช่องทางน้ำเค็มที่จะทะลักเข้ามาในพื้นที่ เหตุเพราะว่าทางเกษตรกรร้องเรียนมาว่าได้รับความเดือดร้อน จากการที่น้ำทะเลรุกเข้ามาในพื้นที่น้ำจืด จะทำให้น้ำกร่อย ไม่สามารถนำไปใช้ในการเกษตรได้นั่นเอง

          นายสมชาย กล่าวต่อไปว่า หลังจากที่ปิดทางไหลของน้ำแล้ว ทำให้ตะกอนไม่มีการเคลื่อนที่ไปพื้นที่อื่น เกิดปัญหาการทับถมของตะกอนใต้พื้นน้ำจนสูงขึ้นเรื่อย ๆ ผลที่ปรากฏคือ ทุกวันนี้ส่วนที่ลึกที่สุดของทะเลสาบสงขลาลึกแค่ 2 เมตรเท่านั้น และทุก ๆ ปีตะกอนดินจะสูงขึ้นประมาณ 0.5 เซนติเมตร นอกจากนี้ยังมีปัญหาการปล่อยน้ำเสียจากชุมชน โรงงานอุตสาหกรรม คอยซ้ำเติมปัญหาของทะเลสาบสงขลาที่มีอยู่อีก

          พร้อมกันนี้ นายสมชายกล่าวอีกว่า นอกจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบของทะเลสาบสงขลาในครั้งนี้แล้ว ยังมีโลมาอิรวดี สัตว์พิเศษที่มีเพียง 5 พื้นที่บนโลกเท่านั้น ได้แก่ ทะเลสาบชิลิก้า ประเทศอินเดีย, แม่น้ำมหาคาม ประเทศอินโดนีเซีย, แม่น้ำโขง, แม่น้ำบางปะกง และทะเลสาบสงขลา ซึ่งในปัจจุบันเหลือประมาณ 15 ตัวเท่านั้น อีกทั้งสุขภาพอ่อนแอ เหตุเป็นเพราะมีการผสมพันธุ์กันเองในหมู่เครือญาติโลมา เพราะไม่สามารถออกไปยังพื้นที่อื่นได้ อย่างไรก็ตาม ทางแก้ไขคือ กำลังประสานกับคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ช่วยรีดน้ำเชื้อโลมาอิรวดีในพื้นที่อื่น มาผสมกับโลมาตัวเมียในทะเลสาบสงขลา แม้ว่าเป็นไปได้ยาก แต่ก็พยายามทำเต็มที่ หรือไม่ก็นำโลมาอิรวดีจากแม่น้ำบางปะกง มาปล่อยที่ทะเลสาบสงขลา แต่ก็ยังมีความเสี่ยงในเรื่องการปรับตัวของโลมาว่าจะปรับตัวได้หรือไม่


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก