นิตยสารฟอร์บส์ ไทยแลนด์ เผยผลการจัดอันดับ 50 เศรษฐีไทย ซึ่งเจ้าสัวธนินทร์ ประธานกรรมการเครือ ซีพี ติดอันดับ 1 ของไทย ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 3 แสน 9 หมื่น 3 พันล้านบาท โดยเขาให้สัมภาษณ์พิเศษกับนิตยสารฟอร์บส์ ไทยแลนด์ถึงแผนการโอนอำนาจในเครือซีพีให้ทายาทแต่ละคน
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เป็นนักธุรกิจที่ได้รับการจัดอันดับ ให้เป็นเศรษฐีหมายเลข 1 ของประเทศไทย ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 3 แสน 9 หมื่น 3 พันล้านบาท โดยนิตยสารฟอร์บส์ ไทยแลนด์ ฉบับเดือนกรกฏาคมนี้
โดยเขายังให้สัมภาษณ์พิเศษ กับนิตยสารฉบับนี้ ว่า เคยวางแผนชีวิตว่าจะเกษียณตัวเองในวัย 55 ปี แต่ต้องเปลี่ยนวิธีคิด เมื่อเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 เพราะต้องสะสางปัญหาหลายเรื่อง เนื่องจากซีพี ได้รับผลกระทบหนักไม่แพ้ธุรกิจประเภทอื่นๆ หลังรัฐบาลประกาศลอยตัวค่าเงินบาทในขณะนั้น
ในครั้งนี้ เขาแก้วิกฤตด้วยการดึงเทสโก้ ยักษ์ใหญ่ แห่งวงการค้าปลีกของอังกฤษ มาร่วมทุนในโลตัสซูเปอร์มาร์เก็ต และขายหุ้นของห้างค้าส่งแม็คโครและธุรกิจโทรคมนาคมในขณะนั้น เพราะหนี้สินที่จำนวนมาก
หลังผ่านวิกฤตต้มย้ำกุ้ง 16 ปีผ่านมา เครือซีพี ไม่เพียงเป็นยักษ์ใหญ่ในประเทศไทย แต่สามารถขยายอาณาจักรไปยังภูมิภาคอาเซียน และตลาดสำคัญๆ ทั่วโลกได้ โดยปัจจุบัน ซีพี มี 4 บริษัทใน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร ในนามซีพีเอฟ กิจการค้าปลีกและค้าส่ง ในนามซีพี ออลล์ และสยามแม็คโคร ที่เพิ่งซื้อคืนกลับมาทั้งหมดในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา และสุดท้ายคือกิจการด้านโทรคมนาคม ในนามทรู คอร์ป ซึ่งทุกบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีมูลค่ารวมในตลาด กว่า 9 แสนล้านบาท
นายธนินทร์ ยังเปิดเผยวิสัยทัศน์ ที่ใช้ขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจซีพี ว่าเขาใช้ 2 แนวทางหลัก คือ"อาหารสมอง" และ "อาหารปากท้อง" โดยอาหารสมอง จะมีทรู เป็นผู้นำหลัก ได้แก่ ทรูวิชั่นส์ ทรูมูฟ รวมถึงการเพิ่มช่องทางรับรู้ข่าวสารทั้งบนเคเบิ้ลทีวี และโทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมทั้งการเตรียมการเข้าประมูลใบอนุญาตดิจิตอลทีวี
ทางด้านอาหารปากท้อง ซีพี ขับเคลื่อนภายใต้โจทย์สำคัญ "ครัวของโลก" ที่เริ่มจากสินค้าเกษตรแปรรูป สู่มือผู้บริโภคตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน จนถึงระดับนานาชาติ รวมถึงการสร้างแนวคิด "ตู้เย็นชุมชน" ที่จำหน่ายสินค้าพร้อมปรุงของซีพีในระดับชุมชน ส่วนระดับประเทศและตลาดโลก อาศัยช่องทางของซีพี ออลล์และแม็คโครเป็นช่องทางหลัก
สำหรับการส่งไม้ต่อทางธุรกิจ นายธนินท์ยังบอกไม่ได้ว่า จะวางมือจากธุรกิจเมื่อไร แต่มีแผนโอนอำนาจให้ลูกชายแต่ละคนอย่างชัดเจน โดยจะให้นายสุภกิต เจียรวนนท์ ลูกชายคนโตดูแลธุรกิจเกือบทั้งหมดของซีพีในประเทศจีน ส่วนลูกชายคนรอง นายณรงค์ เจียรวนนท์ ดูแลธุรกิจค้าปลีกในจีน ส่วนลูกชายคนเล็กนายศุภชัย เจียรวนนท์ ที่ปัจจุบันดูแลธุรกิจสื่อสารทรู คอร์ป ก็เตรียมผลักดันให้ขึ้นเป็นซีอีโอของเครือเจริญโภคภัณฑ์ต่อไป
นายธนินท์ ครองอันดับ 1 มหาเศรษฐีของไทยเนื่องจาก ในช่วงที่ผ่านมา มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 1 แสน 1 หมื่น 2 พันล้านบาท จากการเข้าซื้อกิจการสยามแม็คโคร ในช่วงที่ผ่านมา และการเข้าซื้อหุ้นใหญ่ 15% ในบริษัทประกันภัย ผิงอัน ของจีน ซึ่งเป็นมูลค่าการซื้อบริษัทจีนมากที่สุด โดยบริษัทต่างชาติ
ส่วนเศรษฐีอันดับ 2 ที่ได้รับการจัดอันดับ คือตระกูลจิราธิวัฒน์ ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 3 แสน 8 หมื่น 3 พันล้านบาท
อันดับที่ 3 คือนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 3 แสน 3 หมื่นล้านบาท
อันดับที่ 4 คือตระกูลอยู่วิทยา หรือกลุ่มกระทิงแดง ที่มีทรัพย์สิน 2 แสน 4 หมื่น 3 พันล้านบาท
อันดับ 5 คือนายกฤตย์ รัตนรักษ์ บริษัทกรุงเทพ วิทยุโทรทัศน์ จำกัด ผู้บริหารช่อง7 สี ที่มีมูลค่าทรัพย์สิน 1 แสน 2 หมื่น 1 พันล้านบาท
ขอบคุณภาพจาก prachachat.net