เมื่อเอ่ยถึงเมืองหลวงของพม่า หลาย ๆ คนคงจะตอบว่าเป็น ย่างกุ้ง แต่แท้ที่จริงแล้วนั้น พม่าได้มีการย้ายเมืองหลวงออกไปจากย่างกุ้ง ตั้งแต่ปี 2548 หรือกว่า 6 ปีแล้ว ซึ่งเมืองหลวงแห่งใหม่มีชื่อว่า กรุงเนปีดอ และในปีหน้าทางการพม่าก็จะเปิดเมืองหลวงแห่งใหม่นี้รับนักท่องเที่ยวเป็น ครั้งแรก
สำหรับเหตุผลในการย้ายเมืองหลวงนั้น ยังไม่เป็นที่แน่ชัด บ้างก็ว่า เป็นเพราะนายพลตาน ฉ่วย ผู้นำของรัฐบาลทหารพม่า เชื่อคำทำนายของโหรที่กล่าวว่า การย้ายเมืองหลวง จะเป็นการฟื้นฟูธรรมเนียมประเพณีเก่าแก่ของพม่าสมัยที่ยังมีกษัตริย์ปกครอง ประเทศ เพราะในอดีตนั้น เมืองหลวงของพม่านั้นจะขึ้นอยู่กับว่า กษัตริย์ที่ปกครองในยุคนั้นต้องการให้เป็นเมืองใด เราจึงเห็นเมือง พุกาม อังวะ ตองอู หงสาวดี ที่ล้วนแล้วแต่เคยเป็นเมืองหลวงของพม่ามาแล้วทั้งสิ้น
ทว่าบ้างก็ระบุว่า เหตุผลในการโยกย้ายเมืองหลวงครั้งนี้ว่า เป็นเพราะจุดยุทธศาสตร์ทางทหาร เนื่องจากว่า กองทัพบกของพม่ามีความแข็งแกร่งกว่ากองทัพเรือ ดังนั้นหากเมืองหลวงยังอยู่ที่ย่างกุ้ง ก็ย่อมที่จะถูกโจมตีได้ง่าย การย้ายเมืองหลวงจึงเป็นหนทางที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเหตุผลของการย้ายจะเป็นอะไรนั้น วันนี้ พม่าได้สถาปนาเมืองหลวงแห่งใหม่ขึ้นมาแล้ว นั่นคือ กรุงเนปีดอ
กรุงเนปีดอ เริ่มสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2548 และสร้างเสร็จสิ้นเมื่อปี พ.ศ. 2551 มี เนื้อที่ทั้งสิ้นประมาณ 7 พันตารางกิโลเมตร หรือถ้าเทียบขนาดกับประเทศสิงคโปร์แล้ว ก็จะมีขนาดใหญ่กว่าประมาณ 10 เท่า กรุงเนปีดอ ตั้งอยู่ในเขตเมืองปินนามา บริเวณตอนกลางของประเทศ ซึ่งห่างจากกรุงย่างกุ้งไปประมาณ 385 กิโลเมตร
ผังเมืองของกรุงเนปีดอ แบ่งออกเป็น 4 โซนหลัก ๆ คือ โซนราชการ โซนโรงแรม โซนอุตสาหกรรม และโซนทหาร ซึ่งปัจจุบัน มีประชากรย้ายเข้าไปยังกรุงเนปีดอกว่า 9 แสนคน โดยที่กรุงเนปีดอ มีโรงแรมอยู่ทั้งสิ้น 24 แห่ง กว่า 1,600 ห้อง แต่นั่นเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ เท่านั้น เพราะสิ่งที่โดดเด่นที่สุดคงเป็น โซนทหาร เนื่องจากเต็มไปด้วยศูนย์ราชการ โรงเรียน มหาวิทยาลัย และคลังอาวุธเพื่อใช้ในการป้องกันประเทศ
แต่ไฮไลท์ของกรุงเนปีดอ อยู่ที่การสร้างอนุสาวรีย์ของ 3 กษัตริย์ผู้ก่อตั้งพม่า คือ พระเจ้าอโนรธา แห่งเมืองพุกาม พระเจ้าบุเรงนอง แห่งกรุงหงสาวดี และพระเจ้าอลองชญา แห่งชเวโบ ซึ่งอนุสาวรีย์ของสามบูรพกษัตริย์นี้ ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ที่ใจกลางเมืองเนปีดอ และไม่ใช่เพียงเท่านั้น ทางการพม่ายังได้สร้างมหาเจดีย์อุปปตศานติ โดยแบบจำลองของมหาเจดีย์ชเวดากองในกรุงย่างกุ้ง สร้างแรงดึงดุดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมยิงนัก
แม้ว่าจะอยู่ห่างจากกรุงย่างกุ้งไม่มาก แต่การเดินทางโดยทางรถยนต์ไปยังกรุงเนปีดอนั้น จะต้องใช้เวลาราว 7-8 ชั่วโมงเลยทีเดียว เนื่องจากถนนหนทางยังไม่เรียบร้อย และที่ตั้งของกรุงเนปีดอเองก็อยู่ในหุบเขาลึก และแม้ว่าจะมีการสร้างถนนมุ่งสู่เมืองหลวงแห่งใหม่นี้ ความยาวกว่า 323.3 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อ 3 เมืองหลักของประเทศ คือ เนปีดอ ย่างกุ้ง มันฑะเลย์ แต่ทว่าทางหลวงสายนี้ยังไม่มีผู้ใช้งานสักเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลทหารพม่า ก็มีแผนที่จะสร้างรถไฟใต้ดิน ความยาวกว่า 50 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อกรุงเนปีดอสู่ส่วนต่าง ๆ ของประเทศอีกด้วย
ส่วนสนามบินของกรุงเนปีดอนั้น ได้มีการเปิดสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ของประเทศขึ้นเมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งใช้ในโอกาสที่พม่า เป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำกลุ่มอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง และเพื่อใช้ในการรองรับนักท่องเที่ยวที่คาดว่า ในอนาคต จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ส่วนปัญหา อุปสรรคต่าง ๆ ในตอนย้ายกรุง ยังคงมีมาให้พูดถึงกันจนปัจจุบัน ทางด้านความพร้อมนั้น ยังคงไม่มีใครกล้าตอบว่า พร้อมสมบูรณ์แบบ เนื่องจากสาธารณูปโภค โรงพยาบาล โรงเรียน มหาวิทยาลัย ก็เพิ่งสร้างเสร็จ และการคมนาคมก็ยังไม่สะดวกเรียบร้อย แม้จะมีการเปิดถนน 8 เลน ที่เชื่อมกรุงเนปีดอกับจังหวัดอื่น ๆ ในประเทศ แต่ก็ยังไม่ค่อยมีรถผ่านแต่อย่างใด ซ้ำยังถูกสื่อต่างชาติขนานนามว่า เป็นเมืองหลวงที่ไร้ชีวิตชีวา เนื่องจากมีคนอยู่น้อย และถนนหนทางยังโล่งเสียเป็นส่วนใหญ่
อย่างไรก็ดี อาจจะเป็นเพราะปกครองด้วยระบอบเผด็จการแบบเบ็ดเสร็จจึงทำให้มีการสั่งการรวด เร็ว และย้ายเมืองหลวงได้ภายในระยะเวลาอันสั้น มีข่าวว่า มีการใช้รถบรรทุก 18 ล้อ ขนสัมภาระทั้งวันทั้งคืน เพื่อเร่งสร้างเมืองใหม่ให้เสร็จโดยด่วน ดังนั้น เวลาที่ใช้ในการสร้างเมืองใหม่จึงรวดเร็วเป็นอย่างมาก เพราะเพียง แค่ 3 ปีก็พร้อมที่จะเปิดเนปีดอ ออกสู่สายตาของชาวโลก และการบริหาร จัดการที่รวดเร็วแบบนี้ ก็คงต้องพึ่งเงินทุนมหาศาลจากแหล่งเงินทุนขนาดใหญ่ ซึ่งประเทศจีน ได้อนุมัติเงินกู้กว่า 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และประเทศไทย ก็อนุมัติเงินกู้กว่า 100 ล้านดอลลาร์ ผ่านเอ็กซิมแบงค์ เพื่อให้รัฐบาลพม่านำไปใช้ในการสร้างเมืองหลวงใหม่ของประเทศ
แม้ว่ากรุงเนปีดอจะสร้างเสร็จพร้อมที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้ว แต่ทางการพม่าก็ไม่อนุญาตให้มีนักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมจนกว่าจะถึงปี พ.ศ. 2555 ยกเว้นผู้ที่มีวีซ่าธุรกิจ จึงสามารถเข้ากรุงเนปีดอได้ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการการท่องเที่ยวยังเสนอให้รัฐบาลพม่าออกวีซ่านักท่องเที่ยว เพื่อต้อนรับการเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ปี 2013 และการประชุมสุดยอดอาเซียน ปี 2014 ที่กำลังจะมาถึง
สุดท้ายนี้ เราคงต้องจับตาดูกันว่า เมืองหลวงแห่งใหม่ ที่ใช้งบประมาณมหาศาลในการสร้าง จะสามารถพาพม่าเข้าสู่ยุคใหม่ และนำความเจริญรุ่งเรืองสู่ภูมิภาคแห่งลุ่ม แม่น้ำอิระวดีนี้ได้หรือไม่...
สนามบินใหม่ สวยหรู หรา ดี
บรรยา กาศรอบๆ เมืองก็มีการสร้าง ถนนใหม่ โทเวล์ ต่างๆ บ้าน จัดสรร และสร้างห้าง ใหม่
ยังมีอีกแยยะ ค่ะหาไม่เจอแล้วว