ดีเอสไอยังไม่ขอไม่เปิดเผยที่อยู่เณรคำว่าอยู่ในประเทศใด เพราะจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ ขณะ ปปง.ออกมายอมรับว่าเงินหมุนเวียน 200 ล้านบาท อาจถูกยักย้ายไปต่างประเทศ โดยปัจจุบันสามารถยึดได้เพียง 3 แสนบาท
พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้อำนวยการส่วนคดีอาญาพิเศษ 3 สำนักคดีอาญาพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษจะไม่ขอเปิดเผยหรือยืนยันว่า นายวิรพล สุขผล หรือ เณรคำ อยู่ที่ใด เพราะเกรงว่าอาจจะมีผลต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ และส่งผลเสียต่อรูปคดีได้ โดยตอนนี้ได้ดำเนินการส่งรายละเอียดเกี่ยวกับการยกเลิกหนังสือเดินทางให้กับทุกประเทศ ที่มีความสัมพันธ์กับทางประเทศไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อไม่มีหนังสือเดินทาง การเดินทางเข้าเมืองของเณรคำ ก็จะผิดกฎระเบียบ และจะถูกดำเนินการผลักดันตามกฎหมายเข้าเมืองต่อไป
ส่วนความคืบหน้าหลังจากที่คณะกรรมการธุรกรรมของ ปปง.มีมติอายัดทรัพย์ทรัพย์เณรคำกว่า 60 ล้านนั้น พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ของดีเอสไอ พบว่ามีเงินจำนวนมากที่หายไปจากบัญชี ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีการโอนไปต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.ที่จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ด้าน พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เปิดเผยว่า การยึดเงินในบัญชีขอเณรคำ เมื่อเริ่มต้นทำคดี พบว่ามีเงินสดหมุนเวียนในบัญชีเกือบ 200 ล้านบาท แต่เมื่อกระแสข่าวโด่งดัง ทำให้เงินสดในบัญชีถูกยักย้ายถ่ายเทออกไป จนท้ายที่สุดก็เหลือเงินในบัญชีที่สามารถอายัดและยึดได้เพียง 3 แสนบาท ทำให้ขั้นตอนการทำงานติดตามทรัพย์ เส้นทางเงินลำบากมากขึ้น แต่ยังเดินหน้าทำการตรวจสอบต่อไป ส่วนที่อยู่ของเณรคำในตอนยังไม่ได้รับการยืนยันว่าอยู่ที่ใดระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ เยอรมนี
ส่วนทางด้าน กองปราบปรามฯ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รองผู้บังคับการกองปราบปราม นำสำนวนการสอบสวนคดีที่ นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ นายวิรพล สุขผล ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ให้กับนายทวีวัฒน์ สุรสิทธิ์ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการส่วนคดีความมั่นคง 1 กรมสอบสวนคดีพิเศษ หลังได้รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ
โดยทางกองปราบปรามได้ส่งมอบสำนวนการสอบสวนจำนวน 668 แผ่น จากกรณีฉ้อโกงประชาชน และกรณีแอบอ้างการทุจริตเครื่องราชฯ จากการรับบริจาคเงินสร้างโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ตู้เซฟที่ภายในบรรจุสายรัดเงิน และหินสีน้ำหนัก 20 กิโลกรัม ที่ถูกตำรวจภูธรพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ตรวจยึดได้จากสำนักปฏิบัติธรรมสาขา 1 ของอดีตหลวงปู่เณรคำ
นอกจากนี้ยังพบว่ามีอดีตนักการเมือง นักธุรกิจ และผู้มีชื่อเสียงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับบริจาคเงิน โดยหลังจากนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษจะนำสำนวนดังกล่าวไปตรวจสอบ หากพบว่าเข้าข่ายความผิดใดก็จะออกหมายจับเพิ่ม ซึ่งมีประเด็นการเรียกเงินบริจาคให้โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในภาคอีสานเพื่อแลกกับเครื่องราชอิสริยาภรณ์รวมอยู่ด้วย - สำนักข่าวไทย