"ไปพัทยากันเถอะ" สมาชิกแก๊งเที่ยวออกปากชวนให้ไปเยี่ยม "ถิ่นเก่า" ที่เราน่าจะไปกันทุกปีตั้งแต่จำความได้ โดยเฉพาะในจังหวะที่อยากเที่ยวเหลือเกินแต่ไม่รู้จะไปไหน บวกกับความที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ พัทยาก็เลยเป็นเหมือนแหล่งปลดปล่อยอารมณ์ในวันหยุดที่ยังพอจะพึ่งพิงได้ แม้การไปเยือนบ่อยครั้งจะมีอารมณ์เบื่อๆ อยากๆ ไปบ้างก็ตามแก๊งเพื่อนบอกว่าตอนนี้ที่พัทยากำลังมีสถานที่ซึ่งกำลังเทรนดี้มากๆ แห่งใหม่ ไม่ใช่ทะเล ไม่ใช่ไนท์ไลฟ์ แต่เป็น "พิพิธภัณฑ์"และเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ฮอตมากๆ ยิ่งในวันหยุดแล้วแทบจะเรียกได้ว่าแน่นไปด้วยผู้คนแทบทุกตารางนิ้ว จะเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกจากพิพิธภัณฑ์ "Art In Paradise" พิพิธภัณฑ์ศิลปะ 3 มิติเปิดใหม่ใหญ่โตอลังการ ของดีของเมืองพัทยาที่เรียกนักท่องเที่ยวให้แวะมาเยี่ยมชมของเล่นใหม่ทางสายตาได้เป็นอย่างมากในตอนนี้ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้โอ่อ่าโอ่โถงอยู่ภายในตัวอาคารบนพื้นที่กว่า 5,800 ตารางเมตร สร้างสรรค์ขึ้นจากอดีตที่เคยเป็นดิสโก้เธคชื่อดัง พัทยา พัลลาเดียม ที่ปิดตัวลงไป และได้ผู้บริหารโครงการชาวเกาหลีคือ คุณ ชินแจยอล พร้อมหุ้นส่วนนับ 10 ชีวิต ลงขันร่วมกันเปิดพิพิธภัณฑ์จัดแสดงศิลปะแห่งนี้ขึ้น ใช้เงินลงทุนไปร่วมๆ 50 ล้านบาท ระดมฝีมือศิลปินชาวเกาหลีมาละเลงฝีแปรง สรรค์สร้างจิตรกรรมที่ให้มุมมอง 3 มิติแปลกใหม่เป็นครั้งแรกในเมืองไทย และหวังจะให้เป็นแลนด์มาร์คทางศิลปะแนวใหม่เพื่อคนไทยในอนาคตอีกด้วย
เหตุผลที่คุณชินแจยอลเลือกพลิกฟื้นอาคารเธคเก่าที่ถูกปล่อยร้างให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ เพราะตัวเขานั้นผูกพันกับศิลปะมาก เคยร่ำเรียนมาทางด้านออกแบบจากมหาวิทยาลัยฮงอิกในเกาหลีใต้ เรียกว่าคร่ำหวอดกับศิลปะมาเกือบทั้งชีวิต แต่ความตั้งใจเดิมของการสร้างโปรเจคท์พิพิธภัณฑ์ในพัทยานั้นกลับไม่ใช่ Art In Paradise เพราะในตอนแรกนั้น คุณชินได้เสนอโปรเจคท์ พัทยา เลิฟ แลนด์ หรือพิพิธภัณฑ์เพศศึกษาในพัทยาด้วยรูปแบบประติมากรรมสนุกขำขัน ต่อเนื่องจาก เชจู เลิฟ แลนด์ (Jeju Love Land) พิพิธภัณฑ์เพศศึกษาที่เขาเคยบริหารเมื่อครั้งยังอยู่ที่เกาหลี แต่โปรเจคท์นั้นไม่ผ่านการพิจารณาจากทางพัทยาและการท่องเที่ยวฯ จึงกลับมาเสนอไอเดียใหม่ในโปรเจคท์งานจิตรกรรม 3 มิติ หวังเปิดโลกทัศน์นักท่องเที่ยวชาวไทย ก็ปรากฏว่าสร้างเสียงตอบรับจากผู้เข้าชมงานได้เป็นอย่างมากตั้งแต่เริ่มเปิดตัวพิพิธภัณฑ์ใหม่ๆ เลยทีเดียว ถือว่าคุณชินนั้นกลับลำได้ทัน และตั้งโจทย์-ตอบโจทย์พิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ได้ถูกทาง
ความเก๋ไก๋ของการจัดแสดงภาพจิตรกรรม 3 มิติ ทั้งภาพวาดและภาพถ่ายนี้ ใครที่เคยเห็นจากต่างประเทศก็คงจะทราบดีว่าเป็นการแสดงงานศิลปะที่มีความเป็น interactive art นั่นก็คือผู้ชมสามารถมีส่วนร่วมกับไปกับจินตนาการของผลงานได้จากภาพจิตรกรรมระนาบเดียว แต่อาศัยการลงสีสร้างแสงเงา เสมือนภาพนั้นๆ มีมิตินูนสูงขึ้นมา และเมื่อเราลองจัดวางท่าทางให้คล้อยตามกับภาพ ก็จะเกิดมุมมองแบบภาพ 3 มิติ ที่ชวนให้เกิดบรรยากาศแปลกใหม่ ทำให้จินตนาการกลายเป็นเรื่องสนุกขึ้นมาได้ทันที แม้แต่หลายๆ คนที่ไปไปเยี่ยมชมมาแล้ว ยังบอกว่า สีสันแบบนี้ทำให้การทัวร์พิพิธภัณฑ์นั้นสนุกกว่าการเยี่ยมชมความงามแบบเดิมๆ ที่ไม่สามารถจับต้องหรือเล่นสนุกได้ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ต่างมุมมองกันไปของนักท่องเที่ยวผู้มาเยี่ยมชม โซนจัดแสดงของ Art In Paradise นั้น แบ่งออกเป็นห้องๆ จำนวน 10 ห้อง เหตุที่ต้องจัดแบ่งเป็นห้องเพราะเขาใช้พื้นที่บนผนังกำแพงเป็นที่จัดแสดง และขนาดของภาพก็ใหญ่โตได้ใจ โดยเฉพาะการนำเสนอในแต่ละห้องก็จะมีหลากหลายคนเซปท์ต่างกันไป ทำให้ผู้เข้าชมไม่รู้สึกเบื่อ และยังได้ความรู้จากเทคนิคของภาพและการจัดวางท่าทางเพื่อให้กลมกลืนไปกับภาพด้วย
ประเดิมกันที่ ห้องลวงตา เป็นห้องที่ผสานหลักการทางวิทยาศาสตร์และการนำเสนอผ่านงานศิลปะ ห้องนี้จะคล้ายๆ ห้องลับสมอง เช่นบางภาพเราอาจมองเห็นวงกลม 4 วงมีสีที่แตกต่างกันทั้งที่มีเพียงสีเดียว แต่ในความเป็นจริงนั้นเกิดจากการหักเหของลำแสงที่เกิดจากพื้นหลังและรูปทรงที่บิดเบือนการรับรู้ ส่วนห้องที่เด็กๆ มักจะชื่นชอบ ผู้ใหญ่ก็มักจะชื่นชม ก็จะมี ห้องใต้สมุทร และ ห้องแห่งสัตว์ป่า ซึ่งมีคอนเซปท์ที่คล้ายคลึงในการดึงเอาภาพวาดธรรมชาติมาเป็นจุดขายให้ผู้เข้าชมจัดท่าทางถ่ายรูปประหนึ่งเหมือนกำลังแหวกว่ายหรือไล่ล่าอยู่กับสิงสาราสัตว์ตามจินตนาการของตัวเอง ส่วนใครที่ชอบภาพวาดที่ให้ชีวิตชีวาขึ้นมาอีกหน่อย ต้องแวะไปที่ ห้องภาพวาดศิลปินระดับโลก ที่ศิลปินเกาหลีเขาถ่ายทอดภาพวาดสวยๆ ของแวนโก๊ะหรือดาลีลงบนฝาผนังให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วม อีกห้องหนึ่งที่เผยให้เห็นถึงความอลังการในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกคือ ห้องอารยธรรม ที่นำความโดดเด่นแห่งอารยธรรมทั่วโลกมารวมไว้ด้วยกัน ทว่าห้องที่ดูจะเป็นที่นิยม ใครมาต้องแวะชมและแชะภาพคู่กับวิวสวยเสมือนจริงคือ และ ห้องวิวทิวทัศน์ กับฉากเด่นสะพานข้ามห้วยที่หลายคนจะมาทำท่าเดินข้ามสะพานตามสไตล์ของตัวเอง นอกจากนี้ยีงมี ห้องศิลปะแนวเหนือจริง ห้องไดโนเสาร์ และเร็วๆ นี้ ก็เตรียมจะเปิด ห้องนิทรรศการศิลปะ เพื่อนำเสนอทางเลือกใหม่ในการเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ด้วย
ด้วยความที่เป็นพิพิธภัณฑ์เปิดใหม่ และทีมงานหุ้นส่วนรวมถึงทีมสร้างสรรค์ก็ใช้ทีมงานจากเกาหลีใต้ที่มีประสบการณ์ ก็เพียงพอที่จะดึงดูดเด็กๆ และวัยรุ่นไทยให้อยากไปเยี่ยมชม แต่โดยส่วนตัวของผู้เขียนนั้น อาจเป็นเพราะว่าได้ไปเยี่ยมชมในวันหยุดที่ผู้คนแออัดเบียดเสียดกัน อรรถรสในการชมจึงขาดหายไปพอสมควร บวกกับผลงานภาพวาดต่างๆ ที่จัดโชว์ ก็ไม่ได้ถึงกับทำให้ตื่นตาตื่นใจ อาจเป็นเพราะได้มีโอกาสไปชมงานศิลปะในแบบ interactive art แบบนี้ในต่างประเทศมาแล้วก็เลยมีข้อเปรียบเทียบเล็กๆ ซึ่งก็เป็นมุมมองส่วนตัว แต่แกนนำของก๊วนที่เคยได้มีโอกาสมาชม Art In Paradise ก่อนหน้านี้แล้ว เขาบอกว่า หากเป็นวันที่คนไม่มาก บรรยากาศสงบๆ การชมภาพจิตรกรรมและคิดมุมถ่ายรูปที่นี่ จะสนุกกว่าและไม่ต้องเจอกับคลื่นคนที่แย่งกันถ่ายรูปจนหามุมดีๆ ไม่เจอ ส่วนบรรยากาศโดยรวมนั้นถือว่าใช้ได้ เพราะที่นี่เขาติดแอร์เย็นฉ่ำทั้งอาคาร เดินชมนานๆ ได้สบายไม่เหนื่อย แค่ระวังว่าจะเมื่อยขาหมดแรงเพราะไปซะก่อนเท่านั้นเอง
พิพิธภัณฑ์ Art In Paradise ตั้งอยู่บน ถ.พัทยาสาย 2 สังเกต รร. ไอบิสด้านหน้า ก็จะเจอป้ายบอกทางไปพิพิธภัณฑ์ซึ่งจะอยู่ภายในซอย ให้เดินเข้าไปอีกหน่อยก็จะถึง โดยเปิดให้ชมทุกวันไม่เว้นวันหยุดตั้งแต่ 9 โมงเช้า- 3 ทุ่ม ผู้เข้าชมสามารถตีตั๋วเข้าพิพิธภัณฑ์ที่เคาเตอร์ด้านหน้า ราคาบัตรเข้าชมสำหรับคนไทย ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็กที่ความสูงไม่เกิน 120 ซม. 100 บาท ส่วนชาวต่างชาตินั้นบัตรเข้าชม 500 บาทสำหรับผู้ใหญ่ และ 300 บาทสำหรับเด็กที่ความสูงไม่เกิน 120 ซม.
ลองเปลี่ยนจากวันหยุดอันอุดอู้ที่ต้องเดินอยู่ในกล่องแคบๆ ของห้างสรรพสินค้า มาเป็นการเปิดหู-เปิดตา ด้วยงานศิลปะดูบ้าง แม้จะเป็นช่วงเริ่มต้นของการเปิดพิพิธภัณฑ์ แต่ก็น่าจะช่วยจุดประกายความคิดให้เด็กไทยได้บ้าง เพราะความตั้งใจของผู้สร้างสรรค์นั้น น่าชื่นชมและน่าส่งเสริมจริงๆ หากมีการจัดระเบียบการเข้าชมที่ดีขึ้น และมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนภาพวาด 3 มิติให้หลากหลายขึ้นในอนาคต เชื่อว่า Art In Paradise จะเป็นสวรรค์ของการเรียนรู้อีกแห่งหนึ่งที่อยากให้คนไทยทุกคนได้ชื่นชมเช่นกัน