(ภาพประกอบข่าวไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อกลางดึกวันที่ 18 กรกฎาคม ร.ต.ท.อดิศักดิ์ ศรีสังข์สุวรรณ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำสถานีขนส่งนครราชสีมา แห่งที่ 2 (บ.ข.ส.ใหม่) ถ.มิตรภาพ-หนองคาย เขตเทศบาลนครนครราชสีมาว่า มีผู้โดยสารมาขอความช่วยเหลือ หลังจากลงมาจากรถโดยสารปรับอากาศสายพัทยา-อุบลราชธานี แล้ว ลูกชายซึ่งลืมตาดูโลกได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมงหมดสติ จึงรีบรุดไปตรวจสอบ พร้อมหน่วยกู้ชีพนครราชสีมา
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณชานชาลา ด้านทิศตะวันตก พบหญิงไทย ผู้ร้องขอความช่วยเหลือทราบชื่อภายหลังคือนางสาวศิริพร บุญภา อายุ 23 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 51 หมู่ที่ 4 ต.สำโรงทาบ อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์ อุ้มลูกอยู่ในอ้อมอก โดยมีญาติพี่น้องยืนรอด้วยท่าทางกระวนกระวายใจ พยามยามเร่งเร้าให้เจ้าหน้าที่และผู้โดยสารจำนวนมากที่พากันมามุงดู ช่วยเหลือรีบนำเด็กทารกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
จากการตรวจสอบพบเป็นเด็กทารกเพศชาย ลักษณะผิวขาว คล้ายลูกครึ่ง สภาพสมบูรณ์ ครบ 32 ประการ ที่สายสะดือที่มีรกติดอยู่ประมาณ 1 เซนติเมตร โดยใช้หนังยางรัดไว้ เด็กได้หยุดหายใจแล้ว เจ้าหน้าที่ได้ตรวจไม่พบสัญญาณชีพ จึงไม่สามารถช่วยเหลือยื้อชีวิตได้ จึงนำส่งไปเก็บรักษาที่โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา พร้อมนางสาวศิริพรซึ่งมีอาการอ่อนเพลีย อิดโรย ส่งเสียงร่ำไห้ตลอดเวลา ให้แพทย์ตรวจรักษา เบื้องต้นระบุเป็นเด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนด โดยมีอายุครรภ์ประมาณ 7 เดือนและเสียชีวิตมาประมาณ 1-2 ชั่วโมง
จากการสอบถาม น.ส.ศิริพร ทราบว่า หนีความยากจนจากจังหวัดสุรินทร์เดินทางไปทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟอาหารในบาร์แห่งหนึ่ง ย่านพัทยาใต้ จ.ชลบุรี มานานกว่า 1 ปี โดยได้คบหากับนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นชาวฝรั่งในทวีปยุโรป จนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง พลาดได้ตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ส่วนสามีชาวต่างประเทศก็ไม่ยอมรับผิดชอบ ด้วยความรักลูก และกลัวบาปกรรม จึงไม่คิดจะทำแท้ง ด้วยความยากจนจึงไม่ได้ไปพบแพทย์ เพื่อฝากครรภ์ จนกระทั่งมีความรู้สึกท้องโตขึ้นเรื่อยๆ เด็กใกล้คลอด จึงติดต่อให้นางชฎา ธิติวัลย์ ซึ่งเป็นแม่และ น.ส.นิสารัตน์ วิถนัด ญาติลูกพี่ลูกน้อง เดินทางมาจากจังหวัดสุรินทร์มารับกลับไปคลอดลูกที่บ้านเกิด เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา
"หลังจากแม่และลูกพี่ลูกน้องมาถึงได้ไม่นาน ตนได้คลอดลูกอย่างกะทันหันอยู่ภายในห้องเช่า จึงได้ทำคลอดตัดสายสะดือกันเอง ลูกชายที่ยังไม่ตั้งชื่อ มีสุขภาพแข็งแรง ส่งเสียงร้องตามปกติ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงเก็บสิ่งของ สัมภาระ ขึ้นรถโดยสาร มุ่งหน้าเดินทางกลับไปพักฟื้น และเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน ขณะนั่งโดยสารตนให้นมลูกนอนดูดมาตลอดทางและผลัดกันอุ้ม ซึ่งบางครั้งก็มีเสียงร้องของลูกชาย จนกระทั่งรถแล่นเข้าเขตเมืองนครราชสีมา ลูกชายไม่มีเสียงร้อง นอนนิ่งคิดว่าลูกนอนหลับ จึงอุ้มไว้ในอกตลอด เมื่อมาถึงปลายทาง สังเกตเห็นลูกที่อุ้มอยู่ในอกเงียบผิดปกติ ไม่ร้อง ไม่ตื่น แม้จะเรียกเขย่าตัวลูกชายยังนิ่งเฉย จึงร้องขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ทันกาล อย่างไรก็ตาม สาเหตุการเสียชีวิตของเด็กทารกยังไม่ทราบแน่ชัด ต้องรอให้แพทย์นิติเวช ตรวจสอบอย่างละเอียด" น.ส.ศิริพรกล่าว