วาฬไรต์ วาฬแห่งน้ำแข็ง แอตแลนติก ( right whale )
วาฬไรต์ ดำน้ำได้ลึกถึง 180เมตรและใช้หัวที่มีหนังแข็งๆนูนออกมาเหมือนหูดลากไปตามพื้นทะเล บางครั้งก็หงายท้องดำผุดดำว่ายด้วยลำตัวที่ใหญ่ราวกับซากเรือที่จมอยู่ก้นทะเล วาฬไรต์ เป็นสัตว์เลือดอุ่นที่กลั้นหายใจได้ในสายน้ำอันเย็นเยียบและมืดมิด แล้ว วาฬไรต์ ก็อ้าปากอันมโหฬารเพื่อให้กระแสน้ำพัดพาอาหารเข้าไป นี่เป็นหนึ่งในวิธีหากินของ วาฬไรต์ แอตแลนติกเหนือ ในอ่าวฟันดีที่อยู่ระหว่างรัฐเมนของสหรัฐฯ รัฐนิวบรันสวิก และรัฐโนวาสโกเชียของแคนาดา หรือไม่ก็อาจเป็นเพียงสมมติฐานของผู้เชี่ยวชาญที่พบเห็นวาฬขนาด 40 ถึง 80 ตันโผล่ขึ้นเหนือน้ำพร้อมกับหัวที่เปื้อนโคลน แต่นั่นอาจเกิดจากกิจกรรมอย่างอื่นที่เราคิดไม่ถึงก็เป็นได้ ชื่อวิทยาศาสตร์ของวาฬชนิดนี้คือ Eubalaena glacialis ซึ่งแปลว่า “ วาฬแห่งน้ำแข็ง ตัวจริงเสียงจริง ”
ข้อมูล teen.mthai.com อ้างอิง national geographic
ทว่าชื่อสามัญว่า วาฬไรต์ (right whale) กลับแฝงนัยของการประชดประชัน เพราะมีที่มาจาก นักล่าวาฬ ที่ประกาศว่า
” พวกมันเป็นวาฬที่เหมาะ (right) แก่การล่า พวกมันชอบอยู่ตามชายฝั่งน้ำตื้น ว่ายเข้าไปใกล้ท่าเรือ เชื่องช้า และบ่อยครั้งก็อ้อยอิ่งอยู่บนผิวน้ำ เพราะเหตุนี้พวกมันจึงถูกล่าได้ง่าย และเมื่อตาย ซากของมันก็มักจะลอยขึ้นมาเพราะมีชั้นไขมันที่หนา เป็นพิเศษ ซึ่งนักล่าวาฬนำไปทำน้ำมัน “
วาฬไรต์ เป็นวาฬขนาดใหญ่ชนิดแรก ที่ถูกล่าเชิงพาณิชย์ น้ำมันจาก วาฬไรต์ ถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงตะเกียงในดินแดนโลกเก่า ตั้งแต่ยุคมืดจนถึงยุคเรอเนสซองซ์ ศตวรรษที่16 หลังจากชาวยุโรปได้ล่า วาฬ ทางฝั่งตะวันออกของมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือจนเกือบหมด จึงหันไปล่าวาฬตามชายฝั่งอเมริกาเหนือแทน เหล่านักล่า วาฬ ได้จัดตั้งสถานี ล่าวาฬ ขึ้นหลายแห่งในแลบราดอร์ และ ล่าวาฬโบว์เฮดไปราว 25,000 ถึง 40,000 ตัว รวมทั้งวาฬไรต์อีกไม่ทราบจำนวน เมื่อชาวนิวอิงแลนด์ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ เริ่มเข้าสู่กิจการล่าวาฬ ประชากรวาฬไรต์ก็เหลืออยู่ไม่มากแล้ว พวกเขาล่าวาฬไปอีกราว 5,000 ตัว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ แผ่นซี่กรองอาหาร (baleen) ของพวกมันขายได้ราคาดีกว่าน้ำมันแผ่นซี่กรองอาหาร ที่ว่านี้มีนับร้อยๆซี่ แม้จะแข็งแต่ก็ยืดหยุ่นได้ดี โดยแต่ละซี่ยาวสองถึงสามเมตรเรียงกันถี่ยิบไล่ลงมาจากขากรรไกรด้านบน ซึ่ง แผ่นซี่กรองของวาฬ เป็นวัสดุที่เหมาะที่สุดสำหรับทำ คอร์เซ็ต (เครื่องรัดลำตัวของผู้หญิงตะวันตกในสมัยก่อน) วัสดุเสริมทรงในชุดราตรี ก้านร่ม และ แส้ม้า พอล่วงเข้าสู่ศตวรรษที่ยี่สิบ ประชากรวาฬไรต์น่าจะเหลืออยู่เพียงไม่กี่สิบตัวเท่านั้น จนนำไปสู่การประกาศห้ามล่าวาฬเพื่อการค้าเมื่อปี 1935
ประชากร วาฬไรต์แอตแลนติกเหนือ ในปัจจุบันคงเหลืออยู่ราว 350 ถึง 400 ตัว วาฬที่เหลือรอดเหล่านี้อพยพ ย้ายถิ่นไปตามชายฝั่งตะวันออกของอเมริกาเหนือ ระหว่างแหล่งหากินในอ่าวเมนและแหล่งอาศัยช่วงฤดูหนาวทางใต้ โดยวาฬเพศเมียที่ตั้งท้องจะเดินทางไปยังแหล่งให้กำเนิดลูกอันเก่าแก่นอกชายฝั่งจอร์เจียและฟลอริดาเป็นระยะทางไม่ต่ำกว่า 2,200 กิโลเมตรต่อเที่ยว
วาฬไรต์ วาฬแห่งน้ำแข็ง แอตแลนติก