เมียเก็บฮิตเลอร์ที่ไม่ได้เป็นแค่เมีย

 

 

อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ คือฟูเรอร์หรือ ผู้นำนาซีในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาเกิดเมื่อ 20 เม.ย.ค.ศ.1889 ที่ประเทศ ออสเตรีย เป็นผู้คิดฝันสถาปนา อาณาจักรไรช์ที่ 3 เพื่อความยิ่งใหญ่ ของชาวเยอรมันอีกครั้งโดยการ รวบรวมประเทศในยุโรปไว้เป็นหนึ่งเดียว ดังที่เคยเป็นอาณาจักรไรช์ที่ 1 หรือ ออตโตมานน์มาก่อน

ฮิตเลอร์ก่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น โดยกรีธาทัพบุกยึดโปแลนด์เป็นประเทศแรก จากนั้นแผ่ขยายลงมายังฝรั่งเศสอิตาลีมีแต่อังกฤษเท่านั้นต้านทานกองทัพนาซีเอาไว้ได้ ฮิตเลอร์พ่ายแพ้สงครามเพราะอังกฤษดึงสหรัฐอเมริกาเข้าเป็นแนวร่วม พร้อมกับรัสเซียเปิดยุทธการเผด็จศึก ยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดีกรุงเบอร์ลินถูก บุกเข้ามา 3 ทาง สุดที่จะต้านไหว ฮิตเลอร์ไม่ยอมแพ้แต่ยอมตายด้วยการยิงตัวตาย พร้อมกับเมียคนล่าสุดในปี ค.ศ. 1945

ความเหี้ยมโหดของฮิตเลอร์ในยุคนั้นคือคำสั่งจับยิวจากทุกประเทศขังรวมกันแล้วฆ่าด้วยแก๊สพิษ ฮิตเลอร์เกลียดยิวเพราะเป็นชนชาติเกาะกุมเศรษฐกิจเยอรมันเอาไว้ และไม่ยอมช่วยเหลือเงินทุนแก่นาซีเพื่อทำสงคราม ยิวเกือบ 10 ล้านคนถูกจับขังถูก ทารุณและถูกฆ่าตายอย่างไร้ความปราณี อีกด้านหนึ่งของชีวิตฮิตเลอร์คือนักรักตัวฉกาจ เขามีรสนิยมชื่นชอบต่อลูกเขาเมียใครเป็นอย่างยิ่งแม้แต่หลานตนเองก็ยังสมสู่ด้วย

นักประวัติศาสตร์คนหนึ่งกล่าวไว้ว่า  “หากฮิตเลอร์ไม่มีผู้หญิงเหล่านี้ ฮิตเลอร์ก็ไม่มีวันนี้เช่นกัน” หมายถึงว่า ฮิตเลอร์ใช้ผู้หญิงที่รักศรัทธาในตัวเขาเพื่อทำงานให้เขาจนกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล ศาสตราจารย์กุนเทอร์ กุตเนช อดีตนักประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งได้ศึกษารวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้หญิงทั้งหมดของฮิตเลอร์เอาไว้

 

ผู้หญิงแต่ละคนของฮิตเลอร์ล้วนเหี้ยมโหดซาดิสม์และวิตถารไม่ต่างไปจากอุปนิสัยส่วนตัวของเขาเลยแม้แต่น้อย

 

 

...อีวา บราวน์...

 

 

อีวาไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นพนักงานรับใช้อยู่ใกล้ตัวฮิตเลอร์มากกว่า 12 ปี ในวันที่ฮิต

เลอร์รู้ข่าวกองทัพแดงรัสเซียบุกตะลุยเข้ามาทางโปแลนด์ เพื่อมาสมทบกับกองทัพสัมพันธมิตรที่กรุงเบอร์ลิน ทั้งคู่ต่างสารภาพรักกันได้อย่างน่าประหลาด อีวาเคยเป็นช่างภาพในร้านถ่ายรูปมาก่อน เธอยอมรับว่ารักบูชาฮิตเลอร์ก่อนหน้า 2-3 ชั่วโมงก่อนกองทัพแดงบุกถึงกองบัญชาการ ฮิตเลอร์ทำพิธีแต่งงานกันต่อหน้าสมุนคนสนิทแล้วเข้าห้องเป็นผัวเมียกัน จากนั้นทั้งคู่ลงมือฆ่าตัวตายโดยฮิตเลอร์ยิงตัวเองตายก่อน

 

 

...มิลเดรด จิลลาร์...

 

 

เป็นชาวอเมริกันเดินทางมาเยอรมนีเพื่อสอนภาษาอังกฤษก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อมาฮิตเลอร์เอาตัวมาเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายโปรปากันดาหรือปลุกระดมให้ออกอากาศสถานีวิทยุเพื่อกล่อมทหาร จีไอ. ให้เลิกรบแล้วกลับบ้านไปเสียโดยใช้ชื่อนามแฝงว่า “แอ็กซิส แซลลี่” เธอกลายเป็นผู้ทรยศต่อชาติเพราะหลงรักบูชาฮิตเลอร์ต่อมาในปลายปี ค.ศ.1945 หลังเยอรมันแพ้สงครามเธอถูกจับตัวได้และถูกศาลทหารสั่งจำคุก 12 ปี ในข้อหาอาชญากรสงคราม

 

 

...เออร์ม่า อิลเซ่ กรีเซ่...

 

 

นับเป็นผู้หญิงเข้าข่ายนางมารร้ายตัวจริง เธอเป็นสาวสวยอายุแค่ 21 ปี แต่ชอบความซาดิสม์เป็นนักหนาเธอถูกส่งไปยังค่ายกักกันชาวยิว วางมาดเป็นเจ้าแม่ของค่ายสวมรองเท้าบู๊ทเลยหัวเข่า ในมือถือแส้ไว้โบยตีเชลยชาวยิว สะเอวคาดปืนสั้น เออร์มา คือเจ้าหน้าที่ เอสเอส. หญิงซึ่งเชลยชาวยิวในค่ายกักกันออสช์วิซค่ายเบลเซ็นหวั่นเกรงที่สุด หลังสงครามเธอถูกทหารสัมพันธมิตรจับตัวได้ศาลทหารสั่งลงโทษประหารชีวิตโดยการแขวนคอ

 

 

...อิลซ่า ค็อช...

 

 

เป็นเมียของนายทหารหน่วย เอสเอส. ระดับผู้บังคับการพันเอกคาร์ล ค็อช ปฏิบัติหน้าที่ดูแลค่ายกักกันชาวยิวที่บูเชนวอลด์ อิลซ่ามีบุคลิกของคุณนายผู้บังคับการ

อย่างเต็มเปี่ยม ทั้งอ้วน น่าเกลียดและหยิ่งจนได้ชื่อว่าคุณนายจากนรก นักโทษชาวยิวซึ่งไม่รักไม่เกลียด แต่กลัวมากกว่า ตั้งชื่อแก่คุณนายอิลซ่าอย่างลับๆ ว่า “นังสุนัขเมียแห่งบูเชนวอลด์” คุณนายอิลซ่าก้าวก่ายงานของสามีไม่น้อย สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่เธอทำคือการยกโทษให้อภัยแก่นักโทษยิวที่ถูกสั่งประหารชีวิต ความดีส่วนนี้เองเมื่อเยอรมันแตก เธอจึงถูกปล่อยตัวไป

 

ความซาดิสม์ของคุณนายที่โลกต้องจดจำตลอดไป คือนักโทษยิวคนใดถูกประหารชีวิตแล้วต้องนำนักโทษผู้นั้นมาให้เธอเพื่อใช้ทำปกสมุด,หนังสือ, โคมไฟและถุงมือซึ่งเป็นแฟชั่นที่ คุณนายโปรดปรานมาก คุณนายอิลซ่าแขวนคอตายเอง ในปี ค.ศ.1967 เป็นเวลา 20 ปี หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงและวันที่ผูกคอตายคือวันที่เธอคลอดลูกออกมา โดยมีทหารยามเป็นพ่อของเด็ก

 

 

...แมกดา กอบเบลล์...

 

 

เป็นที่รู้จักกันในนาม “ท่านผู้หญิง หมายเลข 1 แห่งอาณาจักรไรช์ที่3” ฮิตเลอร์เอาเธอมาเชยชมขณะที่เธอยังเป็นภรรยาของรัฐมนตรีกระทรวงโฆษณาการโจเซฟ กอบเบิล เป็นสมุนคนสนิทของเขานั่นเอง แมกดาช่วยงานฮิลเลอร์เป็นเลขานุการส่วนตัว เป็นผู้ร่างคำปราศรัยที่ประทับใจแก่ชาวเบอรมันทุกครั้งที่อยู่กลางฝูงชนจำนวนมาก

แมกดามีลูกชายหญิง 6 คน ทุกคนเธอตั้งชื่อให้มีอักษรเอช. หรือ ฮ. นำหน้าทั้งสิ้นเพื่อให้คล้องจองกับฮิตเลอร์ วันที่เยอรมันแพ้สงครามแมกดาวางยาพิษแก่ลูกทั้ง 6 คนได้แก่ เฮลก้า, ฮิลดา, เฮลมุต, โฮลเด ฮันนาและเฮดดา จากนั้นเธอกับสามียิงตัวตายในศูนย์บัญชาการของฮิตเลอร์นั่นเอง

 

 

...แองเจลิกา หรือ เจลี่ รูบอล...

 

 

เธอเป็นลูกสาวของน้องสาวฮิตเลอร์ จึงมีฐานะเป็นลุงและหลานเจลี่รักและคลั่งไคล้ต่อฮิตเลอร์มากเธอประกาศว่าฮิตเลอร์คือรักแรกและรักสุดท้ายของเธอ เจลี่ตายลงเมื่อมีอายุเพียง 23 ปี เธอนอนตายในรถปอร์เช่ซึ่งจอดหน้าอพาร์ตเมนต์ที่อยู่ร่วมกันกับลุงและคนใช้หลายคนไม่มีใครฆ่าเจลี่ฆ่าตัวเอง เบื้องหลังเรื่องนี้ถูกเปิดเผยในเวลาต่อมาว่าเจลี่ชอบมีเซ็กซ์แบบซาดิสม์กับฮิตเลอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮิตเลอร์เองชอบเซ็กซ์แบบซาโดมาโซดิสต์คือชอบให้ผู้อื่นทำร้ายก่อนแล้วค่อยร่วมเพศ มาระยะหลังฮิตเลอร์ไม่อาจควบคุมเจลี่ได้อีก อีกทั้งเจลี่จะแฉความลับออกมา ประวัติศาสตร์ส่วนนี้เองมีผู้สรุปว่าฮิตเลอร์สั่งฆ่าเธอไม่ใช่เธอฆ่าตัวตาย

 

 

...ฮันน่า ไรตช์...

 

 

เป็นผู้หญิงของฮิตเลอร์คนเดียวที่เชี่ยวชาญด้านการบินมาก ต่อมาเธอได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บังคับฝูงบิน “ลุฟวาฟฟ์” อันเป็นฝูงบินรบโจมตีที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุคนั้น ฮันน่าบูชาต่อฮิตเลอร์มาก แต่ไม่มีเวลาได้พบปะกันเท่าใดนัก เมื่อทหารแดงรัสเซียบุกเข้าถึงชากรุงเบอร์ลิน ฮันน่า ขับเครื่องบินรบมารับตัวฮิตเลอร์เพื่อพาหนีไป แต่ฮิตเลอร์ปฏิเสธเขายินดีตายมากกว่าหนี เมื่ออ้อนวอนไม่สำเร็จในนาทีสุดท้ายนั่นเอง ฮันน่าขับเครื่องบินคู่ชีพหลบหนีไปได้ ปัจจุบันไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ที่ไหนเป็นตายอย่างไร ฮันน่าเป็นนักบินหญิงคนเดียวของเยอรมันที่ได้รับเหรียญกล้าหาญ “กางเขนเหล็ก”

 

 

...เลนี่ ไรเฟนสตาห์ล...

 

 

เป็นช่างภาพถ่ายภาพยนตร์ที่มีรูปร่างหน้าตาสดสวยเธอประจำอยู่ในหน่วยโฆษณาชวนเชื่อของฮิตเลอร์ และได้สร้างหนังปลุกใจเรื่อง “ไทรอัมพ์ ออฟ เดอะ วิลล์” สร้างภาพพจน์ ฮิตเลอร์เป็นวีรบุรุษในดวงใจของทหารและชาวเยอรมันทุกคน 

 

 

...คิตตี้ ชมิดห์...

 

 

เธอเป็นเจ้าของร้านซาลอนหรือสถานเสริมสวยใหญ่ที่สุดในกรุงเบอร์ลินในยุคนั้น ฮิตเลอร์ได้ใช้มาดามชมิดท์ปฏิบัติหน้าที่เป็นจารชนคอยล้วงความลับจากทหารระดับสูงบางคนที่ฮิตเลอร์เริ่มระแวงสงสัย มาดามชมิดท์ได้ตั้งกองร้อยโสเภณีขึ้นมา จำนวน 50 คน คอยป้อนแก่ทหารชั้นสูงที่กลัดมันทั้งหลาย โดยติดตั้งไมโครโฟนลับดักฟังเสียงพูดจา โดยประสานงานกับหน่วยเกสตาโป ต่อมามาดามชมิดท์หักหลังฮิตเลอร์โดยการแบล็กเมล์เหยื่อเสียเอง โดยแลกกับทรัพย์สินราคาแพงก่อนเยอรมันแตก มาดามชมิดท์สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

 

...วินิเฟรด แวกเนอร์... 

 

 

เป็นชาวอังกฤษเป็นภรรยาของ ริชาร์ด แวกเนอร์ นักแต่งเพลงชื่อดัง มีลูกด้วยกัน 1 คน อพยพมาอยู่เยอรมนีก่อนสงครามจะเกิด ต่อมาริชาร์ดตายไปอย่างลึกลับ วินิเฟรดจึงกลายเป็นแม่ม่ายและตกเป็นผู้หญิงของฮิตเลอร์ไปในที่สุด

 

 

 ที่มา : http://img3.photographersdirect.com/img/262/wm/pd1847041.jpg

 

 

Credit: http://board.postjung.com/672208.html
18 ก.ค. 56 เวลา 14:38 12,147 4 210
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...