“คำถามง่ายๆ” ที่วิทยาศาสตร์ยัง “หาคำตอบไม่ได้” (Part.2)

ต่อจากบทความที่แล้ว “คำถามง่ายๆ” ที่วิทยาศาสตร์ยัง “หาคำตอบไม่ได้” (Part.1)  ลองมาดูว่ามีคำถามไหนอีกที่ดูแล้วก็เป็นคำถามธรรมดาๆ แต่วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถหาคำตอบได้



วิธีการเล่นไพ่ Solitaire ให้ชนะ

ที่มาภาพ the card soflife

เกมไพ่ Solitaire ที่ปัจจุบันนี้เราจะรู้จักว่าเป็นเกมเรียงไพ่ที่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นระบบปฏิบัติการ Windows ถือเป็นเหมือนเกมประจำเครื่องที่ถ้าไม่รู้จะทำอะไรก็มานั่งเล่นแก้เบื่อกันได้ ซึ่งปกติเวลาเล่นกันก็ชนะบ้าง แพ้บ้างซะเป็นส่วนใหญ่ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าไม่มีทางที่คุณจะหาวิธีเล่นเกมนี้ได้ชนะทุกครั้งเลย เพราะแม้แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังตอบไม่ได้ว่าต้องใช้วิธีการไหนในการแก้ปัญหา Solitaire ให้ได้ทุกครั้ง

ที่มาภาพ spoiled flush games

ตั้งแต่ปี ค.ศ.1800 เป็นต้นมา เกม Solitaire ก็ยังคงเป็นปริศนามาตลอด แม้แต่นักคณิตศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดก็ยังต้องยอมรับว่า เกม Solitaire นี้ไม่อาจหาหลักการทางคณิตศาสตร์มาคิดเป็นรูปแบบการเล่นได้ แม้แต่ค่าความเป็นไปได้ที่จะชนะเกมนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นเท่าไหร่กันแน่ นักคณิตศาสตร์เสนอว่าเปอร์เซ็นต์ในการชนะเกมนี้อยู่ที่ 80-90 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายความว่าชนะอย่างน้อย 8 ใน 10 ครั้ง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่มีใครชนะได้มากขนาดนั้น

จากนั้นก็มีการเดากันว่า ความเป็นไปได้ที่จะชนะเกมนี้ไม่สามารถคำนวณได้ ซึ่งเป็นการเดาที่ออกจะทื่อๆ ไปหน่อย แต่นักคอมพิวเตอร์หลายคนก็เห็นด้วยกับข้อนี้ว่า แค่เล่นเกมนี้ในคอมพิวเตอร์จะให้ชนะได้ก็มีโอกาสน้อยเต็มที

และถ้าใครคิดว่าที่เรายังหาวิธีการเล่นเกม Solitaire ให้ชนะไม่ได้เป็นเพราะนักวิทยาศาสตร์มัวแต่เอาเวลาไปศึกษาเรื่องลึกลับซับซ้อนอย่างอื่นแล้วคงต้องคิดใหม่ เพราะนักวิทยาศาสตร์สามารถไขความลับของเกมที่ซับซ้อนกว่านี้มากอย่าง เกมเศรษฐี (Monopoly) ได้แล้ว แต่สำหรับเกมที่หลักการเล่นง่ายๆ ของ Solitaire กลับไม่มีใครคิดหาทางได้

ที่มาภาพ bill shrink


มีสิ่งมีชีวิตอยู่กี่สายพันธุ์บนโลกนี้

ที่มาภาพ web ecoist

ตอนนี้ก็เป็นศตวรรษที่ 21 แล้ว เป็นเวลานานที่เหล่านักสำรวจและนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายได้เดินทางออกตามหาสิ่งมีชีวิตใหม่ๆ แต่คำถามที่ว่า มีสิ่งมีชีวิตอยู่บนโลกกี่สายพันธุ์กันแน่ ก็ยังไม่มีใครตอบได้

นักวิทยาศาสตร์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแบ่งหมวดหมู่สิ่งมีชีวิตบอกไว้เลยว่า ทุกวันนี้เรายังไม่เข้าใกล้คำตอบของคำถามที่ว่าเลยสักนิด แม้จะมีการสำรวจกันมากว่า 250 ปี แล้ว และค้นพบสายพันธุ์ใหม่ๆ กว่าอีก 15,000 สายพันธุ์ทุกปี นักวิทยาศาสตร์เองก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่า จำนวนทั้งหมดแล้วมีเท่าไหร่กันแน่

ที่มาภาพ buzzle

ปัจจุบันนี้มีสายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตอยู่ประมาณ 2 ล้านสายพันธุ์ แต่เดากันว่าจำนวนที่แท้จริงบนโลกอาจจะมีตั้งแต่ 5 ล้าน จนถึง 100 ล้านเลยทีเดียว

การคาดคะเนจำนวนสายพันธุ์ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 19 นักวิทยาศาสตร์ในตอนนั้นประมาณกันไว้ว่ามีสายพันธุ์อยู่บนโลก 400,000 ชนิด แต่ตอนนี้เราก็หาเจอได้เยอะกว่านั้นมาก ดังนั้นจึงบอกได้เลยว่าวิธีการคำนวณหาค่าประมาณนี้ใช้ไม่ได้อีกต่อไป

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้การหาจำนวนสายพันธุ์ทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ก็เพราะการวิจัยส่วนใหญ่เกินขึ้นในประเทศทางแถบตอนเหนือ หรือประเทศที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยเท่านั้น ประเทศในแถบตอนใต้ เช่น ออสเตรเลีย ก็ยังคงมีสิ่งมีชีวิตที่เราไม่รู้จักอยู่อีก

แต่ปัญหาใหญ่จริงๆ ที่ทำให้การหาจำนวนยิ่งเป็นไปไม่ได้ก็เพราะ 90 เปอร์เซ็นต์ ของที่อยู่สิ่งมีชีวิตนั้นอยู่ใต้น้ำ ซึ่งมนุษย์เราเพิ่งสำรวจไปได้ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมด (ถึงกับมีนักวิทยาศาสตร์บอกไว้ว่า เรามีแผนที่พื้นผิวดาวอังคารที่ละเอียดกว่าของใต้ทะเลเสียอีก) และเราก็ยังค้นพบสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลหน้าตาประหลาดอยู่ตลอดเวลา

Pancake Batfish

ที่มาภาพ asu


ความยาวของแนวชายฝั่งทะเล

ที่มาภาพ world wild life

ภูมิศาสตร์ เป็นหนึ่งในสาขาที่ตอนสมัยเรียนเป็นวิชาที่น่าจะลึกลับน้อยที่สุด ทุกอย่างคือสิ่งที่เห็นได้เป็นรูปธรรมทั้งทวีป แม่น้ำ และภูเขา ต่างก็อยู่ตรงที่ของมันไม่เปลี่ยนแปลงไปไหนมาก อย่างไรก็ตาม วิธีการวัดโดยเฉพาะการวัดขอบชายฝั่งมีวิธีการที่หลากหลาย อย่างเช่น ชายฝั่งของประเทศสหรัฐอเมริกาในการวัดแบบเป็นทางการบันทึกเอาไว้ว่ามีความยาวประมาณ 12,380 ไมล์ ในขณะที่มีการศึกษาจากอีกที่หนึ่งวัดได้ 29,093 ไมล์ ส่วนการวัดจากของอีกหน่วยงานหนึ่งของสหรัฐกลับวัดได้ 95,471 ไมล์ ซึ่งแต่ละอันไม่ได้ใกล้เคียงกันเลยสักนิด

สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า การวัดชายฝั่งทำได้ยากและไม่มีวิธีการที่ตายตัว ขึ้นอยู่กับว่าต้องการวัดละเอียดขนาดไหน ถ้าหากวัดกันแบบใช้เส้นตรงอย่างคร่าวๆ ก็จะได้ความยาวขนาดหนึ่ง ในขณะที่ถ้าวัดโดยใช้ความละเอียดสูงก็จะได้ความยาวกว่าอีกแบบมาก

ที่มาภาพ wikimedia

อีกอย่างคือตัวเลขความยาวพวกนี้อาจจะกลายเป็นตัวเลขที่เป็นทางการได้โดยการประกาศจากทางการ จริงๆ แล้วปัญหาในการวัดชายฝั่งแบบนี้ก็เป็นปัญหาทางภูมิศาสตร์กันมายาวนาน ถึงขนาดมีชื่อเป็นของตัวเองว่า “Coastline paradox” ด้วยความจริงที่ว่า ไม่ว่าคุณจะพยายามวัดด้วยความละเอียดขนาดไหน อย่างไรก็ไม่มีทางละเอียดพอที่จะวัดได้อย่างแน่ชัดนั่นเอง


แรงโน้มถ่วงทำงานอย่างไร

ที่มาภาพ the perfect male blog

แรงโน้มถ่วง เป็นอะไรที่เรารู้จักกันดีและเรียกได้ว่าเป็นเรื่องพื้นฐานที่สุดในหลักการของจักรวาล สิ่งมีชีวิตบนโลกก็อยู่กับแรงโน้มถ่วงมาตั้งแต่เริ่มวิวัฒนาการ ในบรรดาแรงพื้นฐานทั้ง 4 ของโลกเรา (แรงแม่เหล็กไฟฟ้า แรงนิวเคลียร์ชนิดเข้ม แรงนิวเคลียร์ชนิดอ่อน และแรงโน้มถ่วง) แรงโน้มถ่วงเป็นสิ่งที่ไร้เหตุผลมากที่สุด มันเป็นแรงที่มีพลังอ่อนและมีพลังแรงได้ในเวลาเดียวกัน แรงโน้มถ่วงยึดจักรวาลของเราไว้ด้วยกัน และในขณะเดียวกันมันก็เป็นแรงที่มีพลังอ่อนที่สุดที่มีอยู่ในโลก แม้แต่พลังแม่เหล็กธรรมดาๆ 2 อันที่ดูดเข้าหากันก็ยังมีกำลังมากกว่าแรงโน้มถ่วงด้วยซ้ำ

ที่มาภาพ science blogs

และเพื่อให้สับสนหนักกว่านั้น แรงอื่นๆ ทั้ง 3 แรงนั้นจะถูกควบคุมโดยอนุภาคของตัวเอง ดังนั้น สำหรับแรงโน้มถ่วงแล้วมันก็ควรจะมีอนุภาคด้วยเช่นกัน แต่ปัญหาก็คือ เรายังหาอนุภาคที่ว่านี้ไม่พบ


ความลึกลับของแรงโน้มถ่วงยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ เมื่อเราดูลึกเข้าไปยังขั้นอะตอม โมเลกุล หรือเล็กลงไปกว่านั้น แรงโน้มถ่วงกลับนำมาใช้กับสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ นี่เป็นสาเหตุใหญ่ที่เราต้องมีทั้งฟิสิกส์และควอนตัมฟิสิกส์แยกกัน สรุปคือตอนนีันักวิทยาศาสตร์รู้เรื่องส่วนประกอบของอะตอมมากกว่ารู้ว่าเพราะเหตุใดลูกบอลที่ถูกโยนขึ้นฟ้าจะต้องร่วงกลับลงมาเสียอีก

Credit: Dominic
15 ก.ค. 56 เวลา 12:51 10,611 3 140
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...