สปีดแรงแซงหน้าประเทศเพื่อนบ้านอีกครั้ง สำหรับสิงคโปร์ ประเทศจิ๋วแต่แจ๋วที่ดูเหมือนจะพร้อมสรรพไปเสียทุกอย่าง เมื่อผลสำรวจล่าสุดจากธนาคารบาร์เคลย์ ซึ่งทำการสำรวจผู้ที่มีรายได้สุทธิอยู่ในระดับสูงจำนวน 2,000 รายทั่วโลก พบว่า ชาวสิงคโปร์ใช้เวลาไม่ถึง 10 ปีในการยกฐานะจากชนชั้นกลางให้กลายเป็นมหาเศรษฐีในพริบตา นับเป็นประเทศที่มีผู้คนสร้างตัวเป็นเศรษฐีในเวลารวดเร็วที่สุดในโลก
หลายคนอาจด่วนสรุปว่า คนสิงคโปร์ส่วนใหญ่มีเงินมีทองได้ก็เพราะราคาในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่เหตุผลดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะจากการสำรวจของธนาคารบาร์เคลย์ พบว่า 72% ของชาวสิงคโปร์ไม่ได้ง้อโชคชะตา แต่ขอรวยจากลำแข้งของตัวเองทั้งสิ้น
และหากเปิดกระเป๋าสตางค์ของแต่ละคนจะพบว่า ชาวสิงคโปร์มีทรัพย์สินไว้ครอบครองเป็นการส่วนตัวมากถึง 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 45 ล้านบาทเลยทีเดียว!
ตัวเลขดังกล่าวนับว่าไม่น้อยเลยทีเดียว หากเทียบกับระยะเวลาเพียง 10 ปี ในการสร้างฐานะให้ไต่เต้าจากคนธรรมดาจนกลายเป็นเศรษฐีเงินล้าน ซึ่งเคล็ดลับของการบ่มเพาะความรวยของชาวสิงคโปร์ก็คือหลักการง่ายๆ ที่ไม่ว่าใครก็ทำได้ นั่นก็คือ “การออมเงิน” โดย 55% ของชาวสิงคโปร์ผลักดันฐานะตัวเองมาจากการเก็บเงินจากรายได้ระหว่างการทำงาน พร้อมกับฝากเงินโบนัสก้อนโตไว้กินดอกเบี้ยในธนาคาร มากกว่าจะนำไปใช้ถลุงเล่น
แม้ว่าหลายประเทศทั่วโลกจะต้องเผชิญกับวิกฤตทางเศรษฐกิจ แต่สิงคโปร์และประเทศในแถบอาเซียนอย่างไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย กลับสวนกระแสด้วยการกลายเป็นประเทศที่ดึงดูดเงินจากนักลงทุนทั่วโลก ซึ่งเมื่อช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นในเอเชียมีความผันผวนสูงแต่ก็สามารถดึงนักลงทุนให้เข้ามาซื้อได้ ส่งผลให้กระแสเงินตราสะพัด และช่วยขยายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคให้รวดเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อทิศทางตลาดหุ้นสดใส ชาวสิงคโปร์ก็นำเงินที่เก็บหอมรอมริบจากการทำงานเข้ามาลงทุน หรือบางส่วนก็ฝากเงินไว้กับทางธนาคาร อัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจในเอเชียทำให้คนสิงคโปร์เร่งทำงานและเก็บเงินเก็บทอง สร้างฐานะของตนเองให้ร่ำรวยเพิ่มขึ้นเป็น 5 เท่า หรืออาจจะมากกว่านี้ก็เป็นได้
หากใครไม่เชื่อว่าสิงคโปร์รวยจริง ก็ลองดูภาพการจับจ่ายใช้สอย ที่แม้แต่การดื่มด่ำค็อกเทลที่แพงที่สุดในบรรยากาศสุดหรู ราคาก็ปาไปอยู่ที่แก้วละ 26,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 780,000 บาท หรือหากมองไปยังท้องถนนก็จะพบว่า ยานพาหนะที่คนสิงคโปร์จำนวนไม่น้อยใช้กันก็คือเฟอร์รารี่ อีกทั้งค่าใช้จ่ายแต่ละอย่างดูเหมือนว่าจะเกินตัว เพราะค่าครองชีพที่สูงมาก
อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงแล้วค่าใช่จ่ายเหล่านี้เป็นเพียงส่วนน้อยนิดเท่านั้นที่ชาวสิงคโปร์ควักออกจากกระเป๋า เพราะทันทีที่หาเงินมาได้ ชาวสิงคโปร์มักจะเจียด 16% ของรายได้ไปกับค่าการเดินทางท่องเที่ยว บวกกับค่าภาษีสังคมต่างๆ ส่วนอีก 7% จะทุ่มเงินไปกับการเลือกซื้อเครื่องเพชรและของสะสม ส่วนที่เหลือเป็นการเก็บออม
ด้วยเหตุนี้จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เพราะอะไรคนสิงคโปร์ถึงรวยกันอื้อซ่าแบบไม่ต้องแคร์ชาติอื่น แต่เมื่อสอบถามว่าหากไม่มีโอกาสได้ใช้เงินแล้วจะมอบทรัพย์สมบัติอันมีค่านี้ให้กับใครบ้าง ผลที่ออกมาก็สร้างความประหลาดใจ เพราะชาวสิงคโปร์เพียง 13% เท่านั้นที่ต้องการมอบเงินให้เป็นมรดกแก่ลูกหลาน
ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่กว่า 50% ตอบว่า ต้องการบริจาคเงินให้กับองค์กรการกุศล