ยนตรกรรมใหม่ล่าสุดจาก Range Rover
คุณตื่นเช้าขึ้นมาพร้อมชุดนอนเก่าซอมซ่อ และผมเผ้ายุ่งเหยิง กับหน้าตาโทรมๆ หลังจากสนุกสุดเหวี่ยงกับปาร์ตี้เมื่อคืนที่ผ่านมา กาแฟเข้มๆ สักถ้วย คงช่วยให้กลับมามีเรี่ยว แรงพอสำหรับการเข้าประชุมเช้านี้ ว่าแล้วคุณก็ลุกจากเตียง คว้ากุญแจรถ แล้วเดินตรงดิ่งไปที่โรงรถทันที เพื่อมุ่งหน้าไปยังร้านกาแฟเจ้าประจำ ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะถึงเช้านี้คุณจะดูแย่แค่ไหน แต่ Evoque ก็จะช่วยเชิดหน้าชูตา ด้วยการเปลี่ยนลุคของคุณจากสภาพ “โทรม” เป็น “เซอร์” ได้โดยไม่ต้องเสียเวลาอธิบายให้ใครฟัง ด้วยรูปโฉมอันแข็งกร้าว แต่แฝงความเซ็กซี่เอาไว้ จนไปถึงดีไซน์ล้ำสมัย บ่งบอกถึงความหรูหรา และสะท้อนความมีรสนิยมของคุณได้เป็นอย่างดี ยนตรกรรมรุ่นเล็กจาก Range Rover คันนี้ คือผลงานฉีกกฎที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ตลอด 41 ปีของพวกเขา Evoque เป็น SUV ที่มีขนาดเล็กที่สุด, น้ำหนักเบาที่สุด, ประหยัดน้ำมันที่สุด และดูดีมีสไตล์ที่สุด ในบรรดารถยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นจากผู้ผลิตอันเก่าแก่แห่งเกาะอังกฤษรายนี้ นอกจากนั้นมันยังเป็นรถที่ถูกผสมผสานความเป็น “สปอร์ตคาร์” เอาไว้อย่างกลมกลืน ด้วยการใช้ตัวถังลู่ลมแบบรถ Coupe และสมรรถนะอันร้อนแรงไม่ต่างจาก Hot Hatch คันจิ๋ว ผลลัพธ์ที่ได้จึงออกมาอย่างที่คุณเห็น Evoque ถูกขัดเกลาจาก LRX รถต้นแบบที่เคยเรียกเสียงฮือฮาเมื่อหลายปีก่อน ด้วยเอกลักษณ์สำคัญคือ ดีไซน์ที่ Land Rover เรียกว่า “Cross-Coupe” (เนื่องจากส่วนหลังคาช่วงท้ายที่ลาดต่ำจนบีบพื้นที่ของกระจกหลังเหลือเพียงเล็กน้อย และมี 3 ประตูเหมือนรถ Coupe)
บวกด้วยความสูงใหญ่บึกบึนตามแบบฉบับของ SUV ตระกูล Range Rover ส่งให้ LRX กลายเป็นยนตกรรมสายพันธุ์ใหม่ ที่ผู้คลั่งไคล้รถยนต์ทั่วโลกต่างจับตามองที่จะได้เห็นมันบนโชว์รูม แล้วการรอคอยก็สิ้นสุดลงเมื่อ Land Rover เปิดตัว Range Rover Evoque อย่างเป็นทางการ ในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา พร้อมกับแสงแฟลชระยิบระยับ และเสียงปรบมือกึกก้อง Evoque กลายเป็นรถยนต์ที่ถูกพูดถึงเป็นวงกว้างในทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรุ่นตัวถัง Coupe 3 ประตู ซึ่งดูเหนือชั้นกว่า SUV ทั่วไป ด้วยหลังคาที่ลาดต่ำ (และยังต่ำกว่า Evoque แบบ 5 ประตู ประมาณ 1.18 นิ้ว) และมิติโดยรวมที่กะทัดรัดกว่า Ford Focus เสียอีก!
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ Land Rover มองว่าคู่แข่งสำคัญในตลาดของ Evoque Coupe ไม่ใช่ BMW X1 หรือ Audi Q3 แต่กลับเป็นรถอย่าง Audi TT ต่างหาก ที่พวกเขาหมายมั่นปั้นมือจะเบี่ยงเบนความสนใจของลูกค้ากลุ่มนี้มายัง Evoque ซึ่งดูแล้วก็อาจจะไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก เหตุเพราะ Evoque มีความเป็นรถสปอร์ตเช่นเดียวกับ TT แม้จะไม่ถึงขั้นเทียบชั้นกันได้แบบเต็มตัว แต่ Range Rover คันจิ๋วนี้ ก็มีดีที่ห้องโดยสารอันกว้างขวางโอ่อ่ากว่ารถ Coupe แท้ๆ มาแก้เกม เพราะถึงจะเป็นรุ่นตัวถัง Coupe 3 ประตู ที่มีหลังคาลาดต่ำกว่ารุ่น 5 ประตู แต่มันก็มีพื้นที่สำหรับผู้โดยสารเบาะหลังที่กว้างขวางไม่ต่างกัน Evoque สามารถรองรับผู้ใหญ่ตัวโตๆ 4 คน ได้สบายๆ ต่างจาก TT ที่ไม่เหมาะสำหรับการโดยสารหลายๆ คนสักเท่าไหร่ แน่นอนว่า ห้องโดยสารของ Evoque ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก LRX เช่นกัน ที่เห็นได้ชัดก็คือ คอนโซลกลางที่ลาดเอียง และแผงอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเสียง, ชุดควบคุมระบบปรับอากาศ รวมถึงสวิตช์ต่างๆ ที่เรียบง่ายแต่ดูดี พื้นที่เก็บของเล็กๆ ที่อยู่ใต้ส่วนลาดเอียงของคอนโซล ซึ่งเป็นโครงสร้างแบบเปิด ที่สะท้อนให้เห็นธีมการออกแบบซึ่งเน้นความโปร่งโล่ง แต่แฝงไว้ด้วยประสิทธิภาพการใช้งานที่ยอดเยี่ยม
Land Rover มองว่าคู่แข่งสำคัญในตลาดของ Evoque Coupe ไม่ใช่ BMW X1 หรือ Audi Q3 แต่กลับเป็นรถอย่าง Audi TT ต่างหาก ” Range Rover Evoque มีการตกแต่ง ให้เลือก 3 แบบหลักๆ คือ “Pure” ที่เน้นสีเรียบง่ายและการตกแต่งแบบร่วมสมัย ต่อด้วย “Prestige” ซึ่งหรูหราสุดขั้วด้วยล้ออัลลอยด์ขนาด 19 นิ้ว ห้องโดยสารที่ใช้เบาะและอุปกรณ์ต่างๆ หุ้มด้วยหนังแท้ทูโทน ตัดเย็บแบบตะเข็บคู่ ตกแต่งด้วยลายไม้แท้และโลหะ ส่วนรุ่นท็อปก็คือ “Dynamic” ที่มาพร้อมกับล้อขนาด 19 หรือ 20 นิ้ว (ขึ้นอยู่กับรุ่น), กันชนหน้า-หลัง, สเกิร์ตข้าง, กระจังหน้า, ปลายท่อไอเสีย ที่ดูดุดันยิ่งขึ้น นอกจากนั้น คุณยังสามารถเลือกสีของหลังคาได้ 3 สี คือ ดำ, ขาว และเงิน (ออปชันสำหรับเกรดอื่นๆ) ขณะที่ห้องโดยสารก็จะใช้โทนสีเข้ม ตัดด้วยสีสดในบางตำแหน่ง พร้อมเบาะนั่งแบบสปอร์ตหุ้มด้วยหนังแท้ นอกจากนั้น คุณยังสามารถตกแต่ง Evoque ได้ในแบบที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นสีรถที่มีให้เลือกถึง 12 สี, สีหลังคา 3 สี, ล้อ 5 ลาย ตั้งแต่ขนาด 18-20 นิ้ว และวัสดุตกแต่งภายในแบบลายไม้หรือโลหะ เป็นต้น ในขณะที่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ก็สามารถเลือกติดตั้งได้หลากหลาย ซึ่งนั่นรวมถึง ระบบกล้องดิจิตอลรอบทิศทาง (5 ตัว) ที่จะช่วยให้คุณสามารถจอด Evoque คันงามได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไปชนกับอะไรให้เสียหาย เรื่อยไปถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับอำนวยความสะดวกให้คุณใช้งาน Evoque ได้อย่างง่ายดาย โดยหัวใจสำคัญอยู่ที่หน้าจอขนาดใหญ่ถึง 8 นิ้วระบบสัมผัส ที่มีไว้สำหรับควบคุมและแสดงผลระบบต่างๆ อาทิ ออดิโอ, วิดีโอ, ระบบนำทางด้วยดาว เทียม และโทรศัพท์ พร้อมช่อง USB และระบบเชื่อมต่อ iPod รวมถึงเครื่องเล่น MP3 อื่นๆ ได้โดยตรง แถมฟังก์ชันหลักๆ ของ iPod ยังสามารถควบคุมได้ทันทีบนหน้าจอระบบสัมผัสของ Evoque อีกด้วย โดยคนที่ชอบดูหนังฟังเพลง จะต้องหลงใหลได้ปลื้มไปกับชุดเครื่องเสียงจาก Meridian ที่ให้กำลังขับถึง 380 วัตต์ เปล่งเสียงผ่านลำโพง 11 ตัว หากยังไม่สะใจ ก็สามารถสั่งติดตั้งชุดเครื่องเสียงขนาด 825 วัตต์ ซึ่งมาพร้อมกับลำโพง 17 ตัว และเสียงแบบรอบทิศทางได้อีกด้วย แต่ถ้ายังไม่ “สุด” ก็อย่าลืมทำเครื่องหมายที่ช่อง “เครื่องเล่นซีดีพร้อมฮาร์ดไดร์ฟ” ในรายการ ออปชัน แล้วคุณก็จะได้พื้นที่สำหรับเก็บไฟล์เพลงดิจิตอลอีกเพียบ!เครื่องยนต์ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่คุณสามารถเลือกได้...ลืมเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ทั้ง V6 และ V8 ที่เคยใช้กับ Range Rover รุ่นอื่นๆ ไปได้เลย เพราะ Evoque ที่มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเพียง 1.5-1.7 ตัน ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เครื่องยนต์ใหญ่ให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงไปเปล่าๆ ดังนั้น มันจึงมาพร้อมกับขุมพลังแบบ 4 สูบ ซึ่งมีให้เลือกทั้งดีเซล 2,200 ซีซี. 150 และ 190 แรงม้า และ เบนซินเทอร์โบ 2,000 ซีซี ที่ให้พละกำลังถึง 240 แรงม้า ขณะที่ชุดเกียร์ก็มีแบบธรรมดาและอัตโนมัติ 6 สปีดให้เลือกใช้งาน ทันทีที่คุณปลุกให้ขุมพลังอันมหาศาลของ Evoque ตื่นขึ้นมา ก็จะพบกับการต้อนรับแสนวิเศษ โดยสวิตช์อะลูมิเนียมสำหรับเลือกตำแหน่งเกียร์ ซึ่งติดตั้งอยู่ที่คอนโซลกลางจะค่อยๆ เลื่อนขึ้นมา ขณะเดียวกันแสงไฟภายในห้องโดยสารก็จะค่อยๆ สว่างขึ้น ที่น่าตื่นตาตื่นใจก็คือ คุณสามารถเลือกสีของแสงไฟได้ 3 สีด้วยกัน คือ ขาว ฟ้า และเมื่อเลือกโหมดการขับขี่เป็น “Sport” ไฟก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดง เพื่อช่วยสร้างอารมณ์มันส์ๆ ให้กับคุณ
ใกล้ๆ กับสวิตช์เลือกตำแหน่งเกียร์ คือสวิตช์ของระบบ Terrain Response ที่จะช่วยให้คุณสามารถเลือกโหมดการขับขี่ให้เหมาะสมกับสภาพถนนในขณะนั้น โดยจะทำงานร่วมกับระบบ MagneRide ซึ่งสามารถปรับระดับความแข็ง-อ่อน ได้โดยอัตโนมัติ ตามสภาพเส้นทางและพฤติกรรมการขับขี่ของคุณ ที่น่าทึ่งก็คือ ระบบจะคอยตรวจสอบสภาพพื้นผิวถนนอย่างน้อยที่สุดถึง 1,000 ครั้ง/วินาที Terrain Response มีให้เลือกถึง 4 โหมดด้วยกัน ตั้งแต่การขับขี่บนพื้นถนนปกติ, ถนนเปียกลื่น ไปจนถึงการขับแบบ Off-road ทั้งโคลน, ทราย และถนนที่เป็นร่องลึก ซึ่งในแต่ละโหมด ระบบจะทำการปรับทั้งช็อคอัพ, ความสูงช่วงล่าง ตลอดจนการตอบสนองคันเร่ง, เกียร์ และพวงมาลัย เพื่อให้สามารถรับมือกับแต่ละสภาพพื้นผิวได้อย่างอยู่หมัด ด้วยเครื่องยนต์อันทรงพลัง และระบบขับเคลื่อนที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ ส่งให้ Evoque มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมเทียบเคียงกับรถสปอร์ตชั้นนำ มันสามารถเร่งจากจุดหยุดนิ่ง ขึ้นไปถึงความเร็ว 100 กม./ชม. โดยใช้เวลาเพียง 7.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 217 กม./ชม. ในขณะที่อัตราสิ้นเปลืองก็ยอดเยี่ยม โดยคุณจะใช้น้ำมันเฉลี่ยเพียง 8.7 ลิตร หรือประมาณ 280 บาท สำหรับการเดินทาง 100 กม.
เคล็ดลับที่ทำให้ Evoque เป็นรถที่กินน้ำมันแบบ “จิ๊บๆ” ก็คือ เครื่องยนต์ที่สามารถเผาไหม้น้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่าง หมดจด และนำพลังงานทั้งหมดมาใช้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ประกอบกับการใช้พวงมาลัยระบบไฟฟ้า, ยางล้อที่มีแรงเสียดทานต่ำ เรื่อยไปถึงการนำวัสดุน้ำหนักเบามาใช้ อาทิ ซุ้มล้อหน้า ฝาท้ายที่ทำจากโพลิเมอร์ และวัสดุสังเคราะห์, ฝากระโปรงหน้าและหลังคาที่ผลิตขึ้นจากอะลูมิเนียม และชิ้นส่วนของระบบช่วงล่างทำจากอะลูมิเนียม เช่นเดียวกับเครื่องยนต์ที่ถูกลดน้ำหนักมาเป็นอย่างดี ทั้งหมดนี้ ต่างเป็นส่วนสำคัญของอัตราสิ้นเปลืองที่ยอดเยี่ยมใน Evoque Range Rover Evoque ทุกคัน จะถูกผลิตที่โรงงาน Halewood ใน Merseyside ประเทศอังกฤษ เพื่อส่งออกไปยังโชว์รูมต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย โดยกลุ่มเป้าหมายของพวกเขา ไม่ใช่เพียงแค่พวกเศรษฐีวัยกลางคนอย่างเช่นอดีตเท่านั้น แต่ยังพุ่งเป้าไปที่คนวัยหนุ่มสาว ซึ่งถือเป็นตลาดใหม่ที่ Range Rover ยังไม่เคยก้าวเข้าไป ความพยายามที่จะเดินแผนรุกด้วยการเน้นภาพลักษณ์หรูหราฉูดฉาด (คล้ายๆ กับที่ BMW ใช้กับการคืนสังเวียนของแบรนด์ Mini) ไม่ว่าจะเป็นการจัดแสดง Evoque ในรูปแบบของงานศิลปะ ที่นครปารีส (และจะจัดแสดงตามมหานครต่างๆ ทั่วโลกต่อไป) รวมถึงแคมเปญ “Pulse of the City” ที่จะนำเสนอวิถีชีวิตของคนเมืองผ่านทาง Social Media ต่างๆ (ติดตามรายละเอียดของแคมเปญนี้ได้ที่ helloevoque.com) ต่างก็ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า แผนการตลาดของ Land Rover ที่ปูไว้ให้ Range Rover Evoque นั้น ให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่แค่ไหน
กลุ่มเป้าหมายของ Evoque ไม่ใช่เพียงแค่พวกเศรษฐีวัยกลางคนอย่างเช่นอดีตเท่านั้น แต่ยังพุ่งเป้าไปที่คนวัยหนุ่มสาว ซึ่งถือเป็นตลาดใหม่ที่ Range Rover ยังไม่เคยก้าวเข้าไป ”Evoque มีแนวโน้มสูงที่จะทำสำเร็จเหมือนที่ Mini เคยทำได้ หรือไม่แน่ว่ามันอาจจะประสบความสำเร็จยิ่งกว่า...ทำไมน่ะหรือ? ก็เพราะ Evoque มีทุกสิ่งที่ Hot Hatch อย่าง Mini มี ไม่ว่าจะเป็นขนาดที่กะทัดรัด, เครื่องยนต์พลังแรง, ประสิทธิภาพการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม, การบ่งบอกรสนิยม รวมถึงฐานะของผู้ครอบครอง บวกด้วยสิ่งที่เหนือกว่า อย่างเช่น ห้องโดยสารที่กว้างขวาง, ไปได้ทั้งบนถนนทั่วไปและทางทุรกันดาร ตลอดจนความเป็นรถสายพันธุ์ใหม่ ที่ถือกำเนิดครั้งแรกในโลกยนตรกรรม แม้ราคาของมันอาจจะสูงไปสักนิดเมื่อเทียบกับรถขนาดเดียวกัน แต่เราเชื่อว่านั่นไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายของ Evoque อย่างแน่นอน
LAND ROVER LRX CONCEPT
“ LRX ดูไม่ต่างจาก Evoque ” หรือ “Evoque ดูไม่ต่างจาก LRX”
นี่คือต้นแบบของ Evoque ก่อนที่มันจะถูกผลิตขึ้นจริง... LRX คือรถที่ถูกสร้างขึ้นภายใต้พื้นฐานของ Ford Focus และนำไปออกแสดงครั้งแรกที่งาน Detroit Motor Show เมื่อเดือนมกราคมปี 2008 มันเป็นรถที่มีขนาดเล็กกะทัดรัดกว่า SUV ทั้งหมดที่เราเคยเห็น ด้วยความยาวเพียง 4.35 เมตร และสูง 1.53 เมตร LXR จึงเป็นรถที่มีขนาดพอๆ กับ Ford Focus หรือ VW Golf เท่านั้นเอง LRX เป็นรถต้นแบบคันแรกที่ออกแบบโดย Gerry McGovern ดีไซเนอร์คนใหม่ของ Land Rover (ในขณะนั้น) เขาพูดถึงรถอย่าง Mini, Audi TT และ VW Beetle ว่า “รถเหล่านี้ต่างปรากฏโฉมครั้งแรกตามงานแสดงรถยนต์ ในฐานะรถต้นแบบ จากนั้นรถพวกนี้ถูกผลิตขึ้นจริงโดยแทบถอดกันออกมา ซึ่งนั่นคงเป็นเรื่องแปลกมาก หากเป็นเมื่อหลายปีก่อน แต่ไม่ใช่สำหรับปัจจุบัน...อะไรก็ตามที่คุณเห็นใน LRX อาจเกิดขึ้นจริงได้...นั่นรวมถึงในห้องโดยสารด้วย” และ McGovern ก็ไม่ผิดสัญญา เพราะ Evoque สะท้อนทุกอย่างที่ LRX เป็น ออกมาได้อย่างหมดจดงดงามจริงๆ