“โรค 'มือ เท้า ปาก' รู้ทัน ป้องกันได้เร็ว

“ฝนตก ยิ่งนึกถึงทีไร ก็ยิ่งชุ่มฉ่ำ.....” ฤดูกาลที่นอกจากจะพัดพาเอาความชุ่มชื้น ให้เราได้เย็นกาย สบายใจแล้ว 

ยังมีสิ่งแปลกปลอมที่แฝงตัวมาและพร้อมจะทำร้ายเราได้โดยไม่รู้ตัว อย่างเจ้าโรคติดต่อที่มากับหน้าฝน ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัด ไข้เลือดออก และอีกหนึ่งโรคที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนัก และรวดเร็วนั่นคือ “โรคมือเท้าปาก”


“โรคมือเท้าปาก” โรคติดต่อคนละชนิดกับโรคเท้าและปาก ที่เกิดกับสัตว์ใหญ่อย่าง วัว แกะ ถึงแม้จะเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่มเดียวกันก็ตาม แต่ความรุนแรงก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่ง ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล อธิบายให้ฟังว่า โรคมือเท้าปาก เกิดจาก ไวรัสกลุ่มหนึ่งที่ชื่อ“เอนเตอโรไวรัส” ซื่งมีหลายสายพันธุ์ ส่วนเชื้อที่พบบ่อยที่สุดคือ ค็อกแซกกีเอ16  มีอาการไม่รุนแรง เป็นและสามารถหายเองได้ ส่วนใหญ่พบในเด็ก เพราะเขายังไม่มีภูมิต้านทานต่อโรคนี้ พอได้รับเชื้อจึงเกิดโรคได้ง่าย ส่วนผู้ใหญ่จะมีภูมิต้านทานต่อโรคได้ดีกว่า จึงพบได้น้อย

“มือ เท้า ปาก ติดต่อกันได้อย่างไร”

คุณหมอกุลกัญญา บอกว่า เชื้อไวรัสชนิดนี้ ก็เหมือนกับเชื้อไวรัสทั่วๆ ไปที่เจริญเติบโตได้ดีและแพร่ระบาดได้รวดเร็ว เมื่อเจออากาศเย็น และมีความชื้นสูง อย่างช่วงหน้าฝนและหน้าหนาวจะเติบโตได้ดีกว่าสภาพอากาศร้อน สำหรับประเทศไทยจะพบได้มากในช่วงหน้าฝน

“โรคมือ เท้า ปาก สามารถติดต่อได้หลายวิธี อย่างเด็กที่ติดเชื้อเข้าห้องน้ำแล้วล้างมือไม่สะอาด  มาหยิบจับสิ่งของทำให้เชื้อปนเปื้อน เมื่อมีเด็กมาสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้ออยู่ก็ทำให้ติดได้ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสสิ่งของทางปาก และน้ำลาย ส่วนเด็กที่ป่วยจะมีเชื้อติดต่อในน้ำลาย น้ำมูก และอาจพบเชื้อในอุจจาระ ซึ่งเชื้อสามารถอยู่ได้ยาวนานเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ เลยทีเดียว”  คุณหมอกุลกัญญา อธิบายเพิ่มเติม

“อาการหลังจากติดเชื้อ และการรักษา”

คุณหมอกุลกัญญาบอกว่า หลังติดเชื้อแล้ว จะใช้เวลาโดยเฉลี่ย ประมาณ 2-3 วัน โรคถึงจะแสดงอาการ สำหรับอาการที่เกิดกับเด็กชัดเจนคือ มีตุ่มน้ำใสๆ ตุ่มแดง ขึ้นที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และมีแผลร้อนในภายในปาก บางคนมีผื่นขึ้นตามตัว และมีอาการท้องเสียร่วมด้วย ส่วนการรักษาแพทย์จะรักษาตามอาการ เมื่อผู้ป่วยมีไข้ ก็จะให้ยาลดไข้ ซึ่งใช้เวลา 7-10 วัน อาการก็จะค่อยๆ ทุเลาลงและหายเป็นปกติ โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วย 99 % จะมีอาการไม่รุนแรงเป็นแล้วรักษาหายได้ แต่มีบางส่วน 1 ใน 1000 ราย ที่จะมีอาการรุนแรง เพราะรับเชื้อเอนเตอโรไวรัส 71 ผู้ที่ได้รับเชื้อชนิดนี้ จะมีอาการรุนแรง เชื้อขึ้นสมอง กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ มีไข้สูง ชัก น้ำท่วมปอด และอาจเสียชีวิตได้

โรคนี้ถือว่าเป็นโรคติดต่อได้ง่ายในเด็ก ส่วนใหญ่ไม่รุนแรงมาก แต่ก็มีโอกาสรุนแรงได้ การป้องกันไว้ก่อนจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด ดังนี้

1. ครอบครัวที่มีลูกป่วยด้วยโรคนี้ ไม่ควรพาไปตามที่สาธารณะ หรือโรงเรียน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคสู่คนอื่น

2. ผู้ดูแลเด็กควรล้างมือให้สะอาด เพราะเชื้ออาจแพร่สู่เด็กคนอื่นๆ ผ่านมือของผู้ดูแลเด็กที่ไปสัมผัสเด็กที่ติดเชื้อ ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้จะเกิดขึ้นบ่อยมาก

3. ช่วงที่เกิดการระบาดของโรคไม่ควรพาลูกไปสถานที่ที่มีเด็กอยู่เยอะ เพราะมีโอกาสติดเชื้อโรคได้ง่าย

4. โรงเรียนควรสร้างสิ่งแวดล้อมให้สะอาด และถูกสุขลักษณะ รวมถึงสร้างสุขลักษณะที่ดีให้กับเด็กและคนในโรงเรียน ควรแยกของเล่นเด็ก ไม่ให้เด็กใช้ของส่วนตัวร่วมกัน

เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีของตนเองและคนที่เรารัก มาร่วมป้องกันและสร้างสุขอนามัยที่ดี ให้ห่างไกลโรคมือเท้าปากกันดีกว่าค่ะ

 

เรื่องโดย พิมพ์ชนก ศรเพชร Team Content www.thaihealth.or.th


Credit: http://variety.teenee.com/foodforbrain/54129.html
12 ก.ค. 56 เวลา 10:37 2,312 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...