รู้หรือไม่ วัดพระแก้ว ก็มีพิพิธภัณฑ์!

บทความโดย : พิงค์คูเปอร์
เครดิตภาพ : พิงค์คูเปอร์

 

เริ่มต้นพิงค์คูเปอร์ตื่นตั้งแต่ไก่โฮเพื่อเดินทางไปยังวัดพระแก้วที่อยู่ไกลจากบ้านมาก เช้าวันนี้การจลาจรยังคงเนืองแน่น ดังนั้นการเดินทางจึงหนีไม่พ้นรถตุ๊กๆ คันงามกับชั่วโมงเร่งด่วนเช่นนี้

พอมาถึงโซนวัดพระแก้ว เหลือบดูนาฬิกาแล้วยังพอมีเวลาเหลือที่จะแวะเข้าไปกราบสักการะศาลหลักเมืองเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย ฉันจึงไม่รอช้าตรงดิ่งเข้าไปขอพรในทันที เสร็จแล้วจึงเดินไปยังวัดพระแก้วทางด้านประตูวิเศษไชยศรีตามเวลานัดหมาย เมื่อเดินเข้ามาจะเห็นพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถตั้งอยู่ฝั่งขวาของมือเรา แต่เป็นที่น่าเสียดายที่วันนี้พิพิธภัณฑ์ปิดชั่วคราว ทั้งๆ ที่พิงค์คูเปอร์ทำการบ้านเพื่อมาหาซื้อการ์ดผ้าไทยสามมิติสุดหรูแล้วแท้ๆ การเริ่มต้นเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ในครั้งนี้จึงเริ่มจากพิพิธภัณฑ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

ด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์วัดพระศรีรัตนศาสดารามจะมีปืนใหญ่ ช่อฟ้า และใบระกาอยู่รอบๆ ในโซนตรงนี้ทุกท่านสามารถหยิบกล้องคู่ใจขึ้นมาเพื่อถ่ายภาพได้ แต่โซนที่เข้าไปในพิพิธภัณฑ์ต่อจากนี้จะไม่สามารถบันทึกภาพได้ เมื่อเข้ามาข้างในพิพิธภัณฑ์ พิงค์คูเปอร์ก็ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความอลังการของสถาปัตยกรรมที่ออกแนวไทยผสมกับยุโรป และสิ่งที่น่าตื่นเต้นคงหนีไม่พ้นการได้สังเกตเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (ชุดเก่า) ที่ถูกเก็บไว้บนชั้นสองแบบใกล้ชิด โดยจัดแสดงในห้องเดียวกับห้องที่วางโต๊ะทรงงานของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แต่ที่ทำให้พิงค์คูเปอร์และชาวคณะต้องตกใจอกสั่นขวัญแขวนคือสายตาพิฆาตของหนังเสือที่ถูกลอกทั้งตัว ซึ่งมองดูแล้วคล้ายเสือที่นอนราบกับพื้นด้วยจิตวิญญาณพิฆาต โชคดีที่ไม่กรีดร้องออกมา เอาเป็นว่าใครที่มาเยี่ยมชมพิงค์คูเปอร์ขอท้าให้ลองหาดูค่ะ รับรองว่าคุณตกตกใจแน่ๆ และเห็นที่จะพลาดไม่ได้จากการเยี่ยมชมครั้งนี้คือ พระแท่นมนังคศิลาอาสน์และพระราชยานถมที่ชวนให้หลงเคลิบเคลิ้มไปกับความวิจิตงดงาม พระราชยานมีคาน 2 คาน ด้ามด้วยไม้หุ้มเงิน ลงยาทาทองขนฐานพระราชยานประดับกระจังตาอ้อย กระจังปฏิญาณทำด้วยทองคำสลักลายดุนประดับเนาวรัตน์ พนักผิงหลังรูปกลีบขนุนทำด้วยทองคำสลักลาย ดุนประดับเนาวรัตน์นับว่าหาดูได้ยากมากๆ

ส่วนห้องอื่นๆของพิพิธภัณฑ์ก็จะมีทั้งเครื่องสักการะต่างๆ ที่ประชาชนนำมาถวายเป็นพุทธบูชา โมเดลจำลองพระบรมมหาราชวัง ชิ้นส่วนของต่างๆ ของสิ่งปลูกสร้างในพระราชวังที่ชำรุด และสิ่งที่ทำให้พิงค์คูเปอร์ต้องแปลกใจคือสากหินกับครกหินที่เหมือนสากครกธรรมดาทั่วไปตามบ้านเรือนของเราแต่กลับมีในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ชวนให้สงสัยว่าสากกับครกนี้ท่านได้แต่ใดมา... เป็นสิ่งของชิ้นเดียวที่พิงค์คูเปอร์ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้มาค้นพบในที่แห่งนี้

สถานที่ถัดมาคือพิพิธภัณฑ์อาวุธโบราณ ประกอบด้วยอาวุธมากมายจัดแสดงสองห้อง อยู่ใต้พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ห้องแรกคือที่จัดแสดงพระแสง พระแสงที่จัดว่าเป็นที่สุดในโลกคงหนีไม่พ้นพระแสงปืนลูกซอง 4 ลำกล้อง แลงคาสเตอร์ ในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นปืนประจำรัชกาล ปัจจุบันเหลือเพียงกระบอกเดียว ซึ่งถูกนำมาเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ศาสตราวุธ ซึ่งคนวงในแอบกระซิบบอกว่าพระแสงนี้อาจจะมีเพียงกระบอกเดียวในโลกเสียด้วย!! และสิ่งที่ไม่ควรพลาดอีกชิ้นหนึ่งก็คือ พระแสงปืนคาบชุด ข้ามแม่น้ำสะโตง ที่สมเด็จพระนเรศวรทรงใช้ยิงข้ามแม่น้ำสะโตง จนสุรกรรมาแม่ทัพพม่าเสียชีวิต ถูกใช้ในพระราชพิธีสำคัญในสมัยรัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 2

และห้องถัดมาที่จัดแสดงจะมีพวก ดาบไทย ดาบจีน ดาบฝรั่ง กระบี่ ง้าว ตรี ธงชัยราชกระบี่ธุช เสาธงชัย พระครุฑพ่าห์ ขวานปลายหอก ลุ้ง ที่ใส่ชฎามหากฐิน คชาสำหรับฑูตเข้าเฝ้า เสาธงชัยกระบี่บุช ซึ่งแต่ละอันมีขนาดใหญ่มาก และดูมีมนต์คลังมากๆ

และส่วนสุดท้ายของวันนี้คือ ศาลาเครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญกษาปณ์จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูล และเผยแพร่ความรู้ทางประวัติศาสตร์และความเป็นมาของเครื่องราชอิสริยยศเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญกษาปณ์ไทยที่มีคุณค่า อาคารจัดแสดง เป็นอาคารเอกเทศ 2 ชั้น ข้อมูลทั่วไปของที่นี่สามารถหาดูได้จากในเว็บไซต์ แต่สิ่งที่พิงค์คูเปอร์ได้ยินมาจากการเยี่ยมชมคือ เครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรเท่าที่เรารู้มาคือจะแบ่งแยกออกเป็น ฤดู ซึ่งคนนำเที่ยวในครั้งนี้แอบกระซิบมาว่า ถ้าเราสังเกตดีๆ เครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรในแต่ละปีจะหายไปหนึ่งชุดเพื่อไปทรงให้กับพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร แต่จะมีฤดูหนึ่งที่เครื่องทรงได้หายไป สองชุด นั่นก็คือฤดูหนาวที่เครื่องทรงฤดูฝนจะถูกทรงทับด้วยเครื่องทรงในฤดูหนาวอีกชั้นหนึ่ง และสิ่งที่ไม่ควรพลาดในการชมครั้งนี้คือ เครื่องประกอบพระราชอิสริยยศสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 และเคยโปรดเกล้าฯ พระราชทานประกอบพระอิสริยยศสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 ประกอบด้วย

- พระสุพรรณบัฏพระนามาภิไธย บรรจุในหีบทองคำลงลาย ภปร. ประดับเพชร

- เครื่องราชูปโภค พานพระศรีทองคำลงยาเครื่องพร้อม หีบพระศรีทองคำลงยาประดับเพชรพร้อมพานทองรองเครื่องพร้อม พระสุพรรณศรีทองคำลงยา กาทองคำทรงกระบอกมีถาดรอง ขันน้ำเสวยทองคำลงยาพร้อมจอกทองคำลงยา ขันสรงพระพักตร์ทองคำลงยาพร้อมพานรอง ที่ชาทองคำพร้อมถ้วยฝาหยก

การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ครั้งนี้พิงค์คูเปอร์ได้ความประทับใจมากมาย มีสิ่งที่ย้ำเตือนความวิจิตงดงานสะท้อนความเป็นไทย เป็นชาวพุทธผู้มีจิตใจงดงาม ตอกย้ำความรักชาติ ศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์ ศิลปะความเป็นไทยที่ควรจะสืบสานจนชั่วลูกหลาน เครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญกษาปณ์ที่ควรค่าแก่การรักษา ควรค่าแก่การเผยแพร่ความวิจิตรงดงามให้เราผู้เป็นประชาชนของประเทศได้ชมเป็นบุญตา ขอส่งท้ายด้วยแผนที่บอกเส้นทางสักหน่อยนะคะ

Credit: http://www.toptenthailand.com/23-3961.html
11 ก.ค. 56 เวลา 14:49 2,924 40
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...