ประวัติถุงยางอนามัยชาย (Condom)

 

 

 

ประวัติถุงยางอนามัยชาย (Condom)

 

 

  มีหลักฐานการใช้ถุงยางอนามัยครั้งแรกสุดในประวัติศาสตร์ อย่างน้อยเมื่อ 400 ปีที่แล้ว   การใช้ถุงยางอนามัยเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่ได้รับความนิยมสูงสุดตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยมีหลักฐานปรากฏว่าได้เริ่มมีการใช้ถุงยางอนามัยกันแล้วในแถบยุโรป โดยพบภาพเขียนผนังถ้ำที่ Cambarelles ในประเทศฝรั่งเศส  หลังจากนั้นได้มีการพูดถึงที่มาของชื่อ Condom  ว่ามีที่มาอย่างไร  บางความเชื่อคิดว่ามาจากชื่อของ Dr.Condom ซึ่งได้ผลิตถุงทิชชูถวายพระเจ้าCharles ที่ 2 แห่งอังกฤษ บางความเชื่อ เชื่อว่ามาจากชื่อ ภาษาลาติน  ซึ่งคำว่า Condom แปลว่าภาชนะที่รองรับ  


ถุงยางอนามัยโปราณ อายุเกือบ 400 ปี ทำจากลำไส้สุกร" ฟอกอย่างประณีต พบในเมืองลุนด์ สวีเดน มีคำแนะนำวิธีใช้จารึกภาษาละตินบนถุงว่า..."ให้จุ่มแช่ในน้ำนมอุ่นๆ ก่อนสวมใส่"... ข้อสำมะคัญสภาพยังใช้งานได้ดี

           ต่อมา Goodyear and Hancock ได้เริ่มผลิตถุงยางอนามัยโดยทำจากยางที่มีส่วนผสมของกำมะถัน ซึ่งมีทั้งความแข็งแรงและความยืดหยุ่น     
           มีโฆษณาเกี่ยวกับถุงยางอนามัยเกิดขึ้นครั้งแรกโดยหนังสือพิมพ์ The New York Time ในประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อคริสต์ศักราช 1861 แต่เมื่อมาถึงคริสต์ศักราช 1873 The Comstock Law ได้ห้ามมิให้โฆษณาอุปกรณ์ในการคุมกำเนิดทุกชนิด รวมทั้งอนุญาตให้ไปรษณีย์สามารถริบถุงยางอนามัยที่จำหน่ายทางพัสดุได้  
           ในคริสต์ศักราช 1900  Social hygienists ได้พยายามต่อสู้เพื่อยกเลิกข้อห้ามการใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งเป็นผลจากการที่ทหารอเมริกาในสงครามโลกครั้งที่ 1 มีการติดเชื้อจากโรคทางเพศสัมพันธ์ที่ค่อนข้างสูง ในขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารอเมริกามากกว่า 70% ก็ได้ติดโรคทางเพศสัมพันธ์เช่นกัน  ดังนั้นรัฐบาลสหรัฐอเมริกาจึงได้เริ่มรณรงค์ให้มีการใช้ถุงยางอนามัยตั้งแต่นั้นมา  
           แต่เมื่อมาถึงคริสต์ ศักราช 1960 ได้มีการปฏิวัติในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งมีผลให้ความนิยมในการใช้ถุงยางอนามัยลดน้อยลง จึงพบว่าเยาวชนนิยมมีเพศสัมพันธ์กันโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย  จนกระทั่งอีก 20 ปีต่อมาได้พบการระบาดของเชื้อ HIV หรือเรียกกันว่าโรค AIDS ซึ่งเป็นผลให้ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์เริ่มตระหนักและหันมานิยมใช้ถุงยางอนามัยอีกครั้งหนึ่ง  
           นับตั้งแต่คริสต์ศักราช 1990 จนถึงปัจุบัน  ได้มีการผลิตถุงยางอนามัยออกสู่ตลาดจำนวนมาก และมีหลายแบบให้เลือก ทั้งที่มีสีสันแปลกๆ ผิวเรียบและไม่เรียบ มีกลิ่นและรสผลไม้ รวมทั้งมีรูปทรงที่แปลกๆ มากขึ้น

ถุงยางอนามัย (Condom) เป็นอุปกรณ์คุมกำเนิด ที่นิยมใช้กันมากที่สุดในขณะร่วมเพศ ทำด้วยวัสดุจากยางพารา หรือโพลียูรีเทน โดยมีทั้งแบบสำหรับผู้ชายและผู้หญิง ส่วนใหญ่ฝ่ายชายจะเป็นฝ่ายใช้โดยใช้สวมครอบอวัยวะเพศชายที่กำลังแข็งตัวในขณะร่วมเพศ โดยเมื่อฝ่ายชายหลั่งน้ำอสุจิแล้ว น้ำอสุจิจะถูกเก็บไว้ในถุงยางอนามัย ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์และยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เช่น ซิฟิลิส หนองใน และ เอดส์ได้ด้วย   
      ถุงยางอนามัยสมัยใหม่ ส่วนมากผลิตจากยางพาราแต่ก็มีบ้างที่ผลิตจากวัสดุอื่นเช่นโพลียูรีเทน    ถุงยางอนามัยสำหรับชายเป็นอุปกรณ์คุมกำเนิดที่ราคาไม่แพง ใช้งานง่าย ผลข้างเคียงน้อย และใช้ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ถ้าใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องและใช้ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์จะทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้เพียง 2%  เท่านั้น
      ถุงยางอนามัยใช้สวมใส่อวัยวะเพศชายเมื่อแข็งตัวเต็มที่ ทำหน้าที่เป็นเครื่องกีดขวางไม่ให้ตัวเชื้ออสุจิเข้าสู่ช่องคลอด ที่ปลายถุงยางอนามัยจะมีกระเปาะเล็กๆสำหรับรองรับน้ำอสุจิ  ซึ่งสอดคล้องกับความหมายของคำว่า Condom ซึ่งแปลว่า ภาชนะรองรับ

      ปัจจุบัน ถุงยางอนามัยได้มีการพัฒนาให้มีรูปร่าง สีสัน และกลิ่นต่างๆออกมาให้เลือกใช้กันหลายแบบ  ซึ่งแต่ละแบบได้เน้นวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่ต่างกัน  สำหรับต่างประเทศถุงยางอนามัยที่จำหน่ายจะมีแบบแปลกๆให้เลือกหลายชนิด เช่นแบบเรืองแสงในที่มืด  แบบผิวไม่เรียบที่มีลักษณะรูปร่างที่แปลกๆ 
 

 
 

ขนาดถุงยางอนามัยโดยทั่วไป จะมีขนาดตั้งแต่ 44-56 mm ความหนา 0.05-0.08 mm โดยมีความยาวเฉลี่ยประมาณ 200 mm (ตามข้อกำหนดต้องยาวไม่ต่ำกว่า160 mm) แต่ที่วางจำหน่ายสำหรับคนไทย ส่วนใหญ่จะมี 2 ขนาดคือ 49 mm และ 52 mm (ขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษ) มีทั้งแบบผิวเรียบและไม่เรียบ มีสารหล่อลื่น ผสมสารฆ่าเชื้ออสุจิ มีหลายสี รวมทั้งยังมีกลิ่นและรสผลไม้ให้เลือกตามต้องการ

การวัดขนาดของถุงยางอนามัย

    ได้มีการกำหนดคุณภาพมาตรฐาน ของถุงยางอนามัยตามประกาศ ของกระทรวงสาธารสุข ปี 2535  ซึ่งได้กำหนดประเภทของถุงยางอนามัยที่ทำจากน้ำยางธรรมชาติ เป็น 13 ประเภท ตามขนาดความกว้าง คือตั้งแต่ขนาด 44 มิลลิเมตร จนถึงขนาด 56 มิลลิเมตร   และกำหนดความยาวของถุงยางวัดจากปลายเปิดจนถึงปลายปิด ไม่รวมส่วนที่เป็นติ่งหรือกระเปาะ ต้องไม่น้อยกว่า 160 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นการกำหนดตามมาตรฐานขององค์การกำหนดมาตรฐานระหว่างประเทศ (ISO) ปี ค.ศ. 1990
       การวัดจะใช้วิธีการวางถุงยางให้แบนราบกับพื้นและวัด หรือ การวัดเส้นรอบวงของอวัยวะเพศและหารด้วย2นั่นเอง ดังนั้น สามารถวัดขนาดเส้นรอบวงของอวัยวะเพศ และหารด้วยสอง ก็จะได้ขนาดอ้างอิงในการเลือกซื้อถุงยางอนามัย    เช่นเส้นรอบวงของอวัยวะเพศ คือ 152 mm (ประมาณ 6 นิ้ว) หารด้วยสอง เท่ากับ 76 mm   เมื่อซื้อถุงยางอนามัย  ก็สามารถเลือกซื้อแบบ 52 mm ได้เพราะถุงยางอนามัยจะมีการขยายตัวอีก 

 สายวัดขนาดอวัยวะเพศเพื่อเลือกซื้อถุงยางอนามัย


 
 

วิธีใช้ถุงยางอนามัย

     วิธีใช้ถุงยางอนามัยผู้ที่ใช้ต้องใส่และถอดให้ถูกวิธี โดยให้ใส่เมื่ออวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่เท่านั้น บีบปลายกะเปาะไล่ลมแล้วสวมลงบนอวัยวะเพศรูดลงมาจนสุดเมื่อเสร็จการร่วมเพศ ต้องรีบดึงอวัยวะเพศออกขณะยังแข็งตัวอยู่ มิฉะนั้นถุงยางอาจจะหลุดอยู่ในช่องคลอดได้  ต้องดึงออกโดยมิให้น้ำอสุจิไหลออกมาอยู่บริเวณอวัยวะเพศหญิง



ข้อควรระวัง ในการใช้ถุงยางอนามัย 

- ห้ามใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นที่มีน้ำมันเป็นตัวละลาย เช่น น้ำมันปรุงอาหาร น้ำมันทาผิว เบบี้ออยส์ วาสลีน เป็นต้น เนื่องจากจะทำลายเนื้อยางของถุงยางอนามัยให้เสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว
- ห้ามใช้นานเกิน 30 นาที และ ห้ามนำกลับมาใช้งานซ้ำอีก
- ห้ามใช้ถุงยางอนามัยที่มีการฝังมุก มีขนม้าแซม ฯลฯ เพราะไม่สามารถใช้คุมกำเนิดหรือป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ใด นอกจากนี้อาจจะทำได้เกิดอันตรายและติดเชื้อได้ง่ายอีกด้วย
-ถุงยางอนามัยไม่เหมาะสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักเนื่องจากการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักจะเกิดแรงเสียดสีมาก และเกิดเลือดออกได้ง่ายจึงไม่ปลอดภัยพอ

การเก็บรักษา   ถุงยางอนามัยควรเก็บรักษาไว้ในที่ไม่ถูกแสงแดดหรือที่มีอุณหภูมิสูง  สังเกตบนฉลากของถุงยางอนามัย การดูเครื่องหมาย อย.พร้อมเลขทะเบียน การดูวันที่ผลิต หรือ วันหมดอายุ ของถุงยางอนามัย การหล่อลื่น/การใช้สารฆ่าเชื้อ และเมื่อยังไม่ได้ใช้ก็ควรเก็บในที่ไม่ร้อน ไม่โดนแดดจัด และไม่เก็บในลักษะที่มีการกดทับ เช่น ในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง

ข้อดี
1. หาซื้อง่าย หากปฏิบัติถูกต้องจะมีประสิทธิภาพสูง
2. ช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
3. ให้โอกาสฝ่ายชายเป็นผู้คุมกำเนิด
4. ไม่รบกวนภาวะการเจริญพันธ์ หรือประจำเดือน
5. อาจช่วยป้องกันมะเร็งปากมดลูก

ข้อเสียและข้อควรระวัง
1. อาจเกิดอาการแพ้ ลื่นหลุด หรือฉีกขาดโดยเฉพาะหากฉีกซองถุงยางอนามัยโดยไม่ระวัง หรือถุงยางหมดอายุ
2. ทำให้ขั้นตอนการมีเพศสัมพันธ์ไม่ต่อเนื่อง ไม่เป็นธรรมชาติ
3. เมื่อเสร็จกิจฝ่ายชายต้องรีบถอนอวัยวะเพศออกและต้องถอดถุงยางด้วยความระมัดระวัง มิฉนั้นน้ำอสุจิอาจเปรอะเปลื้อน

ผู้ที่ควรใช้ 
1. คู่หญิง-ชาย ที่มีเพศสัมพันธ์นานๆครั้ง
2. วัยรุ่น หรือผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
3. กรณีที่ไม่แน่ใจว่าตั้งครรภ์อยู่หรือไม่ หรือรอเพื่อเริ่มต้นคุมกำเนิดวิธีอื่น

ความสะดวก
1. ราคาถูกสามารถหาซื้อง่ายตามร้านทั่วไป โดยไม่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์
2. แพทย์และเภสัชกรสามารถให้คำปรึกษาได้

ผลการคุมกำเนิด
           1. ผู้ปฏิบัติถูกต้อง 98%
           2. ผู้ใช้โดยทั่วไปเฉลี่ย 88%

ปัญหาที่พบได้บ่อยเกี่ยวกับการใช้ถุงยางอนามัยที่ไม่ถูกต้อง

1.ใช้สารหล่อลื่นไม่ถูกต้อง ทำให้ถุงยางแตกหรือลื่นหลุด  
2.ไม่ใช้ถุงยางอนามัยใหม่แกะกล่อง  
3.ใช้ถุงยางเพียงครั้งแรกเท่านั้น เมื่อมีเพศสัมพันธ์ต่อไปไม่ได้ใช้ถุงยาง  
4.ใช้ถุงยางอนามัยที่เสื่อมสภาพอย่างเห็นได้ชัด  
5.มึนเมาสุราหรือสารเสพติด จึงตัดสินใจถอดถุงยางทิ้งกลางคัน  
6.แกะถุงยางอนามัยออกมาเล่นก่อนมีเพศสัมพันธ์  
7.ใส่ถุงยางผิดด้านแล้วนำกลับมาใช้ใหม่  
8.สำหรับผู้ที่ไม่ได้ขลิบปลายอวัยวะเพศ ต้องดึงหนังหุ้มรูดให้สุดเสียก่อน

ประเด็นคำถาม 
          1.ความหมายของคำว่า "Condom" สอดคล้องกับลักษณะการใช้งานของถุงยางอนามัยอย่างไร   ( ตอบโดยสรุป  สั้นแต่ได้ใจความสมบูรณ์ ส่งทาง e-mail ที่ครูกำหนดให้แต่ละห้อง)
          2. การกำหนดตามมาตรฐานขององค์การกำหนดมาตรฐานระหว่างประเทศ (ISO) ถุงยางอนามัยต้องมีความยาวไม่น้อยกว่ากี่มิลเมตร  
         3. เหตุใดจึงห้ามใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นที่มีน้ำมันเป็นตัวละลาย เช่น  น้ำมันทาผิว เบบี้ออยส์ วาสลีน โลชั่น

กิจกรรมเสนอแนะ 
          จัดป้ายนิเทศเกี่ยวกับวิวัฒนาการของถุงยางอนามัย

การบูรณาการกับกลุ่มสาระอื่น  
        1. กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ : คุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ของสารหล่อลื่นที่มีน้ำมันเป็นตัวละลาย เช่น  น้ำมันทาผิว เบบี้ออยส์ วาสลีน โลชั่น   
        2. กลุ่มสาระภาษาไทย: การคิดวิเคราะห์ความหมายของคำ  
        3. กลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ : รากศัพท์ของคำที่เกี่ยวข้อง 
        4. กลุ่มสาระศิลปศึกษา : หลักการจัดป้ายนิเทศ / นิทรรศการ
 
 
ที่มาข้อมูล
 
www.th.wikipedia.org/
www.lovecondom.com
www.dek-d.com
www.thaisexyclub.com
www.condomthai.com/  
www.womenmthai.com
Credit: http://theman.bloggang.com
11 ก.ค. 56 เวลา 13:51 13,354 1 30
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...