เมื่อวันที่ 10 ก.ค. เฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของ "ข้าวตราฉัตร" (KhaoTraChat) โพสต์ข้อความระบุว่า จากกรณี คุณสุทธิพงศ์ ธรรมวุฒิ พิธีกรผู้ดำเนินรายการคนค้นฅน และผู้บริหารทีวีบูรพา ได้แชร์ข้อความลงในเฟสบุ๊คชื่อ Sutthipong Thamawuit เกี่ยวกับการซื้อข้าวจากโรงสีข้าวและห้ามซื้อข้าวหอมปทุมธานี ข้าวเสาให้ รวมถึงข้าวตราฉัตร ซึ่งปัจจุบันข้อความนี้ได้ลบออกไปแล้วนั้น ในการนี้ข้าวตราฉัตรขอขอบคุณ คุณธรรมวุฒิที่ได้แสดงความคิดเห็นและทีมงานข้าวตราฉัตรขอชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้
บริษัทซี.พี.อินเตอร์เทรดจำกัดดำเนินการบริหารงานภายใต้ระบบมาตรฐานคุณภาพสากล อาทิ ระบบบริหารงานคุณภาพ( ISO9001 :2008) , ระบบการดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร (GMP) ตลอดจนมีระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤติที่ต้องควบคุม (HACCP) เพื่อให้ได้มาซึ่งข้าวตราฉัตรที่มีคุณภาพ สะอาดและความปลอดภัย ภายใต้มาตรฐานสินค้าที่ยอมรับไปทั่วโลก
ข้าวตราฉัตร ได้ดำเนินการตรวจสอบคุณภาพสินค้าตั้งแต่แหล่งวัตถุดิบ ที่คัดเลือกจากแหล่งเพาะปลูกที่มีคุณภาพและปลอดภัย ไม่มีการปนเปื้อนของสารตกค้างต่างๆ โดยข้าวตราฉัตรได้ใส่ใจและคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคซึ่งเราได้สุ่มตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปทางด้านต่างๆเป็นประจำทุกปีอาทิเช่นตรวจสารตกค้างจากยาฆ่าแมลง (Pesticide), ตรวจสารตกค้างจากการรมยา, ตรวจโลหะหนัก (Heavy metal) และตรวจเชื้อจุลินทรีย์รวมทั้งสารพิษจากเชื้อราที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อการบริโภค (Microbiological and Toxin) ซึ่งผลการตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปของข้าวตราฉัตรในแต่ละปี จะเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพอ้างอิงตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข และมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ
ทั้งนี้ ข้าวตราฉัตรเป็นข้าวสารบรรจุถุงเพียงยี่ห้อเดียวของเมืองไทย ที่การันตรีคุณภาพของสินค้า เปลี่ยนคืนให้ทันที หากผู้บริโภคไม่พึงพอใจ
นอกจากนี้หากผู้บริโภคท่านใดสนใจเข้าเยี่ยมชมกระบวนการผลิตทางข้าวตราฉัตรมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการอำนวยความสะดวกโดยมาเป็นกลุ่มซึ่งสามารถติดต่อได้ที่หน่วยงานบริหารความพึงพอใจ โทร 02 646 7200 หรือ www.cpthairice.com
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบความเห็นในเฟซบุ๊กและเว็บบอร์ดต่างๆ พบว่า มีประชาชนบางกลุ่มตั้งข้อสังเกตถึงการออกมากล่าวหาข้าวยี่ห้อต่างๆ ของ นายสุทธิพงศ์ พิธีกรคนค้นฅน เพราะบริษัททีวีบูรพาของนายสุทธิพงศ์ ก็ทำข้าวบรรจุถุงออกขายเช่นกัน
ขณะที่พิธีกรคนดัง นายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ให้สัมภาษณ์ "ข่าวสด" ถึงกรณีการโพสต์ข้อความในเฟสบุ๊กของตนเองชื่อ Suttipong Thamawuit ซึ่งมีเนื้อหาระบุถึงโรงสีข้าวที่มีสารพิษตกค้างและกำลังเตรียมส่งข้าวออกจำหน่าย รวมถึงการห้ามซื้อและรับประทานข้าวบางยี่ห้อ ก่อนจะตัดสินใจลบข้อความดังกล่าวไป ว่า ตนได้ข้อมูลดังกล่าวมาจากการแชร์ในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คทั่วไป และเห็นมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่เห็นความเคลื่อนไหวหรือไม่มีใครทำให้ปรากฎเพื่อที่จะมีการรู้เท่าทันแก้ไขได้ และตนเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้บริโภค จึงได้ตัดสินใจโพสต์ เพราะตนยืนยันว่ามีเจตนาเป็นห่วงสุขภาพของคนไทย แต่เมื่อโพสต์ไปแล้วมีการตั้งคำถามและโจมตีตนมากมายว่าพิสูจน์ความจริงได้อย่างไร ตนกลับมาคิดทบทวนจึงรู้ว่าระวังน้อยไปหน่อย ยอมรับว่าผิดพลาดที่มือไวในการโพสต์และได้ตัดสินใจลบไปแล้ว
นายสุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า การตรวจสอบเรื่องข้าวนั้นสื่อมวลชนย่อมทราบดีว่าที่ผ่านมา เรื่องข้าวมีสารพิษตกค้างรับรู้กันอย่างกว้างขวาง และตนก็สนับสนุนให้มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง ซึ่งไม่ใช่การโจมตีรัฐบาลเรื่องนโยบายจำนำข้าว เพียงแต่ตนพูดในฐานะที่เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของคนไทยเท่านั้น เพราะถ้ามีข้าวที่มีสารพิษจริง ไม่ต่างอะไรกับการวางยาพิษหมู่คนไทย ตนพูดอย่างคนมีจิตบริสุทธิ์ และไม่เคยสังฆกรรมกับความเห็นที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างสิ้นเชิง ส่วนจะให้ตนพูดถึงทางออกของปัญหานโยบายข้าวที่รัฐบาลปัจจุบันดำเนินการอยู่นี้ ตนไม่สามารถพูดได้ เพราะเป็นเรื่องที่ใหญ่เกินไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้าวคุณธรรม ที่ดำเนินการโดย บริษัท ทีวีบูรพา จำกัด มีเจตนาอย่างไร นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า โครงการข้าวคุณธรรม หรือในชื่อเครือข่ายฅนกินข้าวเกื้อกูลชาวนา เริ่มมาได้ 5 ปี มีเจตนาที่จะให้คนกินข้าวกับชาวนาผู้ปลูกข้าวได้เห็นถึงความสัมพันธ์ต่อกันและกัน ผู้บริโภคห่วงสุขภาพอยากกินข้าวที่ปลอดภัยไร้สารพิษ ส่วนชาวนาปลูกข้าวเริ่มตั้งแต่คัดแยกเมล็ดพันธุ์ มีถึง 100 กว่าสายพันธุ์ ปลูกเอง เกี่ยวข้าวและสีเอง เคารพผืนดินเคารพผู้บริโภค ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง เครือข่ายชาวนาดังกล่าวเป็นเครือข่ายเล็กๆ ประมาณ 100 ครอบครัว
เมื่อถามว่า การโพสต์ข้อความเรื่องข้าวมีสารพิษ เพราะอยากให้ข้าวคุณธรรมขายได้หรือไม่ ผู้ดำเนินรายการคนค้นฅน กล่าวว่า ข้าวคุณธรรมเป็นโมเดลที่เล็กเกินกว่าจะไปเปรียบเทียบกับข้าวกระแสหลัก ไม่ใช่การดิสเครดิตข้าวยี่ห่ออื่นๆ ที่ผ่านมาเราผลิตได้เฉลี่ยปีละ 40-50 ตัน ซึ่งนับว่าเป็นมูลค่าที่น้อยมาก และไม่สามารถพึ่งพาการผลิตแบบข้าวทั่วไปได้ อีกทั้งไม่ใช่ว่าคนทั่วไปจะได้กินข้าวคุณธรรมในราคาตามท้องตลาด เพราะเราขายแพงกว่าปกติ แม้จะไม่ได้กำไรเป็นเงินมาก แต่เครือข่ายเราภาคภูมิใจและมีความสุขที่ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคมีสุขภาพดี ตนย้ำเสมอว่าเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าที่เคร่งครัด สิ่งใดที่เบียดเบียนผู้อื่นหรือสังคมตนไม่ทำ
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก ข่าวสดออนไลน์