คางคกจิ๋ว ภาพจากหนังสือพิมพ์จังหวัดโด่งนาย -- พระเอกตัวใหม่ของป่าสงวนแห่งชาติก๊าตเตียน ได้กลายเป็นสินค้าที่ต้องการมากในต่างประเทศ ราษฎรในพื้นที่พบ รู้จักและออกค้นหาในป่ามานานแล้วเพื่อขาย แต่นักวิทยาศาสตร์เพิ่งจะพบและออกเรียกร้องให้คางคกจิ๋ว (Theloderma corticale) พันธุ์นี้ต้องได้รับการคุ้มครองตรามกฎหมาย
คางคกจิ๋วเป็นสัตว์ประหลาดตัวใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อนที่ใดในโลก ด้วยรูปลักษณ์ที่ราวกับว่ารอดชีวิตมาจากยุคจูราสสิกเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้ว ได้ทำให้มันกลายเป็นสินค้าที่พวกนักค้าสัตว์ป่าต้องการมาก หนังสือพิมพ์ออนไลน์ภาษาเวียดนามรายงานในสัปดาห์นี้
คางคกชนิดนี้ที่มีขนาดเท่าๆ กับหัวนิ้วโป้งของผู้ใหญ่ มีเท้าเล็กๆ เหนียวหนึบคล้ายกับเท้าของตัวปาด ผิวหนังที่ขุขระและเต็มไปด้วยปุ่มของมันทำให้ดูราวเป็นเกราะแข็งแกร่ง คล้ายกับไดโนเสาร์พันธุ์กินพืชชนิดหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์เวียดนามค้นพบคางคกจิ๋วในป่าสงวนแห่งชาติ จ.โด่งนาย ทางตอนเหนือของนครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นป่าดิบผืนเดียวกับที่เคยมีแรดนอเดียวพันธุ์ชวาอาศัยอยู่และเชื่อกันว่า ตัวสุดท้ายถูกพรานป่ายิงตายเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
ราษฎรในท้องถิ่นเรียกมันว่า คางคกตะไคร่น้ำ พวกนี้จะพรางตัวด้วยสีสันที่กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม และมักจะซุกตัวจิ๋วๆ ของมันอยู่ในต้นกาฝาก หรือพวกตะไคร่ หรือหญ้าที่ปกคลุมตามง่ามไม้ที่มีความชุ่มชื้น หลายคนจึงเรียกมันว่า “คางคกต้นไม้” และดูจะไม่มีวิธีป้องกันตัวเองอย่างอื่น
เวียดนามจัดให้คางคกจิ๋ว (Theloderma corticale) ตัวนี้เป็นสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ และเป็น 1 ใน 10 ชนิดสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์กำลังเร่งศึกษาการพฤติกรรม การสืบพันธุ์ รวมทั้งการดำรงชีวิตของพวกมัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่านักวิทยาศาสตร์จะพบเพียงไม่กี่ตัวในเขตป่าสงวนแห่งชาติก๊าตเตียน แต่ราษฎรในพื้นที่รู้จักคางคกชนิดนี้มานานแล้ว และในปัจจุบัน ได้กลายเป็นสินค้าที่มีราคาแพง จะมีพ่อค้าออกรับซื้อในราคาดีมาก คือ ตัวละ 45-75 ดอลลาร์เพื่อส่งออก
ลูกค้าในญี่ปุ่นกับยุโรปนิยมซื้อหาไปเป็นสัตว์เลี้ยง และจะจ่ายให้พ่อค้าในราคาตัวละหลายร้อยดอลลาร์ เหงือยเดือติน (Nguoi Dua Tin) หนังสือพิมพ์ออนไลน์ภาษาเวียดนามรายงาน
คางคกจิ๋วก็เหมือนกับสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำพวกกบทั่วไปที่ออกไข่ในแหล่งน้ำ ฟักเป็นตัวอ่อน หรือลูกอ๊อด ก่อนจะขึ้นบกเมื่อเจริญเติบโต เพียงแต่ว่าคางคกจิ๋วออกไข่ตามโพรงไม้ที่มีน้ำขัง กินแมลงตัวเล็กๆ เป็นอาหาร และนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่ายังไม่เคบพบ “กบ” (คางคกจิ๋ว) พวกนี้บนพื้นดินทั่วไป ซึ่งเป็นอันตรายสำหรับพวกมัน
หนังสือพิมพ์ออนไลน์ฉบับนี้รายงานว่า มีพ่อค้าสัตว์ป่านำคางคกประหลาดพันธุ์นี้ไปเลี้ยง และสามารถเพาะพันธุ์ได้ด้วยวิธีเดียวกับพวกตัวปาดต้นไม้ทั่วไป และสามารถเลี้ยงขุนให้มีตัวโตกว่าญาติๆ ที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติได้
ในด้านดีก็คือ การขยายพันธุ์ได้ในฟาร์มให้หลักประกันว่าพวกมันจะไม่สูญพันธุ์ แต่ถึงกระนั้นสัตว์ประหลาดหายากชนิดนี้ก็ควรจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย เหงือยเดือติน “กฎหมายกับชีวิตประจำวัน” กล่าว