เจ้าคณะ จ.ศรีสะเกษ ระบุ หลวงปู่เณรคำ พ้นจากความเป็นพระแล้ว นับตั้งแต่มีการเสพเมถุน ขณะที่ ดีเอสไอ เตรียมลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี 9 ก.ค. นี้
วันนี้ (8 ก.ค. 56) เมื่อเวลา 09.00 น. พระครูวิสุทธิญาณ เจ้าคณะ จ.ศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุติ เปิดเผยว่า จากการที่ได้รับเอกสารสรุปผลการสอบสวนของผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว ภายหลังได้หารือร่วมกันจึงมีความเห็นว่า หากหลวงปู่เณรคำ มีการเสพเมถุนและมีลูก 1 คนตามที่มีการสอบสวนของดีเอสไอ ก็ถือว่าหลวงปู่เณรคำ ขาดจากความเป็นพระนับตั้งแต่มีการเสพเมถุนแล้ว ซึ่งเรื่องนี้หลวงปู่เณรคำ จะต้องรู้แก่ใจและควรที่จะออกมาพบกรรมการสอบสวน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าวที่เกิดขึ้น
ขณะที่ พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า จากการที่ไปสอบสวนในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี มีหลักฐานชัดเจนว่าหลวงปู่เณรคำ เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 และมาตรา 317 วรรค 3 ซึ่งเป็นการกระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี และพรากผู้เยาว์ ซึ่งจะได้มอบสำนวนคดีให้กับตำรวจท้องที่ที่รับผิดชอบดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และจากการที่ตัวเองนำเรื่องที่พยานได้บอกว่า หลวงปู่เณรคำ เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ขณะนี้ได้นำเรื่องไปหารือกับ พล.ต.อ.พงศพัศ พงเจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส. แล้ว ซี่ง ป.ป.ส.ได้รับเรื่องนี้ไว้ดำเนินการ
ทั้งนี้ ในวันที่ 9 ก.ค.56 ดีเอสไอ พร้อมด้วย ป.ป.ง. กองปรามปราม และกองพิสูจน์หลักฐาน จะลงมาพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี เพื่อตรวจดีเอ็นเอของพยานที่อ้างว่า เป็นเมียและลูกของหลวงปู่เณรคำ รวมทั้งจะได้มีการตรวจเรื่องการรับเงินบริจาคและสถานะทางการเงิน พร้อมเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ทั้งหมดด้วย