กินเห็ดสามอย่าง ช่วยล้างสารพิษในร่างกาย
เห็ด เป็นอาหารประเภทผักที่ปราศจากไขมัน มีปริมาณน้ำตาลและเกลือค่อนข้างต่ำ ทั้งยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น กรดอะมิโนกลูตามิค ที่ช่วยกระตุ้นประสาทการรับรู้รสอาหารของลิ้นให้ไวกว่าปกติ และทำให้เห็ดมีรสชาติคล้ายกับเนื้อสัตว์ วิตามิน โดยเฉพาะวิตามินบีรวม (ไรโบฟลาวิน) และไนอาซิน ซึ่งจะช่วยควบคุมการทำงานของระบบย่อยอาหาร เกลือแร่ เช่น ซิลิเนียม ทำหน้าที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งและโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน โพแทสเซียม ทำหน้าที่ควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ รักษาสมดุลของน้ำ ในร่างกาย ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาทต่างๆ ทั้งยังลดความเสี่ยงในการเกิดโรคความดันโลหิตสูง อัมพฤกษ์ และอัมพาต รวมถึง ทองแดง ที่ช่วย เสริมสร้างการทำงานของธาตุเหล็ก
นอกจากนี้เห็ดยังมีองค์ประกอบของพฤกษเคมีที่สำคัญชื่อว่า "โพลีแซคคาไรด์" (Polysaccharide) ที่จะทำงานร่วมกับแมคโครฟากจ์ (macrophage) ซึ่งเป็นเซลล์คุ้มกันขนาดใหญ่ที่ออกจาก หลอดเลือดเข้าสู่เนื้อเยื่อ เมื่อไปรวมกับโพลีแซคคาไรด์ที่บริเวณกระเพาะอาหารและนำส่งไปยังเซลล์ หลอดเลือดเข้าสู่เนื้อเยื่อ เมื่อไปรวมกับโพลีแซคคาไรด์ที่บริเวณกระเพาะอาหารและนำส่งไปยังเซลล์ คุ้มกันตัวอื่นๆ จะช่วยกระตุ้นวงจรการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ในร่างกาย เพิ่มปริมาณและประสิทธิภาพของเซลล์คุ้มกันธรรมชาติให้ทำหน้าที่ทำลายเซลล์แปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย รวมถึงไวรัสและแบคทีเรียอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเห็ดที่มีปริมาณ สารโพลีแซคคาไรด์สูงก็ได้แก่ เห็ดหอมหรือเห็ดชิตาเกะ เห็ดนางรม เห็ดหูช้าง และเห็ดกระดุม เป็นต้น
นอกจากคุณค่าทางสารอาหารแล้ว เห็ดยังมีสรรพคุณทางยาใช้รักษาโรคต่างๆ ได้มากมาย เช่น ช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะสำคัญต่างๆ เช่น สมอง หัวใจ ปอด ตับ และระบบไหลเวียนของโลหิต ชาวจีนถึงขั้นจัดเห็ดเป็นยาเย็น เพราะมีสรรพคุณครอบจักรวาลที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าเห็ดสามารถช่วยลดไข้ เพิ่มพลังชีวิต ดับร้อนใน แก้ช้ำใน บำรุงร่างกาย ลดระดับน้ำตาลและคอเลสเตอรอลในหลอดเลือด ลดความดัน ขับปัสสาวะ คลายหงุดหงิด บำรุงเซลล์ประสาท รักษาอาการอัลไซเมอร์ และที่สำคัญยังยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย
เห็ดสามอย่าง คือเห็ด 3 ชนิด หรือ 3 ชนิดขึ้นไป จะเป็นเห็ดสดหรือเห็ดแห้งก็ได้ นำมาปรุงอาหารแล้วกินทั้งเนื้อเห็ด และน้ำต้มเห็ด
ประโยชน์ของเห็ดสามอย่างเมื่อนำมารวมกันปรุงอาหาร
- ล้างสารพิษที่ตกค้างในตับ ช่วยบำรุงตับ
- ลดอนุมูลอิสระที่จะเกิดขึ้นเป็นเซลล์มะเร็ง
เห็ดชนิดเดียว ประโยชน์ยังไม่มากเท่ากับเห็ด 3 อย่างมารวมกัน หรือ 3 อย่างขึ้นไป เห็ดที่นำมาใช้คือ เห็ดที่กินได้ เช่น เห็ดหูหนูดำ เห็ดหูหนูขาว เห็ดหอม เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดโคน เห็ดเข็มทอง ล้างน้ำให้สะอาดก่อนปรุงอาหาร
โปรตีนในเห็ด 3 อย่าง เมื่อนำมารวมกันประกอบอาหารแล้วจะได้โปรตีนจากเห็ด ที่ร่างกายดูดซึมไปใช้งานได้ง่ายที่สุด ง่ายกว่าเนื้อสัตว์ โปรตีนจากเห็ดจะไปสร้างกรดอะมิโน ที่บำรุงสมอง ปรับสมดุลของการสร้างเซลล์ฝใหม่ในร่างกาย ต้านการเกิดมะเร็ง ขจัดสารพิษ แต่ถ้าคนที่เป็นมะเร็งแล้ว กินได้แต่อย่าคิดหวังอะไร ควรไปให้แพทย์รักษาดีที่สุด อาหารตัวอื่นที่ต้านอนุมูลอิสระได้ดีก็มีมากมาย เช่น กระเจี๊ยบเขียว ลูกหม่อน ผัก และผักผลไม้ ที่ควรกินป้องกันไว้
น้ำต้มเห็ด 3 อย่าง ใช้ทำเป็นน้ำซุปปรุงอาหารก็ได้ แต่ไม่ควรนำเห็ด 3 อย่างไปผัดน้ำมัน ถ้าจะผัดควรใช้กะทิผัดแทนน้ำมันเพราะกะทิเป็นไขมันที่ละลายน้ำได้ และกะทิที่มีโคเลสเตอรอลฝ่ายดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย
ตัวอย่างวิธีปรุงเห็ด 3 อย่าง เพื่อสรรพคุณเป็นอาหารบำรุงตับ
เครื่องปรุง
เห็ดหอม + เห็ดหูหนูขาว + เห็ดหูหนูดำ (แห้ง) หรือ
เห็ดฟาง + เห็ดนางฟ้า + เห็ดเป๋าฮื้อ (สด) + มะตูมแห้ง
วิธีทำ
นำเห็ดแห้ง 3 อย่าง แช่น้ำให้นิ่ม แล้วหั่น นำไปต้มรวมกันหรือนำเห็ดสด 3 อย่าง ล้างแล้วหั่นต้มรวมกัน ใส่น้ำเยอะ ๆ นำมะตูมแว่นมาปิ้งให้หอม แล้วต้มรวมกัน ดื่มแทนน้ำซุปได้ ส่วนเนื้อเห็ดนำไปผัด หรือ ยำ
ตับไม่แข็งแรงจะมีผลดังนี้
- อารมณ์ไม่ดี
- การสร้างเม็ดเลือดแดงจะไม่ดี
- ไทรอยด์อาจเป็นพิษได้
- ตัวผอมแต่พุงป่อง เนื่องจากตับมีปัญหา
- ช่วยบ้างสารพิษตกค้างในตับ ล้างไขมันในตับ
- สลายพังผืดในมดลูก
- ลดอนุมูลอิสระ ลดเซลล์มะเร็ง
- เพิ่มเม็ดโลหิตขาว ลดไขมันในเส้นเลือด
เห็ด แต่ละชนิดว่ามีคุณสมบัติอย่างไร และมีการนำส่วนไหนมาปรุงเป็นเมนูอาหารอร่อยกันบ้าง
เริ่มจาก
- เห็ดนางฟ้า ซึ่งเป็นเห็ดที่เราคุ้นเคยกันดีในหม้อต้มยำกุ้ง คุณสมบัติเด่นของเห็ดนางฟ้า จะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลดปริมาณน้ำตาลในเลือด ช่วยปรับสภาพความดันโลหิตและความเข้มข้นของไขมันในเลือด รับประทานโดยการเก็บดอกอ่อนๆ จะได้รสชาติเห็ดที่หอมหวาน กรุบๆ เนื้อไม่เหนียว จะนำไปปรุงเป็นต้มยำ ชุบแป้งทอด ผัดน้ำมันหอย หรือยำก็อร่อยได้คุณค่า
- เห็ดชิเมจิ ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น มีทั้งสีน้ำตาลและสีขาว โดยเห็ดชิเมจินี้ จะมีสารที่ช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ดีมาก ดังนั้นใครที่มีความเสี่ยงต่อเนื้อร้าย ก็ควรหาเมนูเห็ดชิเมจิมารับประทานเป็นประจำ โดยเลือกส่วนดอกและก้านนำไปผัดน้ำมันหอย หรือยำกับน้ำยำก็อร่อยและได้ประโยชน์
- เห็ดนางรม เป็นเห็ดชนิดที่คุ้นเคยกันดีในบ้านเรา โดยเห็ดนางรมนี้จะมีหลายพันธุ์ด้วยกัน อาทิ เห็ดนางรมดอย เห็ดนางรมทอง เห็ดนางรมหลวง และเห็ดนางรมฮังการี ซึ่งตั้งชื่อแตกต่างกันตามลักษณะและต้นกำเนิด คุณสมบัติเฉพาะของเห็ดนางรมคือ ช่วยลดการอักเสบ และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ดีเยี่ยม เรียกง่ายๆ ว่าเป็นอาหารที่ช่วยป้องกันและซ่อมแซมเวลาที่ร่างกายเจ็บป่วยนั่นเอง เมนูของเห็ดนางรมก็หลากหลาย จะนำไปปรุงในน้ำสุกี้หรือนำไปทำเป็นเมนูเห็ดนางรมอบวุ้นเส้น ก็ให้รสชาติความหอมและกรุบกรอบของเห็ดนางรมได้อย่างดี
ที่มา / นสพ.มติชน / นสพ.ไทยโพสต์