หลังจากที่มีข่าวออกมาเป็นระยะๆ ว่าทางกูเกิ้ลนั้นมีโปรเจ็กทำแก็ดเจ็ต (Gatget) ล้ำยุคออกมา คือ กูเกิลกลาสนั่นเอง โดยกูเกิลกลาสนี้จะเปรียบเสมือนลูกครึ่งแว่นตากับสมาร์ทโฟน ออกมา ทำให้หลายๆ คนที่เป็นสาวกนั้นก็คอยติดตามอย่างใจจดใจจ่อเลยทีเดียว และเป็นที่สงสัยอย่างยิ่งเพราะ นักวิจัยสหรัฐฯ พบว่า กูเกิลกลาส คล้ายแบบจำลองแว่นตาอัจฉริยะของลีโอนาโอ ดาวินชี เอ๊ะๆ เรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต้องตาม teen.mthai ไปดูกันคะ ^^
เซอร์เกย์ บริน (ผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิล) บอกเหตุผลที่กูเกิลคิดทำ กูเกิลกลาส คือ การที่ผู้คนสมัยนี้ใช้ชีวิตผูกกับโทรศัพท์มาก ในขณะที่ใช้โทรศัพท์ มือหนึ่งก็ต้องถือ ตาก็ต้องก้มดู กูเกิลจึงคิด ถึงอุปกรณ์ที่สามารถทำให้มนุษย์ยังคงสามารถรับรู้สิ่งต่าง ๆ บนโลกผ่านการมองเห็นด้วยดวงตาไปพร้อม ๆ กับการรับรู้ข้อมูลและสั่งการอุปกรณ์ไฮเทคของตัวเองได้
Glass Explorer หรือผู้ทดลองใช้กูเกิลกลาสส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า กูเกิลกลาส ทำให้การใช้งานอินเทอร์เนต มือถือ และกล้องง่ายขึ้นแบบ no hand แต่ในขณะเดียวกัน เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยขนาดนี้ก็ทำให้ผู้ใช้ล้ำเส้นไปละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนรอบข้างได้ง่ายๆ เช่นการแอบบันทึกภาพคนอื่นอย่างแนบเนียน หรือการพูดโทรศัพท์และสั่งการกลาสเสียงดังโดยไม่สนว่าจะรบกวนคนข้างๆ (อืม .. อันนี้น่าคิด)
กูเกิลกลาส สามารถทำอะไรได้บ้าง?ถ่ายภาพนิ่ง, ถ่ายวิดีโอ, สั่งค้นหาด้วยเสียง, วิดีโอคอล และสั่งแปลภาษา, หน้าจอแสดงผลคมชัดเทียบเท่าจอ HD ขนาด 25 นิ้ว จากระยะการมองเห็น 8 ฟุต ความละเอียดของกล้องในการถ่ายภาพ 5 ล้านพิกเซล และบันทึกวิดีโอระดับ HD 720p มาพร้อมกับหน่วยความจำภายในตัวขนาด 16GB (ซึ่งใช้ได้จริง 12GB) โดยที่สามารถซิงก์ได้กับ Google cloud storage ด้วย ส่วนตัวแบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 1 วันเต็ม ๆ หากไม่ใช้งานแอพพลิเคชั่นที่เปลืองแบตฯ หรือถ่ายวิดีโอ, รองรับการทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนทุกรุ่นที่มี Bluetooth เป็นต้น
คู่มือการใช้กูเกิลกลาส1. ข้อแรกคือจงจำไว้เสมอว่าคุณมีกล้องติดอยู่บนใบหน้า เพราะฉะนั้นไม่แปลกอะไรที่ทุกคนจะมองคุณด้วยสายตาหวาดระแวง เพราะไม่รู้ว่าจะถูกแบบบันทึกภาพหรือไม่ เมื่อไหร่ และด้วยเหตุนี้ คุณจึงควรถอดกลาสทุกครั้งที่อยู่ในสถานที่ที่ไม่ควรมีการถ่ายภาพ เช่นห้องน้ำ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า โรงหนัง และห้องประชุม
2. อย่าใช้ กูเกิลกลาส แบบพร่ำเพรื่อมากเกินไป เนื่องจาก กูเกิลกลาส เป็นแก็ดเจ็ตที่ดึงดูดสาตาอยู่แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรโดดเด่นเพิ่มเติมเข้าไปอีก เช่นการสั่งการกลาสด้วยเสียงตลอดเวลา หรือการใช้กลาสโทรศัพท์ ซึ่งทำให้คุณดูเหมือนเดินพูดคนเดียว ไม่ต่างจากการใช้บลูทูธ ที่สำคัญ ไม่ควรจะใส่กลาสตลอดเวลา เพราะนอกจากจะทำให้คุณดูเป็นคนบ้าเทคโนโลยีมากเกินไป ยังไม่มีใครชอบที่คนที่เขาคุยด้วยจะเหลือบมองไปที่ด้านขวาบนของตัวเองทุกๆ 10 วินาที
3. กฎข้อสุดท้ายที่ฟังดูไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย ก็คือจงอย่าถ่ายรูปหรือบันทึกภาพอะไรที่ไม่สมควรด้วยกูเกิลกลาส เพราะหากมีคลิปหรือภาพที่หลุดไปอยู่ในอินเทอร์เนต ซึ่งชัดเจนว่าถ่ายจากกลาส แล้วเป็นภาพที่ไม่สมควรอย่างการแอบถ่ายผู้หญิงโป๊ คุณจะกลายเป็นคนที่ทำให้ภาพลักษณ์ของกลาส และผู้ใช้กลาสทั่วโลกเสียทันที เพราะไม่มีใครคาดเดาได้ว่าผู้สวมใส่กลาสคนไหนจะมีมารยาทมากพอที่จะไม่ถ่ายภาพแย่ๆ เหล่านี้
โดยใช้คำว่า dont be a glass hole ซึ่งเป็นคำที่ออกมาล้อเลียนคำด่าที่ว่า ass hole นั่นเอง ในวิดีโอ ชุดนี้ ก็ระบุว่า ห้ามผู้ใช้ นำแว่นวีดีโอตัวนี้ ไปใช้ในหลายๆสถานที่ เช่น โรงหนัง ผับ บาร์ บาร์เต้นระบำเปลือย คาสิโน เพราะการที่แว่นอัจฉริยะตัวนี้สามารถบันทึกภาพและวิดีโอได้ อาจไปล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวของบุคคลอื่นๆ เพื่อนๆ สามารภไปเปิดดูกันได้เลยนะคะ
เวลาจะสั่งให้มีการถ่ายภาพนิ่ง หรือวิดีโอ รวมถึงยังสามารถแชร์สิ่งที่เราได้เห็นและบันทึกเอาไว้ ไปยังคนใกล้ชิดได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่สั่งงานด้วยเสียงเท่านั้น ขณะเดียวกัน การวิดีโอแชทผ่านโปรแกรมสไกป์ รวมถึงการรายงานสภาพอากาศ และเส้นทางซึ่งมีความแม่นยำมากขึ้น และเห็นเส้นทางได้ชัดกว่าเดิม ก็เป็นอีกหนึ่งความพิเศษ ที่มาพร้อมกับกูเกิล กลาสแบบใหม่นี้อีกด้วย