โพสต์ทูเดย์ 22 มิถุนายน 2556
photo credit : utne.com

งานวิจัยมหาวิทยาลัยโทรอนโตระบุผู้ชื่นชอบการอ่านนิยายมักมีความคิดสร้างสรรค์-ยืดหยุ่นมากกว่าคนทั่วไป

ว่ากันว่า ผู้ที่รักการอ่านมักมีความรู้และความคิดกว่าผู้ที่ไม่ชื่นชอบการอ่าน ล่าสุด งานวิจัยของมหาวิทยาลัยโทรอนโต ในสหรัฐ ก็ตอกย้ำข้อเท็จจริงดังกล่าว โดยเปิดเผยว่า ผู้ที่ชื่นชอบการอ่านหนังสือประเภทวรรณกรรม มักจะมีความคิดสร้างสรรค์และความยืดหยุ่นทางความคิดมากกว่าคนทั่วไป

ศาสตราจารย์ มาจา จิคิช หัวหน้าคณะวิจัย อธิบายว่า ผู้ที่เพิ่งอ่านเรื่องสั้นจบ จะมีสภาวะ "การปิดกั้นการรับรู้" ที่ต่ำกว่าคนทั่วไป และจะตอบโต้กับความไม่แน่นอนและไร้ระเบียบได้ดีกว่า

จิคิช อธิบายต่อว่า ความหมายของ "การปิดกั้นการรับรู้" ในทางจิตวิทยา คือ ความต้องการของมนุษย์ที่จะกำจัดความคลุมเครือจากข้อมูลที่มีอยู่มากมาย และเร่งสู่บทสรุป ซึ่งทำให้บางครั้งแลดูไร้เหตุผล หรือกล่าวให้เข้าใจโดยง่าย คือ การเร่งตัดสินใจโดยไม่ได้ไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนนั่นเอง

ในการทดลองได้แบ่งคนออกเป็น 2 กลุ่ม

โดยให้กลุ่มแรกอ่านเรียงความ ส่วนกลุ่มที่สอง ให้อ่านเรื่องสั้น จากนักเขียนที่มีชื่อเสียงทัดเทียมกัน จากนั้น ผู้เข้าร่วมทดลองจะต้องตอบว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยต่อคำกล่าว อาทิ "ฉันไม่ชอบสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน" เป็นต้น

ผลปรากฏว่า กลุ่มผู้ที่ได้รับการอ่านเรื่องสั้นได้คะแนนน้อยกว่ากลุ่มผู้ที่ได้รับการอ่านเรียงความ ซึ่งหมายความว่า กลุ่มที่สองมีความต้องการความแน่นอนต่ำกว่านั่นเอง

นอกจากนี้ ผลการตอบแบบสอบถามของผู้ที่อ่านวรรณกรรมเป็นประจำยังสอดคล้องกับผลการทดลองนี้อีกด้วย คณะผู้วิจัยให้คำอธิบายว่า ผู้ที่อ่านวรรณกรรมต้องซึมซับข้อมูลที่ผู้เขียนค่อยๆ เปิดเผยทีละน้อย ทำให้ไม่เร่งรีบสู่การตัดสินใจ และนักอ่านต้องซึมซับความคิดความอ่านของตัวละครเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้อ่านมีสไตล์การคิดที่ต่างจากของตัวเอง ซึ่งนำไปสู่การมีความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย

เรียกได้ว่าผู้รักการอ่านนอกจากจะมีความคิดที่เปิดกว้างกว่าคนทั่วไปแล้ว ยังได้รับประสบการณ์การใช้ชีวิตจากตัวละครนับพันที่เคยอ่านอีกด้วย