7 สไนเปอร์ระดับโลก

 

สไนเปอร์...เป็นบุคคลประเภทที่เกิดมาเพื่อ "ทำลายเป้าหมาย" อย่างแม่นยำ

ชื่อของเขาคือ "สไนเปอร์" (Sniper) พวกเขาคือพลซุ่มยิงจากระยะไกลที่มี

ความแม่นยำสูงในระดับที่เรียกกันว่า "หนึ่งนัด หนึ่งชีวิต" เป็นหน่วยงานหนึ่ง

ในกองกำลังทหารและตำรวจ มีความสามารถสูงในเรื่องของการยิงปืนในระยะ

ไกลนอกจากมีความสามารถในการยิงปืนในระยะไกลแล้ว ยังต้องสามารถให้

ตัวเองอยู่รอดได้ในพื้นที่ต่างๆ เป็นระยะเวลานาน เช่นในป่า หรือในพื้นที่สิ่งก่อ

สร้าง หน้าที่ของพลซุ่มยิงคือ การวางวิถีกระสุนอย่างแม่นยำไปยังฝ่ายข้าศึก

ซึ่งทหารในหน่วยต่างๆไม่สามารถทำการยิงได้ คำว่า "Sniper" นั้นเป็นชื่อ

ของนกกระจอกในประเทศอินเดีย ตัวเล็กมีปากยาวและบินได้คล่องแคล่วรวดเร็ว

เมื่อสมัยที่อังกฤษยึดครองอินเดีย ทหารกลุ่มหนึ่งของอังกฤษชอบการแข่งขันยิง

นกชนิดนี้ ผู้ที่สามารถล่านกชนิดนี้ได้จะต้องมีการฝึกยิงปืนที่แม่นยำทหารกลุ่ม

อื่นๆจึงเรียกทหารกลุ่มนี้ว่า "สไปเนอร์" นี่เองจึงเป็นจุดกำเนิดตำนานเล่าขาน

ของ Spiner ในยุคต่อๆมา

 

สไนเปอร์ทั้ง 7 คนที่จะกล่าวถึงนี้บางคนอาจมีสถิติในการฆ่าไม่สูงปรี๊ดเหมือนกับ

สไนเปอร์ในสมัยก่อน แต่ด้วยความสามารถที่พวกเขาได้ปฏิบัติภารกิจนั้น ทำให้ได้

รับการยกย่องให้ติดอยู่ใน 7 อันดับสไนเปอร์ระดับโลก มารู้จักกับพวกเขากันค่ะ

 

 

อันดับ 7. พันจ่าตรี คาร์ลอส แฮ็ธค็อก (93 ศพ)

 

 

แฮ็ธค็อก เติบโตมาในรัฐอาคันซอ หัดยิงปืนตั้งแต่เด็ก และสมัครเข้าเป็นนาวิกโยธินเมื่ออายุ 17 ผลงานของเค้าคือสังหารทหารเวียดนามเหนือและทหารเวียดกงไป 93 ศพ และที่ยังยืนยันไม่ได้อีกประมาณ 200 ศพ แล้วถามว่ามันน่าแปลกตรงไหน? มันแปลกตรงที่ สไนเปอร์ทั่วไปจะหาที่ปลอดภัยจากข้าศึกในการซุ่มยิง แต่พี่แกคนนี้ ชอบเข้าไปปฏิบัติภารกิจในดงศัตรู

ยกตัวอย่างเช่น บุกเดี่ยว คลานฝ่าวงล้อมทหารและสุนัขเข้าไปยิงผู้บัญชาการเวียดนามเหนือนัดเดียวจอด หรืออีกเหตุการณ์หนึ่ง เค้ากับเพื่อนค่อยๆสอยทหารเวียดนามเหนือในค่ายจนหมดกองร้อยในเวลา 5 วัน หลังจากปลดประจำการ เค้าก็ได้ผันตัวเองมาเป็นครูฝึก โดยไม่รับเงินแม้แต่แดงเดียวให้กับนาวิกฯ ตำรวจ และหน่วย SWAT 

 

************************************

 

อันดับ 6. จ่าสิบเอก อเดลเบิร์ต วาลดรอน (109 ศพ)

 

 

สไนเปอร์เจ้าของสถิติสังหารสูงสุดตลอดกาลของสหรัฐ ไม่ค่อยมีการเปิดเผยเรื่องราวของเขามากนัก นอกจากจำนานที่บันทึกไว้ว่า วาลดรอนไม่เพียงแต่จะทำสถิติสูงเท่านั้น หากยังมีความรวดเร็วและแม่นยำเหนือมนุษย์ ดังที่ พันเอกไมเคิล แลนนิ่ง ผู้เคยเห็นฝีมือเฉียบขาดของวาลดรอนเขียนไว้ใน Inside the Crosshairs: Snipers in Vietnam ว่า 

 

“บ่ายวันหนึ่ง ขณะที่เราล่องเรือในแม่น้ำโขง สไนเปอร์ข้าศึกคนหนึ่งซุ่มยิงจากบนฝั่ง ในขณะที่ทหารคนอื่นๆ บนเรือต่างแตกตื่น จับต้นชนปลายไม่ถูกว่าศัตรูซ่อนอยู่ไหน วาลดรอนหยิบปืนขึ้นเล็งยิงเวียดกงคนนั้นตกจากยอดมะพร้าวด้วยกระสุนเพียงนัดเดียวจากระยะ 900 เมตร และยิงขณะอยู่บนเรือซึ่งเคลื่อนที่อีกด้วย นี่แหละฝีมือสไนเปอร์มือดีที่สุดของเรา” 

 

************************************

อันดับ 5. พลฯ บิลลี่ ซิง (201 ศพ)

 

 

วีรบุรุษแห่งออสเตรเลียคนนี้เป็นลูกครึ่งจีน-อังกฤษ เคยเป็นพรานล่าจิงโจ้และนักยิงปืนฝีมือเยี่ยมของท้องถิ่นก่อนสงคราม ต่อมาเขาสมัครเข้ารบในสังกัดกรมทหารม้าที่ 5 ของออสเตรเลีย สร้างชื่อเสียงโด่งดังในสมรภูมิกัลลิโปลี (1915-16) เมื่อซิงซุ่มยิงดับชีพทหารตุรกีเป็นว่าเล่น ฝ่ายตุรกีมีสไนเปอร์มือเยี่ยมเช่นกันผู้เป็นที่รู้จักในนาม  "อับดุลจอมอำมหิต"

อับดุลจึงถูกส่งมาเพื่อเก็บซิงให้ได้ และการดวลระหว่างสองสุดยอดสไนเปอร์จึงบังเกิด แม้อับดุลจะทำการบ้านศึกษาวิธีเคลื่อนไหวและการยิงของซิงมาอย่างดีแต่เมื่อถึงคราวเผชิญหน้ากันซิงกลับเป็นฝ่ายที่เห็นอับดุลก่อน เมื่ออับดุลยกปืนขึ้นประทับบ่า กระสุนนัดเดียวจากซิงก็พุ่งทะลุหว่างตาอับดุลพอดี ปิดตำนานสไนเปอร์มือ 1 ของตุรกีที่สร้างความหวาดผวาในหมู่ทหารออสเตรเลียมานานลงในวันนั้น เบ็ดเสร็จเฉพาะที่ตุรกี ซิงสังหารไป 201 ศพ 

ต่อมาซิงถูกส่งไปเป็นที่ปรึกษาหน่วยสไนเปอร์ของฝ่ายสัมพันธมิตรในยุโรป (เขาอาจทำสกอร์เพิ่มขึ้นในยุโรปอีกก็ได้ แต่ไม่มีการบันทึกไว้) เขาได้นับอิศริยาภรณ์ชั้นสูงของอังกฤษและเบลเยี่ยม กลายเป็นวีรบุรุษแห่งออสเตรเลีย แต่เมื่อสงครามยุติ ซิงก็ค่อยๆ ถูกลืม กลายเป็นแค่คนงานเหมืองผู้ยากไร้ และตายอย่างยากจนและเดียวดาย ด้วยวัยเพียง 57 ปี 

 

************************************

 

อันดับ 4. ร้อยเอก วาสิลี ไซเซฟ (242 ศพ)

 

 

เจ้าของฉายา "นักฆ่าหน้าหวาน" สร้างชื่อในสมรภูมิสตาลินกราดขณะที่รัสเซียกำลังย่ำแย่ จากเด็กหนุ่มแห่งเทือกเขาอูราล ได้ยิงปลิดชีพเยอรมันร่วงเป็นว่าเล่น สร้างความเสียขวัญและปั่นป่วนให้ศัตรูอย่างหนัก และได้รับแรงบันดาลในการนำไปสร้างเป็นหนังเรื่อง "Enemy At The Gates" ซึ่งมีฉากไคลแมกซ์ ตรงที่ดวลกับสไนเปอร์ชาวเยอรมัน "พันตรี เออร์วิน โคนิก"  ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนสไนเปอร์เยอรมัน แต่บางแหล่งก็บอกว่าพันตรีเยอรมันคนนี้ไม่มีจริง หากแต่ว่าเป็น "พันตรี ไฮนซ์ ธอร์วาลด์" แห่งหน่วย SS ต่างหาก 


อย่างไรก็ตาม หลังจากนักประวัติศาสตร์หลายรายตรวจสอบทั้งทางฝ่ายเยอรมันและรัสเซีย ไม่พบว่าเคยมีการส่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนสไนเปอร์ไปที่นั่น และไม่เคยมีพันตรีชื่อ โคนิก/ธอร์วาลด์ ในหน่วยสไนเปอร์ หลักฐานฝ่ายรัสเซียก็ไม่มีการบันทึกชัดเจน ดังนั้นตำนานการดวลสะท้านโลกครั้งนั้น น่าจะเป็นข่าวโปรโมตความสำเร็จของไซเซฟ โดยรัสเซียแน่นอน แม้ไซเซฟจะเคยฆ่าสไนเปอร์เยอรมันไป 11 ราย แต่ก็ไม่ใช่อาจารย์ใหญ่ หรือสไนเปอร์มือ 1 อย่างที่เข้าใจกัน 

 

************************************

 

อันดับ 3. พันตรี ลุดมิลา พาฟลิวเซงโก (309ศพ)

 

 

สไนเปอร์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ หนึ่งในสไนเปอร์หญิงกว่า 2,000 คนของโซเวียตในสงครามโลกครั้งที่ 2 (ซึ่งรอดมาได้เพียง 500 คนเท่านั้น) เมื่อเยอรมันบุกโซเวียตสาวตาคมชาวยูเครนผู้นี้ดร็อปเรียนปี 4 และอาสาเข้าร่วมรบทันที เพราะเธอเป็นนักยิงปืนผ่านการฝึกมาร่วม 10 ปี จึงถูกส่งไปเป็นสไนเปอร์ในกองพลทหารราบที่ 25

 

เธอใช้เวลาเพียง 2 เดือนครึ่งดับชีพทหารเยอรมันไปเกือบ 200 คน ตอนที่เธอได้รับบาดเจ็บในปี 1942 และถูกย้ายมารักษาตัว ไม่ต้องออกแนวหน้าอีกนั้นเธอทำยอดสังหารศัตรูไปถึง 309 รายแล้ว (เป็นสไนเปอร์ 36!) ต่อมาเธอกลายเป็นครูฝึกสไนเปอร์ และได้รับการยกย่องให้เป็นวีรสตรีแห่งสพภาพโซเวียตอีกด้วย!! 

 

************************************

 

อันดับ 2. สิบตรี มัทเธอุส เฮ็ตเซ่นเนาเออร์ (345 ศพ)

 

 

มือพิฆาตแห่งกองพลทหารภูเขาที่ 3 เยอรมัน จากเทือกเขาไทโรลในออสเตรีย ผ่านคอร์สสไนเปอร์ด้วยวัย 19 ปี แล้วเริ่มทำหน้าที่ตั้งแต่กลางปี 1944 จนถึงสิ้นสงคราม ปลิดชีพทหารรัสเซียไปถึง 345 ราย ภายในสิบเดือนเศษได้รับกางเขนอัศวิน อิสริยาภรณ์ชั้นสูงของเยอรมันเป็นรางวัล 

เขายังทำสถิติน่าทึ่งซึ่งมีทหารเยอรมันแค่ 3 คน ทำได้คือทั้งทำลายรถถังด้วยอาวุธขนาดเล็กในระยะประชิด และใช้ปืนไรเฟิลยิงเครื่องบินตกอีกลำ! ระยะหวังผล 400 เมตร เล็งหัวไม่มีพลาด ระยะ 1,100 เมตรนั้น เขาก็เคยยิงสำเร็จมาแล้ว แทบไม่เคยยิงเกิน 1 นัดต่อครั้ง นายทหารพลปืนกล พลปืนใหญ่คือเป้าหมายโปรด เขาเชื่อว่าการวางแผนอันรอบคอบคือสิ่งที่ทำให้สไนเปอร์ประสบความสำเร็จ 

 

************************************

 

อันดับ 1. ร้อยตรี ซิโม ฮายฮา (505 ศพ)

ถ้ารวมกับศพที่ไม่ยืนยันอีก ประมาณ 742 ศพ

 

 

 

เจ้าของฉายา "มฤตยูขาว" แห่งฟินแลนด์เป็นสไนเปอร์อีกรายที่เคยเป็นพรานป่ามาก่อน เมื่อรัสเซียรุกรานบ้านเกิด ฮายฮาจึงอาสาสมัครเข้ารบทันที ภายใต้สภาพอากาศ -40 องศา และภูมิประเทศทุรกันดารซึ่งเขาคุ้นเคยและใช้เป็นข้อได้เปรียบ ฮายฮาเก็บทหารรัสเซียเป็นว่าเล่นถึง 505 ราย (ไม่ยืนยันอีก 37 ราย และฆ่าด้วยปืนกลอีก 200 ราย) ใน 13 สัปดาห์ ซึ่งนั่นหมายความว่า เขายิงทหารรัสเซียเฉลี่ยวันละ 5 ราย!!! 

 

 

ฮายฮาไม่เคยใช้กล้องเล็งช่วย ใช้แค่ความชำนาญล้วนๆ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโดนยิงเข้าที่กรามด้านซ้ายจนต้องหยุดรักษาตัวในปี 1940 และได้รับเลื่อนยศรวดเดียวจากสิบโทเป็นร้อยตรี ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ฟินแลนด์ ฮายฮาคือวีรบุรุษแห่งชาติ และเป็นหนึ่งในพลแม่นปืนที่มีส่วนทำให้โซเวียตผู้รุกรานต้องสูญเสียทหารถึงล้านคน ในขณะที่ฝ่ายฟินแลนด์นั้นตายแค่ 25,000 คนเท่านั้น 

 

************************************

 

Credit: http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=679645
1 ก.ค. 56 เวลา 19:22 28,176 7 180
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...