รวบหนุ่มแบงค์ ยักยอกเงินบริษัทเคมีภัณฑ์เกษตร เบิก15ล. ซื้อของฟุ่มเฟือย สุดท้ายไม่รอดคุก

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 29 มิถุนายน ที่ห้องประชุมชั้น 4 บก.สส.บช.น.พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.3 บก.สส.บช.น.พร้อมด้วย พ.ต.ท.นิโรจน์ ผลบุญ พงส.ผนพ.บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.พิษณุวัชร์ ใจการ สว.ฝอ.บก.สส.บช.น.ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายศิวดล หรืออาร์ม ถาวงศ์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70/6 หมู่ 6 ต.วรนคร อ.ปัว จ.น่าน ตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 1145/2556 ลงวันที่ 27 มิ.ย.56 ข้อหาร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอมและลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างหรืออยู่ในความครอบครองของนายจ้างโดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยผู้ต้องหารายนี้ถูกจับกุมตัวได้ที่ห้องพักเลขที่ 205 ไลท์อิมเมจคอนโดมิเนียม ซอยเสื้อใหญ่อุทิศ 36 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.พร้อมของกลางเงิน จำนวน 5,900,000 บาท บรรจุในกระเป๋า 2 ใบซุกซ่อนไว้ในห้องพัก รถยนต์ยี่ห้อ RANGE ROVER รุ่น EVOQUE สีดำ ทะเบียนป้ายแดงเลขที่ ต-0031 กรุงเทพมหานคร นาฬิกาข้อมือ 2 เรือน สมุดบัญชีเงินฝาก3 เล่ม มียอดเงินรวมกัน 2,840,000 บาท สลากออมสิน จำนวนเงิน 500,000 บาท 1 ฉบับ และแหวนทอง สร้อยคอทองคำรูปพรรณน้ำหนักรวมกันประมาณ 7 บาท

พ.ต.อ.นพศิลป์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ที่ผ่านมา ผู้เสียหายซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของ บจก.โปรเช็คฟิลต์ ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเคมีภัณฑ์ทางการเกษตร ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย ว่า ถูกยักยอกเงินสด จำนวน 15 ล้านบาท ไปจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาสี่แยกวังหิน เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.56 โดยผู้เสียหายยืนยันชัดเจนว่า ในห้วงวันเวลาดังกล่าวไม่ได้มอบอำนาจให้ใครไปเบิกเงินสดออกจากบัญชีธนาคาร ทางพนักงานสอบสวนท้องที่จึงประสานมายัง พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส.บช.น.ให้ช่วยทำการสืบสวนและติดตามตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้

"ต่อมาชุดคลี่คลายคดีของ บก.สส.บช.น.ได้ร่วมกันกับตำรวจ สน.โชคชัย และผู้บริหารธนาคารดังกล่าว ทำการตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างละเอียดพบหลักฐานชัดเจนทำให้เชื่อว่า นายศิวดล ผู้ต้องหาซึ่งเป็นพนักงานประจำเคาน์เตอร์รับฝาก-ถอน ที่เพิ่งทำงานมาได้ประมาณ 9 เดือน น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับการยักยอกเงิน จึงรวบรวมพยานหลักฐานและเร่งรัดทำการขออนุญาตออกหมายจับจากศาลอาญา และบุกเข้าทำการจับกุมตัวไว้ได้พร้อมของกลางทั้งหมด ที่ห้องพักในซอยเสือใหญ่อุทิศ 36 ขณะที่นายศิวดลกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องดังกล่าว"

พ.ต.อ.นพศิลป์ กล่าวว่า จากการสอบสวน นายศิวดล ยอมรับว่า เพิ่งเรียนจบคณะบริหารทรัพยากรมนุษย์ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่ง ปีการศึกษาล่าสุด และเตรียมตัวจะรับใบปริญญา วันที่ 2 ก.ค.นี้ แต่โชคดีที่สมัครเข้าทำงานตำแหน่งบริการและงานขายของธนาคารกสิกรไทย สาขาสี่แยกวังหิน ได้ตั้งแต่จบใหม่ๆ โดยเริ่มเป็นพนักงานทดลองงานนาน 4 เดือน ก่อนจะบรรจุเป็นพนักงานประจำ อีก 5 เดือน ซึ่งตนยอมรับว่า เป็นผู้ก่อเหตุยักยอกเงินทั้งหมดจากลูกค้าบริษัทดังกล่าวจริง หลังพบว่ามีเงินอยู่ในบัญชีจำนวนมาก และพบช่องโหว่ที่สามารถกระทำการยักยอกออกมาได้ ที่สำคัญมีการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้านานประมาณ 1 เดือน 

นายศิวดล ยอมรับต่อว่า จุดเริ่มต้นมาจากการที่ตนเจอบัตรประชาชนของนายชยุตม์ (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อนตกอยู่ที่พื้น จึงนำบัตรประชาชนมาใช้เป็นเอกสารขอเปิดบัญชีกับทางธนาคารสาขาที่ตัวเองทำงานเพื่อรอเอาไว้ก่อน จากนั้นจึงปลอมลายเซ็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทผู้เสียหาย เพื่อสั่งซื้อเช็ค จำนวน 5 เล่ม เมื่อได้เช็คมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตนก็ฉีกออกมา 1 ใบ เขียนเบิกเงินครั้งเดียวจำนวน 15 ล้านบาท โดยปลอมลายเซ็นกรรมการผู้มีอำนาจคนเดิมเพียง 1 ชื่อเท่านั้น ต่อมานึกได้ว่าเคยรู้จักกับลุงคนหนึ่งซึ่งตนก็ไม่ทราบชื่อ อาชีพขับรถวินมอเตอร์ไซด์อยู่แถวมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่ง จึงเดินทางไปว่าจ้างให้ไปเบิกเงินสด จำนวน 15 ล้านบาท นำเข้าบัญชีนายชยุตม์ที่ตนเปิดรอไว้ พอทางธนาคารอนุมัติให้เบิกเงินเข้าบัญชี ก็นัดหมายไปเอาสมุดบัญชีใกล้ๆ ที่ทำงานธนาคาร และจ่ายค่าว่าจ้างไปจำนวน 5,000 บาท ก่อนจะแยกย้ายกันไป โดยตนยืนยันว่าไม่ได้ติดยาเสพติด ไม่เคยเป็นหนี้ และไม่ได้เล่นการพนัน เพียงแต่พบช่องทางที่จะยักยอกได้ จึงตัดสินใจวางแผนก่อเหตุเพียงคนเดียวเท่านั้น

 “ส่วนเงินที่ได้มานั้น ก็ยักย้ายถ่ายโอนไปเข้าบัญชีส่วนตัว บัญชีแฟนสาว และเบิกออกมาซื้อรถป้ายแดง จากเจ้าของเดิมซึ่งมีปัญหากับไฟแนนซ์ ราคา 4,500,000 บาท บางส่วนก็นำไปซื้อเครื่องประดับ สลากออมสินเก็บไว้ และใช้จ่ายประจำวัน คงเหลือเงินสด จำนวน 5,900,000 บาท ที่ซุกไว้ในห้องพัก กับเงินในบัญชีธนาคารต่างๆ อีกประมาณ 3,300,000 บาท ยินยอมให้ตำรวจยึดเป็นของกลางก่อนนำส่งคืนเจ้าของทั้งหมด” นายศิวดล กล่าว

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมไม่ปักใจเชื่อคำให้การของนายศิวดลมากนัก เนื่องจากยอดเงินยังสูญหายไม่ปรากฏว่านำไปใช้จ่ายในเรื่องใดอีกเป็นจำนวนมาก ประกอบกับต้องทำการตรวจสอบประวัติของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเฉพาะแฟนสาวเจ้าของบัตรประชาชนที่ผู้ต้องหานำมาเปิดบัญชี และตามตัวลุงผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซด์รับจ้างมาสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง หากพบมีการทำผิดร่วมกันก็จะจับกุมส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายด้วยต่อไป

Credit: http://news.sanook.com/1194417/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C-%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...