พวกเราส่วนใหญ่จะมีงานอดิเรกที่ชอบทำในเวลาว่างๆ แต่ไม่ว่างานอดิเรกของคุณจะแปลกขนาดไหน คงสู้งานอดิเรกของคนสมัยก่อนไม่ได้ ที่บอกได้แค่ว่า ทั้งน่ากลัวและสยองแบบไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครทำแบบนี้อยู่ด้วย
งานเลี้ยงชมระเบิดปรมาณู
ที่มาภาพ io9
ถ้าเกิดอยู่ๆ รัฐบาลก็ประกาศว่า วันนี้จะมีการทดลองจุดระเบิดปรมาณูไม่ไกลจากบ้านคุณเท่าไหร่ เดาได้เลยว่าสิ่งที่ใครๆ ก็ต้องทำคือโทรศัพท์ไปสวดพวกนักการเมือง และรีบเก็บของหนีออกจากบ้านไปให้เร็วที่สุด
แต่เมื่อสมัยปลายปี ค.ศ.1950 ประธานาธิปดีทรูแมนแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาอนุมัติให้มีการทดลองจุดระเบิด ปรมาณูบนพื้นที่ห่างจาก Las Vegas ไป 65 ไมล์ สิ่งที่ชาวเมืองทำคือการรีบเก็บข้าวของกระโดดขึ้นรถ ไม่ใช่เพื่อหนี แต่เพื่อขับไปงานเลี้ยงชมระเบิดที่เต็มไปด้วยการสังสรรค์ แอลกอฮอล์ และการพนัน
ที่มาภาพ Cracked
ชาวเมืองใช้โอกาสนี้โปรโมทเมืองของตัวเองให้เป็น เมืองแห่งระเบิดปรมาณู แล้วจัดงานกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยวเสียเลย นางโชว์ใส่ชุดว่ายน้ำรูประเบิดดอกเห็ดสุดเซ็กซี่ ส่วนผู้เข้าร่วมสังเกตุการณ์ก็สนอกสนใจ พยามเข้าไปใกล้จุดระเบิดให้ได้มากที่สุด และโรงแรมแถวๆ นั้นก็จัดงานเลี้ยงที่ให้ผู้คนได้ดื่มกินกันทั้งคืนขณะรอให้มีการจุดระเบิด ขึ้น
Miss Atom Bomb 1957
ที่มาภาพ vegas
น่าเสียดายที่งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา เมื่อชาวบ้านเริ่มบ่นถึงผลกระทบที่ตามมาจากการจุดระเบิดครั้งนั้น และในที่สุด ในปี ค.ศ.1963 การทดลองระเบิดนิวเคลียร์ก็ถูกบังคับให้ไปทำกันที่ใต้ดินแทน
เยี่ยมชมห้องเก็บศพในเมืองปารีส
ที่มาภาพ kootation
ในช่วงกลางยุคศตวรรษที่ 19 เมืองใหญ่ๆ อย่างเมืองปารีสมีคนตายและศพโผล่มาอยู่ตลอดเวลาจนเกินกว่าจะรับมือได้ทัน ดังนั้น จึงมีการสร้าง ห้องเก็บศพแห่งปารีส ซึ่งภายในเป็นห้องเย็นและผนังเป็นตู้กระจกโชว์เอาไว้กลางเมืองเสียเลย
ที่มาของความคิดนี้ก็คือ เพื่อเป็นการให้คนที่ผ่านไปผ่านมาช่วยระบุตัวตนของศพบางร่างที่ไม่รู้ว่า เป็นใคร ดังนั้น จึงมีการแขวนเสื้อที่ศพนั้นเคยใส่ในตู้ด้านหลังด้วย อย่างไรก็ตาม ห้องเก็บศพสาธารณะสุดสยองนี้ก็มีคนมาเยี่ยมชมมากถึง 40,000 คนต่อวัน (จำนวนนี้พอๆ กับคนที่ไปเที่ยว Disney World ใน 1 วัน) จึงกลายเป็นว่า วัตถุประสงค์ดั้งเดิมของห้องเก็บศพนี้ถูกเปลี่ยนไป และสถานที่นี้ก็กลายเป็นที่ท่องเที่ยวไปแทนเสียอย่างนั้น
ที่มาภาพ victorianparis
ที่จริงแล้ว ห้องเก็บศพนี้เป็นที่นิยมมากกระทั่งถูกระบุพิกัดไว้อย่างชัดเจนไว้ในหนังคู่ มือการท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ ขนาดนักท่องเที่ยวยังตั้งชื่อเล่นให้กับศพที่ตั้งโชว์ (แบบเปลือยทั้งตัว) อยู่ในตู้กระจกกันแบบสนุกสนานเสียด้วยซ้ำ
จนกระทั่งปี ค.ศ.1907 หลังจากได้รับความนิยมมาเป็นเวลานาน ห้องเก็บศพนี้ก็ถูกปิดตัวลงในที่สุด
สะสมตุ๊กตาหุ่นจำลองฆาตกร
ที่มาภาพ chacha
ชาวลอนดอนในยุควิคตอเรียนนิยมสะสมตุ๊กตาหุ่นจำลองกัน แต่ไม่ใช่หุ่นจำลองซุปเปอร์ฮีโร่ สาวเปลือย หรือคนดังธรรมดาๆ แต่เป็นตุ๊กตาหุ่นจำลองเหล่าฆาตกรชื่อดัง
ที่มาภาพ christies
อย่างเช่นภาพตัวอย่างนี้ คือตุ๊กตาจำลองของ James Blomfield Rush ซึ่งดูเผินๆ เหมือนตุ๊กตาน่าเบื่อธรรมดาๆ แต่พอดูดีๆ แล้วจะเห็นว่า นาย James คนนี้กำลังบีบคอชายอีกคนอยู่ นั่นก็เพราะเขาคือผู้ต้องหาในคดีดัง ซึ่งได้ทำการฆาตกรรมลูกจ้างไป 2 รายซ้อนอย่างเหี้ยมโหด และไม่ใช่แค่กรณีนี้กรณีเดียวเท่านั้นที่ถูกนำมาทำเป็นตุ๊กตาหุ่นจำลอง แต่ยังมีอีกมาก เช่น
ที่มาภาพ mystaffordshirefigures
ตุ๊กตานี้มาจากการเหตุการณ์ฆาตกรรม Red Barn โดยชายที่ชื่อ William Corder ฆ่ารัดคอชู้รักของตน Maria Marten ด้วยผ้าเช็ดหน้า และถ้าลองดูเข้าไปในโรงนาที่ Corder หลอก Marten ไปฆ่า ก็จะเห็นภาพจำลองของเขาที่กำลังฝัง Marten ไว้ใต้พื้นไม้กระดาน
อย่างไรก็ตาม ตุ๊กตาสยองๆ พวกนี้มีราคาแพงไม่น่าเชื่อ และไม่ใช่ทุกคนจะมีกำลังพอจะซื้อมาเก็บไว้ดูเล่นได้ แต่ก็ไม่ต้องห่วงเพราะมีของสะสมที่ราคาถูกกว่านั้น นั่นคือ ใบแผ่นพับที่จะแจกไปทั่วท้องถนนในวันที่จะมีการประหารชีวิตนักโทษ ซึ่งก็มีรายละเอียดข้อมูลการฆาตกรรม และวิธีการประหาร (พร้อมรูปประกอบ)
ที่มาภาพ britannica
แผ่นพับแบบนี้ได้รับความนิยมมาก บางอันขายได้มากกว่า 1 ล้านฉบับ เปรียบเทียบได้พอๆ กับยอดการซื้อเพลงออนไลน์สมัยนี้เลย
ภาพถ่ายไร้หัว
ที่มาภาพ laughingsquid
ทุกวันนี้ แค่เด็ก 10 ขวบธรรมดาๆ ก็ยังรู้วิธีสร้างภาพถ่ายปลอมขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม ภาพถ่ายปลอมๆ ที่ตัดต่อขึ้นใน Photoshop เดี๋ยวนี้ก็ดูธรรมดาไปเลยเมื่อเทียบกับภาพถ่ายยอดฮิตในสมัยวิตอเรียน
ที่มาภาพ headlesshearseman
และนี่ คือภาพครอบครัวที่ลูกๆ ตัดหัวแม่ออกด้วยขวาน นี่คือ ภาพถ่ายไร้หัว ซึ่งเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในสมัยศตวรรษที่ 19 เทคนิคนี้ทำโดยการตัดต่อภาพสองภาพบนแผ่นฟิมล์ก่อนนำไปล้าง และสำหรับบางคนที่ไม่มีใครอยากมาช่วยถ่ายภาพไร้หัวร่วมด้วย ก็มีทางเลือกให้ เช่น
ที่มาภาพ laughingsquid
ภาพแบบ เสิร์ฟศีรษะของคุณไว้บนถาด ก็เป็นอีกหนึ่งท่ายอดนิยม
ที่มาภาพ etsy
หรือภาพ หัวฉันหายไปไหน (แบบนี้น่าจะได้ส่วนลดหน่อยนะเพราะไหนๆ ก็ไม่ต้องถ่ายหัวด้วยแล้ว)
สร้างกองไฟยักษ์ด้วยแมว
ที่มาภาพ guardian
ใครๆ ก็ชอบงานเลี้ยงรอบกองไฟ งานฉลองในฤดูร้อนที่มีแต่เพื่อนๆ มาสนุกสนานเฮฮากันรอบกองไฟ พร้อมกับเสียงแมวร้องคร่ำครวญเมื่อพวกมันถูกนำมาใช้แทนฟืน
ใช่แล้ว ชาวปารีสในสมัยศตวรรษที่ 18 เองก็ชอบงานเลี้ยงรอบกองไฟเหมือนกัน ทุกๆ ปีในฤดูร้อน ผู้คนจะมารวมตัวกันที่ Place de Greve และจุดกองไฟขนาดใหญ่ขึ้นมา มีทั้งเสียงหัวเราะ การเต้นรำ การร้องเพลง ดื่มสังสรรค์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่พบได้ในงานเลี้ยงรอบกองไฟทั่วๆ ไป แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือ ถุงใส่แมวเป็นๆ ที่ห้อยไว้ด้านบนและปล่อยพวกมันลงมาสู่เปลวไฟด้านล่าง
ที่มาภาพ americanfreethought
หลังจากนั้น เช้าวันต่อมา ผู้คนก็จะพากันมาเก็บเอาเถ้ากระดูกของเหล่าแมวเหมียวผู้โชคร้ายไปเพื่อใช้ เป็นเครื่องราง ส่วนเหตุผลว่าทำไมต้องเป็นแมวนั้น เราเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน อาจจะเป็นได้ว่า สมัยนั้นเชื่อกันว่าแมวเป็นสัตว์ไร้วิญญาณ เป็นแม่มด ปีศาจ หรืออาจจะมีเหตุผลอื่นอีกก็เป็นได้
ประเพณีสุดสยองนี้ได้รับความนิยมไปทั่วประเทศฝรั่งเศส เช่น ใน Saint Chamond จะมีการไล่จับแมวที่วิ่งไฟลุกไปตามท้องถนน ส่วนที่ Burgundy และ Lorraine ชาวบ้านจะพากันเต้นรำรอบๆ เสาไฟซึ่งมีแมวเป็นๆ ห้อยอยู่
ที่มาภาพ tate
ที่มา Cracked